Welcome Citizen!

บันทึกตอนนี้เลย แล้วซื้อทีหลัง เราจะแจ้งคุณถ้าราคาลด

Welcome Citizen!

Setup your account or continue reading!

Settings
หูฟังดีเลย์แก้ยังไง เทคนิคแก้ปัญหาเสียงไม่ทันปาก ดูหนัง เล่นเกมก็สนุก

หูฟังดีเลย์แก้ยังไง? เทคนิคแก้ปัญหาเสียงไม่ทันปาก ดูหนัง เล่นเกมก็สนุก

หูฟังดีเลย์แก้ยังไง? รวมวิธีแก้เสียงดีเลย์บนหูฟังบลูทูธ ให้เสียงตรงปาก ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็สนุกขึ้นจริง พร้อมเทคนิคที่ทำได้เองง่ายๆ

หูฟังบลูทูธในยุคนี้เป็นไอเท็มคู่ใจของหลายคน ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม แต่ปัญหาที่หลายคนเจอกันบ่อยๆ คือ เสียงดีเลย์ หรือเสียงไม่ตรงกับปากในวิดีโอ/เกม ทำให้เสียอรรถรสและความสนุกไปมาก บทความนี้จะอธิบายว่า “ดีเลย์” เกิดจากอะไร และมีวิธีแก้ไขให้เสียงกับภาพตรงกันแบบเข้าใจง่าย พร้อมเทคนิคที่ทุกคนสามารถทำได้เองที่บ้าน


บรรณาธิการ

Puifaii chevron_right

...

หูฟังดีเลย์คืออะไร

หูฟังดีเลย์ หมายถึง อาการที่เสียงที่เราได้ยินจากหูฟัง (โดยเฉพาะหูฟังไร้สายหรือหูฟังบลูทูธ) ออกมาช้ากว่าภาพหรือเหตุการณ์จริง ตัวอย่างชัดๆ เช่น ขณะดูคลิปวิดีโอหรือสตรีมเกมบนมือถือ/คอมพิวเตอร์ เราจะเห็นปากของคนพูดขยับก่อน แล้วเสียงจึงตามมา ทำให้รู้สึก “เสียงไม่ตรงปาก” หรือ เสียงกับภาพไม่ตรงกัน ซึ่งส่งผลต่อความสนุกและประสบการณ์ในการรับชมอย่างมาก


หูฟังดีเลย์เกิดจากอะไร

อาการดีเลย์ของหูฟัง เกิดจาก “ความล่าช้าในการส่งสัญญาณเสียง” ระหว่างต้นทาง (เช่น มือถือ, คอมพิวเตอร์) กับหูฟัง โดยเฉพาะกับหูฟังไร้สาย/บลูทูธ ซึ่งจะมีขั้นตอนและเทคโนโลยีที่เข้ามาเกี่ยวข้องหลายส่วน ได้แก่

  • การแปลงและส่งข้อมูล (Encoding & Transmission)
    • เสียงจากแหล่งต้นทางจะถูก “แปลงรหัส” (encode) เป็นข้อมูลดิจิทัลด้วย Codec (เช่น SBC, AAC, aptX ฯลฯ)
    • ข้อมูลจะถูกส่งผ่าน Bluetooth ไปยังหูฟัง
    • ที่หูฟังจะต้อง “ถอดรหัส” (decode) กลับมาเป็นเสียงอีกครั้ง
    • ทุกขั้นตอนนี้กินเวลา แม้จะเป็นเสี้ยววินาทีก็ทำให้เกิดดีเลย์
    • ชนิดและประสิทธิภาพของ Codec
      • Codec ที่ใช้บีบอัด/ส่งเสียงมีผลโดยตรงกับความดีเลย์
      • Codec ทั่วไป (เช่น SBC) จะดีเลย์มากกว่า Codec ที่พัฒนาเฉพาะสำหรับลดดีเลย์ เช่น aptX Low Latency หรือ LC3
      • ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์
        • หากอุปกรณ์ต้นทางหรือหูฟังใช้ชิปเก่าหรือคุณภาพต่ำ อาจประมวลผลช้า
        • ระบบปฏิบัติการหรือแอปอาจไม่ได้ optimize สำหรับเสียงไร้สาย
        • สัญญาณรบกวนและระยะทาง
          • สัญญาณ Bluetooth อาจถูกรบกวนจาก Wi-Fi, ไมโครเวฟ หรืออุปกรณ์อื่น
          • ยิ่งห่างกันมาก (เช่น เดินออกจากห้อง) ก็ยิ่งดีเลย์และอาจสัญญาณขาด
          • การตั้งค่าและการใช้งานพร้อมกันหลายอุปกรณ์
            • บางกรณี การเชื่อมต่อ Bluetooth หลายเครื่องพร้อมกัน อาจทำให้ระบบจัดการข้อมูลช้าลง

