Welcome Citizen!

บันทึกตอนนี้เลย แล้วซื้อทีหลัง เราจะแจ้งคุณถ้าราคาลด

Welcome Citizen!

Setup your account or continue reading!

Settings
หูฟังมีกี่ประเภท รวมทุกแบบยอดนิยม พร้อมข้อดี-ข้อเสีย

หูฟังมีกี่ประเภท รวมทุกแบบยอดนิยม พร้อมข้อดี-ข้อเสีย

ไขข้อสงสัย หูฟังมีกี่ประเภท? บทความนี้จะพาไปรู้จักหูฟังแต่ละแบบ ข้อดี-ข้อเสีย เหมาะกับใคร พร้อมคำแนะนำสำหรับคนอยากเปลี่ยนมาใช้หูฟังบลูทูธ

หูฟังเป็นอุปกรณ์ที่อยู่กับเราแทบทุกวัน ไม่ว่าจะฟังเพลง รับสายโทรศัพท์ ดูหนัง หรือเล่นเกม หูฟังมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งขนาด รูปทรง และฟังก์ชันต่าง ๆ แล้วหูฟังที่เราเห็นกันทั่วไปนั้นแบ่งออกเป็นกี่ประเภท แต่ละแบบต่างกันอย่างไร และแบบไหนเหมาะกับการใช้งานของแต่ละคน มาดูรายละเอียดกัน


บรรณาธิการ

Puifaii chevron_right

...

หูฟังมีกี่ประเภท? รู้จักหูฟังแต่ละแบบ

  1. หูฟังแบบครอบหู (Over-Ear Headphones)

หูฟังแบบครอบหูมีลักษณะเด่นที่ชัดเจนคือขนาดใหญ่และรูปทรงที่ออกแบบมาให้ตัวฟองน้ำหรือแผ่นรองครอบปิดใบหูทั้งหมดอย่างแนบสนิท หูฟังประเภทนี้จึงสามารถป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี ช่วยให้ผู้ใช้งานดื่มด่ำกับรายละเอียดเสียงที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเสียงเบสที่หนักแน่น เสียงกลางที่ใส และเสียงแหลมที่คมชัด อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะส่วนใหญ่จะบุฟองน้ำหนานุ่ม ลดความอึดอัดหรือเจ็บหูที่มักเกิดกับหูฟังประเภทอื่น นอกจากนี้ หูฟังแบบครอบหูมักออกแบบมาให้มีคุณภาพเสียงสูง ใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น ฟังเพลงคุณภาพสูง ตัดต่อเสียง หรือเล่นเกมที่ต้องการแยกเสียงทิศทางได้ดี

  1. หูฟังแบบแนบหู (On-Ear Headphones)

หูฟังแบบแนบหูมีจุดเด่นตรงที่ตัวฟองน้ำจะวางแนบอยู่บนใบหูโดยตรง ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดเหมือนแบบ over-ear ทำให้มีขนาดและน้ำหนักที่เบากว่า พกพาสะดวกมากขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการหูฟังที่กะทัดรัด ใส่ง่าย หรือพกติดตัวไปนอกสถานที่ โดยคุณภาพเสียงของหูฟังแบบนี้อยู่ในระดับกลาง คือให้เสียงที่ค่อนข้างสมดุลระหว่างเสียงทุ้มและเสียงแหลม แต่เสียงเบสอาจไม่แน่นเท่าแบบครอบหู จุดเด่นอีกอย่างคือระบายอากาศได้ดีกว่าแบบครอบหู จึงไม่ร้อนหูขณะใช้งานในระยะเวลาปานกลาง อย่างไรก็ตาม ถ้าใส่หูฟังแนบหูนานเกินไป บางคนอาจรู้สึกเจ็บหูได้ เพราะแรงกดทับของฟองน้ำกับใบหู

  1. หูฟังแบบเสียบหู (In-Ear/Earbuds)

หูฟังแบบเสียบหูเป็นหูฟังขนาดเล็กที่สอดเข้าไปในรูหูโดยตรงหรือวางแนบกับรูหู จึงเหมาะกับการพกพาไปใช้งานทุกที่ทุกเวลา จุดเด่นหลักของหูฟังประเภทนี้คือการกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี โดยเฉพาะรุ่นที่เป็น in-ear ซึ่งมีจุกยางหรือซิลิโคนช่วยปิดช่องว่างรอบรูหู ผู้ใช้จึงได้ยินรายละเอียดเสียงชัดเจน แม้ในที่ที่มีเสียงดัง นอกจากนี้ หูฟังแบบเสียบหูยังตอบโจทย์คนที่ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหว เพราะน้ำหนักเบา ไม่หลุดง่าย มีรุ่นที่กันน้ำกันเหงื่อได้ คุณภาพเสียงของ in-ear รุ่นใหม่ ๆ ก็พัฒนาให้ดีขึ้นมาก ให้เสียงเบสและเสียงแหลมที่สมดุล ทั้งยังเหมาะกับการใช้งานในระหว่างเดินทางหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างไรก็ดี หากใช้งานนานเกินไปอาจทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเจ็บหูได้สำหรับบางคน

