หูฟังบลูทูธในยุคนี้เป็นไอเท็มคู่ใจของหลายคน ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม แต่ปัญหาที่หลายคนเจอกันบ่อยๆ คือ เสียงดีเลย์ หรือเสียงไม่ตรงกับปากในวิดีโอ/เกม ทำให้เสียอรรถรสและความสนุกไปมาก บทความนี้จะอธิบายว่า “ดีเลย์” เกิดจากอะไร และมีวิธีแก้ไขให้เสียงกับภาพตรงกันแบบเข้าใจง่าย พร้อมเทคนิคที่ทุกคนสามารถทำได้เองที่บ้าน

บรรณาธิการ
Table of Contents
หูฟังดีเลย์คืออะไร
หูฟังดีเลย์ หมายถึง อาการที่เสียงที่เราได้ยินจากหูฟัง (โดยเฉพาะหูฟังไร้สายหรือหูฟังบลูทูธ) ออกมาช้ากว่าภาพหรือเหตุการณ์จริง ตัวอย่างชัดๆ เช่น ขณะดูคลิปวิดีโอหรือสตรีมเกมบนมือถือ/คอมพิวเตอร์ เราจะเห็นปากของคนพูดขยับก่อน แล้วเสียงจึงตามมา ทำให้รู้สึก “เสียงไม่ตรงปาก” หรือ เสียงกับภาพไม่ตรงกัน ซึ่งส่งผลต่อความสนุกและประสบการณ์ในการรับชมอย่างมาก

หูฟังดีเลย์เกิดจากอะไร
อาการดีเลย์ของหูฟัง เกิดจาก “ความล่าช้าในการส่งสัญญาณเสียง” ระหว่างต้นทาง (เช่น มือถือ, คอมพิวเตอร์) กับหูฟัง โดยเฉพาะกับหูฟังไร้สาย/บลูทูธ ซึ่งจะมีขั้นตอนและเทคโนโลยีที่เข้ามาเกี่ยวข้องหลายส่วน ได้แก่
- การแปลงและส่งข้อมูล (Encoding & Transmission)
- เสียงจากแหล่งต้นทางจะถูก “แปลงรหัส” (encode) เป็นข้อมูลดิจิทัลด้วย Codec (เช่น SBC, AAC, aptX ฯลฯ)
- ข้อมูลจะถูกส่งผ่าน Bluetooth ไปยังหูฟัง
- ที่หูฟังจะต้อง “ถอดรหัส” (decode) กลับมาเป็นเสียงอีกครั้ง
- ทุกขั้นตอนนี้กินเวลา แม้จะเป็นเสี้ยววินาทีก็ทำให้เกิดดีเลย์
- ชนิดและประสิทธิภาพของ Codec
- Codec ที่ใช้บีบอัด/ส่งเสียงมีผลโดยตรงกับความดีเลย์
- Codec ทั่วไป (เช่น SBC) จะดีเลย์มากกว่า Codec ที่พัฒนาเฉพาะสำหรับลดดีเลย์ เช่น aptX Low Latency หรือ LC3
- ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์
- หากอุปกรณ์ต้นทางหรือหูฟังใช้ชิปเก่าหรือคุณภาพต่ำ อาจประมวลผลช้า
- ระบบปฏิบัติการหรือแอปอาจไม่ได้ optimize สำหรับเสียงไร้สาย
- สัญญาณรบกวนและระยะทาง
- สัญญาณ Bluetooth อาจถูกรบกวนจาก Wi-Fi, ไมโครเวฟ หรืออุปกรณ์อื่น
- ยิ่งห่างกันมาก (เช่น เดินออกจากห้อง) ก็ยิ่งดีเลย์และอาจสัญญาณขาด
- การตั้งค่าและการใช้งานพร้อมกันหลายอุปกรณ์
- บางกรณี การเชื่อมต่อ Bluetooth หลายเครื่องพร้อมกัน อาจทำให้ระบบจัดการข้อมูลช้าลง
วิธีแก้หูฟังดีเลย์ ให้เสียงทันปาก
- เลือกหูฟังและอุปกรณ์ที่รองรับ Codec คุณภาพสูง หูฟังและมือถือ/คอมพิวเตอร์ที่รองรับ Codec แบบ Low Latency เช่น aptX Low Latency, aptX Adaptive, AAC (สำหรับ iOS) หรือ LDAC (สำหรับ Android) จะช่วยลดดีเลย์ได้มาก ตรวจสอบสเปกทั้งฝั่งหูฟังและอุปกรณ์ ว่ารองรับ Codec เหล่านี้หรือไม่
- อัปเดตเฟิร์มแวร์หูฟังและอุปกรณ์ต้นทาง ผู้ผลิตหูฟังและสมาร์ทโฟน/คอมพิวเตอร์มักมีการออกอัปเดตเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อและแก้ไขดีเลย์ แนะนำให้อัปเดตซอฟต์แวร์ (Firmware/OS) ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
- ลดการรบกวนของสัญญาณ Bluetooth หลีกเลี่ยงการใช้หูฟังใกล้แหล่งสัญญาณรบกวน เช่น Wi-Fi Router, ไมโครเวฟ, หรืออุปกรณ์ Bluetooth อื่นๆ พยายามใช้งานหูฟังในระยะใกล้กับอุปกรณ์ต้นทาง ไม่ควรห่างเกิน 5-10 เมตร
- ปิดอุปกรณ์ Bluetooth อื่นที่ไม่ได้ใช้ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Bluetooth หลายชิ้นพร้อมกันอาจทำให้สัญญาณช้าลงหรือดีเลย์เพิ่มขึ้น ถอดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นที่ไม่จำเป็น
- รีเซ็ตหรือจับคู่หูฟังใหม่ (Reset/Pair ใหม่) บางครั้งแค่ถอดการเชื่อมต่อแล้วเชื่อมต่อใหม่ หรือรีเซ็ตหูฟังให้เหมือนใหม่ จะช่วยแก้ปัญหาดีเลย์ได้ชั่วคราว
- ใช้แอปช่วยปรับ Sync เสียง แอปเล่นวิดีโอ/เสียงบางแอป เช่น VLC Player, MX Player (มือถือ/คอม) มีฟีเจอร์ Audio Delay ให้ปรับให้เสียงตรงกับภาพด้วยตนเอง เหมาะกับดูหนังหรือฟังเพลงที่ดีเลย์ไม่เยอะมาก
- เปลี่ยนไปใช้หูฟังแบบมีสายเมื่อเน้นความแม่นยำ สำหรับกรณีที่ต้องการความตรงเป๊ะ เช่น เล่นเกมแนว FPS, งานตัดต่อเสียง/วิดีโอ แนะนำให้ใช้หูฟังแบบมีสายเป็นหลัก เพื่อตัดปัญหาเรื่องดีเลย์โดยตรง
- ตรวจสอบการตั้งค่าแอปและระบบ บางแอปหรือระบบมีเมนูให้เลือกโหมดเสียงคุณภาพ (High Quality) หรือโหมดเสียงดีเลย์ต่ำ (Low Latency Mode) ควรเข้าไปดูและเลือกตั้งค่าให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ถ้าแก้หูฟังดีเลย์แล้วไม่หาย ควรทำยังไงต่อ
- ตรวจสอบความเข้ากันได้ของหูฟังและอุปกรณ์ หูฟังกับสมาร์ทโฟน/คอมพิวเตอร์อาจไม่รองรับ Codec แบบ Low Latency เหมือนกัน แนะนำให้ลองใช้งานกับอุปกรณ์อื่น (เช่น ลองเปลี่ยนมือถือ/คอม) เพื่อดูว่าอาการดีเลย์ลดลงหรือไม่ ถ้ายังดีเลย์เหมือนเดิม แสดงว่าหูฟังนั้นอาจมีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์
- ทดสอบด้วยหูฟังหรืออุปกรณ์ใหม่ ยืมหูฟังของเพื่อน/คนรู้จักที่รุ่นใหม่กว่าหรือรองรับ Codec ดีๆ มาทดสอบ หรือใช้หูฟังตัวเดิมกับอุปกรณ์ใหม่ ถ้าอาการดีขึ้น แปลว่าปัญหาอยู่ที่อุปกรณ์ต้นทาง ถ้าเปลี่ยนทั้งสองอย่างแล้วยังดีเลย์ อาจเกิดจากสภาพแวดล้อม หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน

- พิจารณาซื้อหูฟังรุ่นใหม่หรือเปลี่ยนวิธีใช้งาน หูฟังบลูทูธบางรุ่น (โดยเฉพาะรุ่นเก่า หรือหูฟัง TWS ราคาประหยัด) มีข้อจำกัดเรื่องดีเลย์ที่แก้ไม่ได้ ลองเลือกหูฟังรุ่นที่ระบุชัดว่ามี “Low Latency Mode” หรือ “Gaming Mode” หรือหากต้องการความแม่นยำจริงๆ อาจต้องเลือกกลับไปใช้ “หูฟังแบบมีสาย” ถ้าหูฟังยังอยู่ในระยะประกัน และพบว่าดีเลย์ผิดปกติชัดเจน อาจส่งซ่อมหรือขอเปลี่ยนได้ บางกรณีอาจได้รับอัปเดตเฟิร์มแวร์เฉพาะที่ช่วยแก้ปัญหา
- ใช้โหมดหรือแอปช่วยซิงก์เสียงกับภาพ (กรณีดูวิดีโอ/ฟังเพลง) หากปัญหาดีเลย์เกิดเฉพาะในบางแอปหรือขณะดูวิดีโอ แนะนำให้ใช้แอปที่มีฟีเจอร์ปรับ Audio Sync เช่น VLC, MX Player หรือโปรแกรมตัดต่อที่สามารถปรับ Audio Delay ได้
- ตรวจสอบปัญหาจากระบบปฏิบัติการหรือแอป บางครั้ง OS หรือแอปเวอร์ชันใหม่อาจมีบั๊กหรือปัญหาเฉพาะรุ่น แนะนำให้ค้นหาหรือสอบถามข้อมูลจากผู้ใช้รุ่นเดียวกันในฟอรัมหรือกลุ่มผู้ใช้
บทส่งท้าย
ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม อาการ “เสียงดีเลย์” จากหูฟังบลูทูธก็เป็นเรื่องที่ใครหลายคนเคยเจอ แต่ถ้ารู้วิธีแก้ไขและเข้าใจต้นเหตุอย่างที่เราได้แนะนำไป ก็ช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานกลับมาสนุกและไหลลื่นเหมือนเดิม อย่าลืมเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม อัปเดตเฟิร์มแวร์อยู่เสมอ และถ้าต้องการความแม่นยำจริงๆ การใช้หูฟังแบบมีสายก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในหลายสถานการณ์ หากกำลังมองหาหูฟังบลูทูธใหม่ อ่านต่อที่ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี