ใครก็คงรู้จักสมาร์ทโฟน Huawei กันอยู่แล้ว หลังจากที่แบรนด์จากประเทศจีนได้เข้ามาตีตลาดเป็นเวลานานและยังมาพร้อมกับสเปคที่พร้อมสู้กับคู่แข่งมากมายในตลาด จนกระทั่งครั้งหนึ่งพวกเขาเคยก้าวไปเทียบกับ Samsung และ iPhone ได้เลยทีเดียว แม้ปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องระบบปฏิบัติการณ์ไปแล้ว แต่มือถือของพวกเขายังมีสเปคและลูกเล่นน่าสนใจเหมือนเดิม พร้อมกับราคาที่ตีทุกตลาดอีกด้วย
บรรณาธิการ
Table of Contents
10 โทรศัพท์ Huawei รุ่นไหนดี กล้องดี สเปคน่าสนใจ 2025
สมาร์ทโฟนตัวแรกของ Huawei ในลิสต์นี้ก็ต้องเป็นรุ่น nova Y70 ที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังตามหาโทรศัพท์ราคาไม่แรงมากนั่นเอง ซึ่งจุดเด่นของเครื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานตามความจุ 6,000 mAh และยังชาร์จเร็วได้ถึง 22.5W อีกด้วย ส่วนกล้องหลักก็ยังใช้ความละเอียดที่ 48MP และกล้องหน้า 8 MP ที่บอกได้เลยว่าเหมาะกับคนที่ไม่ใช้งานหนักหรือคนชอบมือถือหน้าจอใหญ่คงจะถูกใจโทรศัพท์ Huawei นี้ไม่น้อยเลย
ข้อมูลเฉพาะ
สี: Crystal Blue, Midnight Black | น้ำหนัก: 199 g. | Ram: 8 GB | Rom: 128 GB | ขนาดหน้าจอ: 6.75 นิ้ว | ระบบปฏิบัติการ: EMUI12
รีวิวจากผู้ใช้จริง: ราคากำลังดี ให้คนแก่ที่บ้านใช้ ตัวหนังสือใหญ่สะใจคนแก่
อีกหนึ่งมือถือ Huawei ที่ราคาไม่เกิน 10,000 บาทและเพิ่งจะเปิดตัวเมื่อหนึ่งปีก่อนเท่านั้น ซึ่งรุ่น nova 8i ก็มาพร้อมกับจุดเด่นเรื่องแบตเตอรี่เช่นกัน แต่สามารถชาร์จเร็วได้ถึง 66W กันเลยทีเดียว แล้วยังมีกล้องถึงสี่ตัวที่ทำงานด้วยระบบ AI ที่ฉลาดไม่น้อยเลย ส่วนเรื่องการประมวลผลก็ยังใช้ Snapdragon 662 ที่เล่นเกมได้อย่างสบาย ๆ ขณะที่ความปลอดภัยก็ยังมีระบบสแกนนิ้วมาให้ตรงขอบจอนั่นเอง
ข้อมูลเฉพาะ
สี: Moonlight SIlver, Starry Black | น้ำหนัก: 190 g. | Ram: 8 GB | Rom: 128 GB | ขนาดหน้าจอ: 6.67 นิ้ว | ระบบปฏิบัติการ: EMUI11 on Android 12
รีวิวจากผู้ใช้จริง: สินค้าสภาพดี สวยงามน่าใช้
ต่อกันที่ โทรศัพท์หัวเหว่ย รุ่น nova 9 SE ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาได้นำเอาจุดเด่นอย่างเรื่องกล้อง 108MP เข้ามาเพิ่มความน่าสนใจของโทรศัพท์รุ่นนี้นั่นเอง โดยเลนส์ที่มีความละเอียดสูงก็ทำให้ภาพที่ถ่ายไว้คมชัดกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนที่เอาอยู่แน่นอน ส่วนการชาร์จเร็วของพวกเขาก็ยังทำได้ที่ 66W เช่นเดียวกับระบบระบายความร้อนที่เหมาะกับสายเกมที่อยากเล่นยาว ๆ ได้เลย