  1. หูฟังไร้สาย (Wireless Headphones)

หูฟังไร้สายเป็นหูฟังที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านสัญญาณ Bluetooth ทำให้ไม่มีสายไฟระหว่างหูฟังกับเครื่องเล่นเพลงหรือสมาร์ทโฟน จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้คือความสะดวกและความคล่องตัวในการใช้งาน ผู้ใช้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกังวลว่าสายจะพันกันหรือขวางมือขวางตา นอกจากนี้ หูฟังไร้สายสมัยใหม่ยังมีฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น การสั่งงานด้วยเสียง ระบบตัดเสียงรบกวนไมโครโฟน และบางรุ่นสามารถเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน แม้คุณภาพเสียงอาจขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ แต่ปัจจุบันหูฟังไร้สายคุณภาพสูงให้เสียงใกล้เคียงกับหูฟังแบบมีสาย อย่างไรก็ตาม หูฟังประเภทนี้ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่ และการเชื่อมต่ออาจมีดีเลย์เล็กน้อยเมื่อใช้กับบางอุปกรณ์หรือบางสถานการณ์

  1. หูฟัง True Wireless (TWS)

หูฟัง True Wireless หรือ TWS คือหูฟังไร้สายที่ไม่มีสายใด ๆ เชื่อมหูฟังทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน โดยจะเป็นชิ้นเล็ก ๆ สองข้าง แยกอิสระ ซ้ายและขวา จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้คือความคล่องตัวสูงสุด พกพาสะดวก ไม่ต้องกังวลว่าสายจะพันกัน และมีเคสสำหรับเก็บและชาร์จไฟในตัว สามารถใช้งานได้นานหลายชั่วโมง หูฟัง TWS ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักมาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย เช่น ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC), การควบคุมด้วยระบบสัมผัส, การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน และรองรับการกันน้ำกันเหงื่อสำหรับคนที่ออกกำลังกาย อีกทั้งยังมีดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย เหมาะกับผู้ใช้ทุกกลุ่ม แต่ด้วยขนาดที่เล็ก ทำให้เสี่ยงต่อการหล่นหาย และต้องชาร์จแบตเตอรี่เป็นประจำ

  1. หูฟังสำหรับเล่นเกม (Gaming Headset)

หูฟังสำหรับเล่นเกมหรือ Gaming Headset เป็นหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ มีจุดเด่นที่สำคัญคือจะมีไมโครโฟนในตัวสำหรับพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีมในเกม และรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง (Surround Sound) ช่วยให้แยกทิศทางเสียงได้แม่นยำ เหมาะกับเกมที่ต้องฟังเสียงฝีเท้าหรือการเคลื่อนไหวในเกมเป็นพิเศษ ตัวหูฟังมักจะบุฟองน้ำอย่างดี เพื่อให้สามารถใส่เล่นเกมเป็นเวลานานโดยไม่เจ็บหูหรืออึดอัด หลายรุ่นมีไฟ RGB และดีไซน์ที่โดดเด่น ตอบโจทย์สายเกมและสายสตรีมมิ่งโดยเฉพาะ ข้อดีอีกอย่างคือสามารถใช้กับพีซี คอนโซล หรืออุปกรณ์มือถือได้หลากหลายผ่านสายหรือไร้สาย

  1. หูฟังสำหรับงานเสียง (Studio Monitor Headphones)

หูฟังสำหรับงานเสียง หรือ Studio Monitor Headphones ถูกออกแบบมาสำหรับงานบันทึกเสียงและการมิกซ์เพลง จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้อยู่ที่การให้เสียงที่ “ตรงตามต้นฉบับ” หรือ Flat Sound โดยไม่มีการปรุงแต่งเสียงใด ๆ ผู้ใช้จะได้ยินทุกย่านเสียงทั้งสูง กลาง ต่ำ อย่างชัดเจนและสมจริง ซึ่งจำเป็นสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น การบันทึกเสียง ตัดต่อเสียง หรือโปรดิวเซอร์เพลง โครงสร้างของหูฟังมักจะทนทาน ใช้งานหนักได้ดี ใส่สบายแม้ต้องใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ราคามักจะสูงกว่าแบบทั่วไป และเสียงที่ได้อาจไม่ถูกใจคนที่ต้องการฟังเพลงแบบเน้นเบสหรือฟังเพื่อความบันเทิง