            วิธีแก้หูฟังดีเลย์ ให้เสียงทันปาก

            1. เลือกหูฟังและอุปกรณ์ที่รองรับ Codec คุณภาพสูง หูฟังและมือถือ/คอมพิวเตอร์ที่รองรับ Codec แบบ Low Latency เช่น aptX Low Latency, aptX Adaptive, AAC (สำหรับ iOS) หรือ LDAC (สำหรับ Android) จะช่วยลดดีเลย์ได้มาก ตรวจสอบสเปกทั้งฝั่งหูฟังและอุปกรณ์ ว่ารองรับ Codec เหล่านี้หรือไม่
            1. อัปเดตเฟิร์มแวร์หูฟังและอุปกรณ์ต้นทาง ผู้ผลิตหูฟังและสมาร์ทโฟน/คอมพิวเตอร์มักมีการออกอัปเดตเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อและแก้ไขดีเลย์ แนะนำให้อัปเดตซอฟต์แวร์ (Firmware/OS) ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
            1. ลดการรบกวนของสัญญาณ Bluetooth หลีกเลี่ยงการใช้หูฟังใกล้แหล่งสัญญาณรบกวน เช่น Wi-Fi Router, ไมโครเวฟ, หรืออุปกรณ์ Bluetooth อื่นๆ พยายามใช้งานหูฟังในระยะใกล้กับอุปกรณ์ต้นทาง ไม่ควรห่างเกิน 5-10 เมตร
            1. ปิดอุปกรณ์ Bluetooth อื่นที่ไม่ได้ใช้ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Bluetooth หลายชิ้นพร้อมกันอาจทำให้สัญญาณช้าลงหรือดีเลย์เพิ่มขึ้น ถอดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นที่ไม่จำเป็น
            1. รีเซ็ตหรือจับคู่หูฟังใหม่ (Reset/Pair ใหม่) บางครั้งแค่ถอดการเชื่อมต่อแล้วเชื่อมต่อใหม่ หรือรีเซ็ตหูฟังให้เหมือนใหม่ จะช่วยแก้ปัญหาดีเลย์ได้ชั่วคราว
            1. ใช้แอปช่วยปรับ Sync เสียง แอปเล่นวิดีโอ/เสียงบางแอป เช่น VLC Player, MX Player (มือถือ/คอม) มีฟีเจอร์ Audio Delay ให้ปรับให้เสียงตรงกับภาพด้วยตนเอง เหมาะกับดูหนังหรือฟังเพลงที่ดีเลย์ไม่เยอะมาก
            1. เปลี่ยนไปใช้หูฟังแบบมีสายเมื่อเน้นความแม่นยำ สำหรับกรณีที่ต้องการความตรงเป๊ะ เช่น เล่นเกมแนว FPS, งานตัดต่อเสียง/วิดีโอ แนะนำให้ใช้หูฟังแบบมีสายเป็นหลัก เพื่อตัดปัญหาเรื่องดีเลย์โดยตรง
            1. ตรวจสอบการตั้งค่าแอปและระบบ บางแอปหรือระบบมีเมนูให้เลือกโหมดเสียงคุณภาพ (High Quality) หรือโหมดเสียงดีเลย์ต่ำ (Low Latency Mode) ควรเข้าไปดูและเลือกตั้งค่าให้เหมาะสมกับการใช้งาน

            ถ้าแก้หูฟังดีเลย์แล้วไม่หาย ควรทำยังไงต่อ

            • ตรวจสอบความเข้ากันได้ของหูฟังและอุปกรณ์ หูฟังกับสมาร์ทโฟน/คอมพิวเตอร์อาจไม่รองรับ Codec แบบ Low Latency เหมือนกัน แนะนำให้ลองใช้งานกับอุปกรณ์อื่น (เช่น ลองเปลี่ยนมือถือ/คอม) เพื่อดูว่าอาการดีเลย์ลดลงหรือไม่ ถ้ายังดีเลย์เหมือนเดิม แสดงว่าหูฟังนั้นอาจมีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์
            • ทดสอบด้วยหูฟังหรืออุปกรณ์ใหม่ ยืมหูฟังของเพื่อน/คนรู้จักที่รุ่นใหม่กว่าหรือรองรับ Codec ดีๆ มาทดสอบ หรือใช้หูฟังตัวเดิมกับอุปกรณ์ใหม่ ถ้าอาการดีขึ้น แปลว่าปัญหาอยู่ที่อุปกรณ์ต้นทาง ถ้าเปลี่ยนทั้งสองอย่างแล้วยังดีเลย์ อาจเกิดจากสภาพแวดล้อม หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน
            • พิจารณาซื้อหูฟังรุ่นใหม่หรือเปลี่ยนวิธีใช้งาน หูฟังบลูทูธบางรุ่น (โดยเฉพาะรุ่นเก่า หรือหูฟัง TWS ราคาประหยัด) มีข้อจำกัดเรื่องดีเลย์ที่แก้ไม่ได้ ลองเลือกหูฟังรุ่นที่ระบุชัดว่ามี “Low Latency Mode” หรือ “Gaming Mode” หรือหากต้องการความแม่นยำจริงๆ อาจต้องเลือกกลับไปใช้ “หูฟังแบบมีสาย” ถ้าหูฟังยังอยู่ในระยะประกัน และพบว่าดีเลย์ผิดปกติชัดเจน อาจส่งซ่อมหรือขอเปลี่ยนได้ บางกรณีอาจได้รับอัปเดตเฟิร์มแวร์เฉพาะที่ช่วยแก้ปัญหา
            • ใช้โหมดหรือแอปช่วยซิงก์เสียงกับภาพ (กรณีดูวิดีโอ/ฟังเพลง) หากปัญหาดีเลย์เกิดเฉพาะในบางแอปหรือขณะดูวิดีโอ แนะนำให้ใช้แอปที่มีฟีเจอร์ปรับ Audio Sync เช่น VLC, MX Player หรือโปรแกรมตัดต่อที่สามารถปรับ Audio Delay ได้
            • ตรวจสอบปัญหาจากระบบปฏิบัติการหรือแอป บางครั้ง OS หรือแอปเวอร์ชันใหม่อาจมีบั๊กหรือปัญหาเฉพาะรุ่น แนะนำให้ค้นหาหรือสอบถามข้อมูลจากผู้ใช้รุ่นเดียวกันในฟอรัมหรือกลุ่มผู้ใช้

                    บทส่งท้าย

                    ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม อาการ “เสียงดีเลย์” จากหูฟังบลูทูธก็เป็นเรื่องที่ใครหลายคนเคยเจอ แต่ถ้ารู้วิธีแก้ไขและเข้าใจต้นเหตุอย่างที่เราได้แนะนำไป ก็ช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานกลับมาสนุกและไหลลื่นเหมือนเดิม อย่าลืมเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม อัปเดตเฟิร์มแวร์อยู่เสมอ และถ้าต้องการความแม่นยำจริงๆ การใช้หูฟังแบบมีสายก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในหลายสถานการณ์ หากกำลังมองหาหูฟังบลูทูธใหม่ อ่านต่อที่ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

                        สิ้นสุดบทความ