ข้อมูลเฉพาะ
สี: Crystal Blue, Midnight Black | น้ำหนัก: 191 g. | Ram: 8 GB | Rom: 128 GB | ขนาดหน้าจอ: 6.78 นิ้ว | ระบบปฏิบัติการ: EMUI12
รีวิวจากผู้ใช้จริง: ใช้งานง่าย ตัวเครื่องสวยมาก
เป็นโทรศัพท์ Huawei รุ่นที่ขยับสเปคขึ้นไปอีก เมื่อ nova 9 ได้เริ่มเน้นไปที่หน้าจอของพวกเขาและมีค่ารีเฟรชเรทสูงถึง 120 Hz จากหน้าจอโค้งของตัวเครื่อง รวมถึงกลับไปใช้เลนส์ความละเอียด 50 MP แต่ใช้เลนส์ของ Sony ที่รับประกันความคมชัดกว่าเดิมและยังถ่ายได้หลายระยะเช่นกัน ซึ่งการถ่ายรูปในช่วงกลางวันอาจเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ได้เลย ขณะที่แบตเตอรี่ก็ยังรองรับการชาร์จเร็ว 66W ตามสไตล์ของพวกเขา
ข้อมูลเฉพาะ
สี: Starry Blue, Black | น้ำหนัก: 175 g. | Ram: 8 GB | Rom: 256 GB | ขนาดหน้าจอ: 6.57 นิ้ว | ระบบปฏิบัติการ: EMUI12
รีวิวจากผู้ใช้จริง: คุณภาพโดยรวมโอเค ใช้งานเบื้องต้นไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ ชอบมากกกก
เป็นโทรศัพท์ Huawei ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาในเดือนตุลาคมเท่านั้น สำหรับ Nova 10 SE หรือรุ่นเล็กของพวกเขา แต่สเปคไม่ธรรมดาเลย เพราะมีกล้องความละเอียดสูงสุดที่ 108MP ด้วยกัน เช่นเดียวกับการออกแบบให้เครื่องบางลงและมีน้ำหนักน้อย เหมาะกับการพกพามากกว่าเดิม ด้านหน้าจอจะเป็นความละเอียดแบบ OLED และมีรีเฟรชเรทถึง 90 Hz ที่ไหลลื่นพอตัว ส่วนการชาร์จเร็วก็ยังจัดให้ที่ 66W เหมือนเดิม
ข้อมูลเฉพาะ
สี: Starry Silver, Starry Black, Mint Green | น้ำหนัก: 184 g. | Ram: 8 GB | Rom: 256 GB | ขนาดหน้าจอ: 6.67 นิ้ว | ระบบปฏิบัติการ: EMUI12
รีวิวจากผู้ใช้จริง: -
อีกหนึ่งสมาร์ทโฟน Huawei ที่เริ่มนำมาตีตลาดของโทรศัพท์ราคาสูงขึ้นมาและคราวนี้ยังจัดเต็มกับกล้องไม่น้อยเลย เพราะสามารถใช้เลนส์หลักของกล้องหลังที่ 50 MP ด้วยกัน ส่วนกล้องหน้าก็ยังมีความละเอียดที่ 60 MP แล้วยังถ่ายภาพได้แบบอันตร้าไวลด์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการออกแบบความบางของเครื่องให้เหลือแค่ 6.88 mm เพื่อให้โดดเด่นกว่ารุ่นอื่น ๆ แถมการใช้หน้าจอ OLED และมีรีเฟรชเรท 120 Hz ก็น่าจะเล่นได้อย่างสบายตาแล้ว
ข้อมูลเฉพาะ
สี: Starry Silver, Starry Black | น้ำหนัก: 168 g. | Ram: 8 GB | Rom: 256 GB | ขนาดหน้าจอ: 6.67 นิ้ว | ระบบปฏิบัติการ: EMUI12
รีวิวจากผู้ใช้จริง: -
ต่อกันด้วยมือถือ Huawei Nova 10 Pro ที่เป็นรุ่นใหญ่ของพวกเขาและเพิ่งเปิดตัวออกมาในเดือนตุลาคมนี้เอง ซึ่งบริษัทยังเน้นไปที่กล้องหน้าสองตัวแบบ Dual Focus ที่สามารถใช้ Auto Focus ได้จากเลนส์ความละเอียด 60 MP ที่เหมาะกับสายเซลฟี่กันเลยทีเดียว ส่วนกล้องหลังก็ยังใช้ Ultra Vision แบบ 50 MP เช่นเดิม แล้วยังไม่พอ เพราะ Huawei ยังใส่การชาร์จเร็วที่ 100W มาให้ด้วยในรุ่นโปรนี้
ข้อมูลเฉพาะ
สี: Starry Silver, Starry Black | น้ำหนัก: 191 g. | Ram: 8 GB | Rom: 256 GB | ขนาดหน้าจอ: 6.78 นิ้ว | ระบบปฏิบัติการ: EMUI12
รีวิวจากผู้ใช้จริง: -
ยังไงมือถือ Huawei ก็ยังจัดเต็มเหมือนเดิม เพราะพวกเขาใช้คอนเซปต์ของ P50 ไว้ว่าเป็น Legend Reborn หรือตำนานกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แถมยังออกแบบมาเป็นอย่างดีตั้งแต่หน้าจอแบบ Chroma ที่ถนอมดวงตาและได้สีสันสดใส ส่วนตัวกล้องยังใช้เลนส์ Leica เจ้าของแบรนด์ดังในวงการและถ่ายภาพได้ละเอียดสูงสุด 50 MP ที่มี Huawei XD Optics และ Fusion Pro Image Engine ที่ทำให้ได้ภาพสวยไปมากกว่าเดิม
ข้อมูลเฉพาะ
สี: Cocoa Gold, Golden Black | น้ำหนัก: 181 g. | Ram: 8 GB | Rom: 256 GB | ขนาดหน้าจอ: 6.5 นิ้ว | ระบบปฏิบัติการ: HarmonyOS 2.0
รีวิวจากผู้ใช้จริง: -
เรื่องนวัตกรรมของโทรศัพท์ Huawei ก็ยังไม่แพ้ใคร เพราะในรุ่น P50 Pocket ก็จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนจอพับที่น่าสนใจไม่น้อยเลย หลังจากที่พวกเขาเปิดตัวออกมาช่วงต้นปีที่ผ่านมาและเป็นมือถือจอพับที่พยายามมาแข่งขันกับคู่แข่งแอนดรอยด์อื่น ๆ ที่เริ่มทำออกมาเหมือนกัน ซึ่งบริษัทได้ให้หน้าจอแบบ OLED 120 Hz ที่ไหลลื่นเมื่อเปิดหน้าจอเต็ม แล้วยังพับเก็บได้ดี เพราะออกแบบให้เครื่องเล็ก แต่สเปคอื่นยังอาจต้องพิจารณากันมากสักหน่อย
ข้อมูลเฉพาะ
สี: White, Gold | น้ำหนัก: 190 g. | Ram: 12 GB | Rom: 512 GB | ขนาดหน้าจอ: 6.9 นิ้ว | ระบบปฏิบัติการ: EMUI12
รีวิวจากผู้ใช้จริง: -
มือถือ Huawei รุ่นสุดท้ายของ Huawei ในลิสต์นี้ก็จะเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับอย่าง Mate Xs 2 ที่มีการออกแบบให้บางเบาและพกพาง่าย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีการใส่ชาร์จเร็วที่ 66W แบบสุดคลาสสิคของแบรนด์นี้ เช่นเดียวกับฟีเจอร์อย่าง Smart Multi-Window ที่ใช้ในการเปิดแอพต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงกล้องยังมีระบบ True-Chroma Image Engine ให้ทำภาพได้สวยกว่าเดิมจากมือถือจอพับตัวนี้
ข้อมูลเฉพาะ
สี: White, Black | น้ำหนัก: 255 g. | Ram: 8 GB | Rom: 512 GB | ขนาดหน้าจอ: 7.8 นิ้ว | ระบบปฏิบัติการ: HarmonyOS 2.0
รีวิวจากผู้ใช้จริง: -
ประวัติของ Huawei
ที่จริงก่อนจะมีโทรศัพท์ Huawei นั้น ทางบริษัทก็ได้ออกแบบสวิตช์ของมือถือมาก่อนตั้งแต่ปี 1987 แล้ว จนกระทั่งในปี 2003 พวกเขาได้พัฒนาโทรศัพท์ที่ชื่อว่า Huawei C300 และวางจำหน่ายในปี 2004 นับตั้งแต่นั้นพวกเขาก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี 2018 ที่พวกเขาได้รับความนิยมอย่างมากและนำไปเทียบกับ Samsung หรือ Apple ได้เลยนั่นเอง
วิธีเลือกมือถือ Huawei
วิธีการเลือกของโทรศัพท์ Huawei ก็ยังต้องพิจารณาเรื่องการใช้งานที่ผู้ใช้แต่ละคนต้องการ ยิ่งปัจจุบันที่ไม่มี Google Service แล้วยิ่งทำให้การใช้งานแอพพลิเคชั่นยอดนิยมหายไปไม่น้อยเลย เช่นเดียวกับฟีเจอร์ที่ต้องการในชีวิตประจำวัน คนที่รักการถ่ายรูปผ่านมือถือก็ยังคงใช้งานได้ดีตามงบที่ต้องการ หรืออยากลองมือถือจอพับก็มีตัวเลือกเหมือนกัน
จุดเด่นของมือถือ Huawei
แน่นอนว่าคนที่ติดใจโทรศัพท์ Huawei คงเป็นเรื่องนวัตกรรมอย่างกล้องที่สวยงามมากและสเปคก่อนหน้านี้ที่ค่อนข้างจัดเต็ม ก่อนจะเกิดเรื่องชิพขาดแคลนในเวลาต่อมา นอกจากนี้พวกเขายังรองรับการชาร์จเร็วไว้ถึง 66W เป็นส่วนใหญ่ที่ใช้เวลาน้อยมากกับการชาร์จแบตเตอรี่ รวมถึงปัจจุบันก็ยังพยายามทำมือถือจอพับที่เป็นอีกนวัตกรรมที่น่าสนใจมาก
การไม่มี Play store ใน Huawei เป็นข้อจำกัดจริงไหม
นับตั้งแต่ Google เลิกสนับสนุนมือถือ Huawei ก็น่าจะเป็นอีกเรื่องที่ทำให้หลายคนลังเลกับการใช้งานมือถือตัวนี้ ซึ่งก็เป็นความจริงที่ปัจจุบันมือถือของพวกเขาไม่สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นบางตัวได้อีกต่อไป ยกเว้นจะเป็นคนที่ชอบแอพพลิเคชั่นจากประเทศจีนก็จะไม่มีปัญหา ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนและแฟนคลับของ Huawei ก็น่าจะปรับตัวกันได้แล้วเช่นกัน
แต่ในปัจจุบันหลายๆ แอปเองก็มีการพัฒนาและปล่อยให้ดาวน์โหลดได้บน AppGallery อยู่เช่นกัน แต่เพียงแอปใหม่อาจจะตามมาช้าหน่อย
บทส่งท้าย
ต้องยอมรับว่ามือถือ Huawei อาจเป็น Cult Classic ของคนที่ยังรักแบรนด์นี้อยู่และถูกใจกับสเปคของมือถือที่ราคากลาง ๆ นั่นเอง รวมถึงคนที่ชอบมือถือหน้าจอใหญ่ก็น่าจะชอบสมาร์ทโฟนของพวกเขาเช่นกัน ส่วนอนาคตทางซอฟต์แวร์ของพวกเขาก็น่าจะพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และชิพประมวลผลที่กำลังคิดค้นกันอยู่ จนต่อไปอาจเป็นที่น่าจับมองอีกครั้งหนึ่ง