ข้อดีข้อเสียของ หูฟังแต่ละประเภท

  1. หูฟังแบบครอบหู (Over-Ear Headphones)
  • ข้อดี
    หูฟังแบบครอบหูมีข้อดีตรงที่ให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมทั้งในเรื่องของรายละเอียด ความหนักแน่นของเบส และมิติของเสียง ทำให้เหมาะกับการฟังเพลงคุณภาพสูง ดูหนัง หรือเล่นเกมที่ต้องการแยกเสียงทิศทาง นอกจากนี้ ด้วยขนาดของฟองน้ำที่ครอบหูทั้งหมด จึงสวมใส่ได้นานโดยไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเจ็บหู และยังช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี
  • ข้อเสีย
    แต่ในทางกลับกัน หูฟังประเภทนี้มีขนาดใหญ่และน้ำหนักค่อนข้างมาก จึงไม่เหมาะกับการพกพาไปข้างนอกหรือใช้งานระหว่างเดินทาง นอกจากนี้ ถ้าใช้ในที่ร้อนหรือกลางแจ้งอาจรู้สึกอับชื้นบริเวณหู และต้องใช้พื้นที่จัดเก็บค่อนข้างเยอะ
  1. หูฟังแบบแนบหู (On-Ear Headphones)
  • ข้อดี
    จุดเด่นของหูฟังแบบแนบหูคือขนาดที่กะทัดรัดกว่าแบบครอบหู ทำให้พกพาสะดวกและน้ำหนักเบา สามารถใช้งานระหว่างเดินทางหรือทำงานนอกสถานที่ได้ง่าย โดยยังคงคุณภาพเสียงที่ดี เหมาะกับการฟังเพลงทั่วไปในชีวิตประจำวัน
  • ข้อเสีย
    ข้อเสียที่พบได้บ่อยคือเมื่อใส่เป็นเวลานาน ฟองน้ำที่กดทับอยู่บนใบหูอาจทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บหรือไม่สบาย และเนื่องจากไม่ได้ครอบหูทั้งหมด จึงอาจเก็บเสียงจากภายนอกได้น้อยกว่าแบบครอบหู เสียงรบกวนอาจเล็ดลอดเข้ามาได้ง่าย
  1. หูฟังแบบเสียบหู (In-Ear/Earbuds)
  • ข้อดี
    หูฟังแบบเสียบหูมีข้อดีเรื่องความเล็กและเบา พกพาสะดวกมาก สามารถใส่ติดตัวได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี ช่วยให้ได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงสนทนาอย่างชัดเจน เหมาะกับการออกกำลังกายหรือใช้งานในที่มีคนพลุกพล่าน ปัจจุบันหลายรุ่นยังกันน้ำกันเหงื่อได้อีกด้วย
  • ข้อเสีย
    แต่ข้อเสียของหูฟังประเภทนี้คือ เมื่อใส่นานอาจรู้สึกอึดอัดหรือระคายเคืองในรูหู โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับหูฟัง in-ear และถ้ารูปทรงของหูฟังไม่พอดีกับรูหู ก็อาจทำให้หลุดง่ายหรือกันเสียงได้ไม่ดี คุณภาพเสียงของหูฟัง in-ear บางรุ่นก็อาจสู้แบบครอบหูไม่ได้
  1. หูฟังไร้สาย (Wireless Headphones)
  • ข้อดี
    หูฟังไร้สายมีข้อดีชัดเจนในเรื่องของความสะดวก ไม่มีสายไฟเกะกะระหว่างใช้งาน ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อิสระ โดยเฉพาะเมื่อต้องออกกำลังกายหรือเดินทางไกล นอกจากนี้ หูฟังไร้สายสมัยใหม่ยังรองรับฟังก์ชันทันสมัย เช่น การควบคุมผ่านแอป ระบบตัดเสียงรบกวน และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลายเครื่อง
  • ข้อเสีย
    ข้อเสียสำคัญคือจำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่เป็นประจำ หากลืมชาร์จหรือแบตหมดในขณะใช้งานจะไม่สามารถใช้ต่อได้ทันที อีกทั้งในบางกรณีอาจเกิดปัญหาดีเลย์ระหว่างเสียงกับภาพเมื่อใช้กับอุปกรณ์บางชนิด และคุณภาพเสียงอาจขึ้นอยู่กับมาตรฐานของ Bluetooth ที่ใช้
  1. หูฟัง True Wireless (TWS)
  • ข้อดี
    หูฟัง True Wireless โดดเด่นในเรื่องความคล่องตัวและความสะดวกสบายสูงสุด เนื่องจากไม่มีสายเชื่อมหูฟังทั้งสองข้างเลย สามารถใส่เดินทาง ออกกำลังกาย หรือใช้งานระหว่างวันได้ง่าย มีเคสชาร์จในตัวทำให้สามารถชาร์จระหว่างพกพาได้ตลอดเวลา และรุ่นใหม่ ๆ มักมาพร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัย เช่น ตัดเสียงรบกวน ระบบสัมผัส หรือกันน้ำ
  • ข้อเสีย
    อย่างไรก็ตาม หูฟังประเภทนี้มีขนาดเล็กจึงเสี่ยงต่อการหล่นหายโดยเฉพาะเวลาถอดออกในที่สาธารณะ และแบตเตอรี่ของหูฟังแต่ละข้างก็มีขนาดเล็ก ใช้งานต่อเนื่องอาจได้ไม่ยาวนานเท่าหูฟังไร้สายแบบ over-ear และหากทำหายหรือเสียหายทีละข้าง ก็อาจต้องเปลี่ยนยกชุด
  1. หูฟังสำหรับเล่นเกม (Gaming Headset)
  • ข้อดี
    Gaming Headset มีจุดเด่นที่ระบบเสียงรอบทิศทางช่วยให้จับทิศทางศัตรูหรือเหตุการณ์ในเกมได้ดีขึ้น พร้อมกับไมโครโฟนที่ออกแบบมาเพื่อการสื่อสารที่ชัดเจน เหมาะสำหรับผู้เล่นเกมแบบทีม หรือคนที่ต้องประชุมออนไลน์บ่อย ๆ โครงสร้างของหูฟังมักออกแบบให้ใส่สบาย แม้ต้องใช้งานนานหลายชั่วโมง
  • ข้อเสีย
    ข้อจำกัดคือขนาดใหญ่ พกพาได้ยาก และมักเน้นดีไซน์เฉพาะทาง อาจไม่เหมาะสำหรับใช้ฟังเพลงทั่วไปหรือออกกำลังกาย และราคาของ Gaming Headset ที่มีฟีเจอร์ครบถ้วนก็มักจะสูงกว่าแบบมาตรฐาน
  1. หูฟังสำหรับงานเสียง (Studio Monitor Headphones)
  • ข้อดี
    หูฟังสำหรับงานเสียงมีข้อดีที่สำคัญคือให้เสียงที่ตรงตามต้นฉบับ ไม่มีการปรุงแต่ง ทำให้เหมาะกับการทำเพลง มิกซ์เสียง หรืองานด้านเสียงที่ต้องการความแม่นยำสูง ตัวหูฟังมักทนทาน ใส่สบายแม้ใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง
  • ข้อเสีย
    ข้อเสียคือราคามักจะสูงกว่าแบบทั่วไป และลักษณะเสียงที่ “ตรงไปตรงมา” อาจไม่ถูกใจผู้ที่ชอบฟังเพลงเน้นอารมณ์หรือเสียงเบสหนัก ๆ นอกจากนี้ ขนาดของหูฟังมักจะใหญ่และพกพาไม่สะดวก

ตารางสรุปเปรียบเทียบหูฟังแต่ละประเภท

ประเภทหูฟัง ลักษณะเด่น เหมาะกับการใช้งาน
Over-Ear เสียงดี ใส่สบาย ฟังเพลง เล่นเกม ดูหนัง
On-Ear เบา พกง่าย ใช้ทั่วไป เดินทาง
In-Ear/Earbuds เล็ก กันเสียงดี ออกกำลังกาย เดินทาง
Wireless/TWS ไม่มีสาย คล่องตัว ทุกไลฟ์สไตล์
Gaming Headset มีไมค์ เสียงรอบทิศทาง เล่นเกม ประชุมออนไลน์
Studio Monitor เสียงตรง เหมาะงานเสียง ทำเพลง มิกซ์เสียง

บทส่งท้าย

จะเห็นได้ว่าหูฟังแต่ละประเภทต่างก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าคุณจะเลือกหูฟังแบบครอบหูเพื่อคุณภาพเสียงเต็มอิ่ม หูฟังแบบเสียบหูสำหรับความคล่องตัว หรือหูฟังสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ การเลือกหูฟังที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความต้องการจะช่วยให้คุณได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการฟังเพลง ดูหนัง หรือทำงาน หากใครกำลังมองหาหูฟังที่เน้นความสะดวกสบายในยุคปัจจุบัน “หูฟังบลูทูธ” กำลังเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องฟังก์ชันและดีไซน์ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

สิ้นสุดบทความ