Welcome Citizen!

บันทึกตอนนี้เลย แล้วซื้อทีหลัง เราจะแจ้งคุณถ้าราคาลด

Welcome Citizen!

Setup your account or continue reading!

Settings
ระบบกันสั่น OIS กับ EIS ต่างกันยังไง ตัวช่วยถ่ายภาพชัดแม้ในขณะเคลื่อนไหว

ระบบกันสั่น OIS กับ EIS ต่างกันยังไง? ตัวช่วยถ่ายภาพชัดแม้ในขณะเคลื่อนไหว

รู้จักกับระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization) และ EIS (Electronic Image Stabilization) และความแตกต่างในการใช้งานทั้งสองระบบ พร้อมเทคนิคการถ่ายภาพให้คมชัดในทุกการเคลื่อนไหว

การถ่ายภาพและวิดีโอผ่านสมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ระบบกันสั่น (Image Stabilization) เป็นหนึ่งในฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้ภาพและวิดีโอที่ถ่ายออกมาคมชัด ไม่เบลอจากการเคลื่อนไหวของมือ หรือการสั่นสะเทือนของกล้อง ซึ่งในปัจจุบันมีระบบกันสั่นที่สำคัญ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ OIS (Optical Image Stabilization) และ EIS (Electronic Image Stabilization) หลายคนอาจสงสัยว่า ระบบกันสั่นทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างไร และแต่ละระบบทำงานอย่างไร? บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีเหล่านี้แบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็เข้าใจได้ พร้อมเคล็ดลับการเลือกใช้ระบบกันสั่นให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพของคุณ


บรรณาธิการ

Puifaii chevron_right

...

ระบบกันสั่น OIS คืออะไร

ระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization) หรือที่เรียกว่า ระบบกันสั่นทางกล เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในกล้องถ่ายภาพและสมาร์ทโฟนเพื่อช่วยลดการเบลอจากการเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือนของกล้องขณะถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอ โดยการปรับตำแหน่งของเลนส์หรือเซ็นเซอร์รับภาพผ่านกลไกทางกายภาพ ระบบนี้ช่วยให้ภาพและวิดีโอที่ถ่ายมีความคมชัดแม้ในขณะที่กล้องมีการเคลื่อนไหว หรือมีการสั่นสะเทือนจากมือของผู้ถ่ายหรือสิ่งแวดล้อม


หลักการทำงานของ OIS

เมื่อเราถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอโดยใช้กล้องที่มี OIS ระบบจะใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นขณะถ่ายภาพ จากนั้น ระบบจะส่งสัญญาณไปยังกลไกที่ทำหน้าที่ปรับเลนส์หรือเซ็นเซอร์ของกล้องเพื่อชดเชยการเคลื่อนไหวเหล่านั้น OIS สามารถทำงานได้โดยการเคลื่อนที่ของเลนส์หรือเซ็นเซอร์ภายในกล้องเพื่อลดผลกระทบจากการสั่นสะเทือน โดยทั่วไปจะมีการเคลื่อนที่ของเลนส์ที่เกิดขึ้นในทิศทางตรงกันข้ามกับการเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น เพื่อให้เลนส์ยังคงคงที่และรักษาความชัดเจนของภาพ

ระบบ OIS ใช้การเคลื่อนไหวของ เลนส์ หรือ เซ็นเซอร์รับภาพ โดยมีกลไกที่ทำให้เลนส์สามารถเคลื่อนที่ได้ (หรือที่เรียกว่า "floating lens" หรือ "shift lens") ภายในกล้อง ขณะที่เราถ่ายภาพ ตัวเซ็นเซอร์จะทำการตรวจจับการเคลื่อนไหวของกล้อง และจะส่งข้อมูลไปยังมอเตอร์ภายในที่ทำหน้าที่ปรับตำแหน่งของเลนส์หรือเซ็นเซอร์อย่างแม่นยำ ถ้าเราหมุนหรือขยับกล้องไปทางใดทางหนึ่ง กลไก OIS จะปรับเลนส์ในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อรักษาให้ภาพที่ถ่ายอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและคงความคมชัด แม้จะมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น


ข้อดีและข้อจำกัดของ OIS

ข้อดีของ OIS

  • ลดการเบลอจากการเคลื่อนไหว OIS ช่วยให้ภาพที่ถ่ายมีความคมชัด แม้จะมีการเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือนจากมือหรือการเคลื่อนไหวของตัวกล้อง ระบบนี้ช่วยชดเชยการเคลื่อนไหวและลดผลกระทบจากการเบลอที่มักเกิดขึ้นเมื่อถ่ายภาพโดยไม่มีการกันสั่น
  • การถ่ายในที่แสงน้อย ในสภาพแสงน้อยที่จำเป็นต้องใช้ค่าชัตเตอร์ที่ช้าลงเพื่อให้ได้แสงเพียงพอ OIS ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้คมชัดโดยไม่เกิดการเบลอจากการขยับกล้องในขณะที่ชัตเตอร์เปิดอยู่เป็นเวลานาน การใช้ OIS ทำให้สามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำลงได้ โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
  • การถ่ายวิดีโอที่ราบรื่น OIS ช่วยให้การถ่ายวิดีโอมีความราบรื่นและไม่กระตุก แม้ในขณะเดินหรือขณะเคลื่อนไหวกล้อง ซึ่งช่วยให้ภาพไม่กระตุกหรือสั่นสะเทือนมากเกินไป เพิ่มประสบการณ์การรับชมที่ดีขึ้น
  • ช่วยในการถ่ายภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ด้วย OIS ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยหรือในสถานการณ์ที่ต้องใช้ชัตเตอร์ช้าลงโดยไม่ต้องพึ่งพาขาตั้งกล้อง ช่วยให้ถ่ายภาพได้สะดวกขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้ขาตั้งกล้องได้
  • เหมาะกับการถ่ายภาพแอ็กชัน สำหรับการถ่ายภาพในขณะเคลื่อนไหว เช่น การถ่ายภาพกีฬา หรือการถ่ายวิดีโอขณะวิ่ง OIS จะช่วยให้ภาพและวิดีโอที่ได้มีความคมชัดและไม่เบลอจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว

ข้อจำกัดของ OIS

  • ใช้พลังงานมาก เนื่องจาก OIS ใช้การเคลื่อนไหวของกลไกเลนส์หรือเซ็นเซอร์เพื่อชดเชยการสั่นสะเทือน ระบบนี้ต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มากกว่าระบบกันสั่นทางซอฟต์แวร์ (เช่น EIS หรือ DIS) ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น โดยเฉพาะในการถ่ายวิดีโอหรือใช้ OIS เป็นระยะเวลานาน
  • มีต้นทุนสูง ระบบ OIS มักจะพบในสมาร์ทโฟนหรือกล้องที่มีราคาแพง เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและการออกแบบที่มีความแม่นยำ เช่น การใช้กลไกที่ทำให้เลนส์หรือเซ็นเซอร์สามารถเคลื่อนไหวได้ อุปกรณ์ที่มี OIS มักมีราคาสูงกว่าระบบกันสั่นประเภทอื่น ๆ ที่ใช้ซอฟต์แวร์
  • ไม่ได้ผลดีในทุกสถานการณ์ แม้ว่า OIS จะช่วยลดการเบลอจากการเคลื่อนไหวทั่วไป แต่ในบางกรณีที่การเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือนมีความรุนแรงมาก เช่น การถ่ายวิดีโอในขณะที่วิ่งอย่างรวดเร็วหรือการเคลื่อนไหวที่มีความเร็วสูง OIS อาจจะไม่สามารถชดเชยได้ดีเท่าที่ควร
  • มีข้อจำกัดในบางประเภทของกล้อง OIS มักจะพบในสมาร์ทโฟนและกล้องถ่ายภาพที่มีราคาแพง แต่ไม่ใช่ทุกกล้องจะมีระบบ OIS เพราะการติดตั้งและการออกแบบเทคโนโลยีนี้ต้องการพื้นที่ภายในกล้องมากขึ้น ทำให้บางรุ่นที่มีขนาดเล็กหรือราคาถูกอาจไม่มีฟีเจอร์นี้
  • อาจลดคุณภาพภาพบางส่วน ในบางกรณีเมื่อระบบ OIS ทำงาน การเคลื่อนไหวของเลนส์หรือเซ็นเซอร์อาจทำให้ภาพที่ได้มีการผิดเพี้ยนเล็กน้อย (เช่น ความคมชัดที่ลดลงในบางมุมมอง) ซึ่งในบางสถานการณ์ที่ต้องการความละเอียดสูงสุด อาจไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้

ระบบกันสั่น EIS คืออะไร

ระบบกันสั่น EIS (Electronic Image Stabilization) หรือ ระบบกันสั่นทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้การประมวลผลภาพผ่านซอฟต์แวร์เพื่อแก้ไขและลดการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นในขณะที่ถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอ ระบบนี้ไม่ได้ใช้กลไกทางกายภาพเหมือน OIS (Optical Image Stabilization) แต่จะใช้การตัดและปรับแต่งเฟรมของภาพที่ถ่ายออกมา โดยซอฟต์แวร์จะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกล้องและทำการตัดส่วนที่สั่นสะเทือนออกจากภาพ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความราบรื่นและคมชัดมากขึ้น


หลักการทำงานของ EIS

การทำงานของ EIS เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องปรับตั้งค่าหรือทำการปรับเปลี่ยนใด ๆ เพราะระบบจะทำการประมวลผลและปรับแต่งภาพหรือวิดีโอให้โดยอัตโนมัติในระหว่างการถ่ายทำ ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่การเคลื่อนไหวของกล้องไม่มากหรือไม่รุนแรง เช่น การเดินหรือถ่ายวิดีโอในขณะเคลื่อนที่ช้า ๆ แม้ว่าระบบ EIS จะมีความสามารถในการลดการสั่นสะเทือนที่เกิดจากการเคลื่อนไหวในระดับปานกลาง แต่ในกรณีที่มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรง เช่น การวิ่งหรือการกระแทกอย่างแรง EIS อาจไม่สามารถปรับปรุงภาพได้ดีเท่ากับ OIS (Optical Image Stabilization) ที่ใช้กลไกทางกายภาพในการปรับตำแหน่งเลนส์หรือเซ็นเซอร์เพื่อชดเชยการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ การครอปหรือการตัดส่วนของภาพออกไปเพื่อปรับแต่งก็อาจทำให้ภาพมีขนาดเล็กลงและสูญเสียรายละเอียดบางส่วน


ข้อดีและข้อจำกัดของ EIS

ข้อดีของ EIS

  • ต้นทุนต่ำ EIS ใช้ซอฟต์แวร์ในการปรับแต่งภาพ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษเช่น OIS ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานได้ในอุปกรณ์ราคาประหยัด เช่น สมาร์ทโฟนหรือกล้องที่ไม่มีระบบกันสั่นทางกล
  • ใช้งานง่าย EIS ทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องการการปรับตั้งค่าพิเศษจากผู้ใช้ ระบบจะปรับภาพให้ราบรื่นขึ้นในระหว่างการถ่ายวิดีโอหรือภาพนิ่ง
  • เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอ ระบบนี้มีประสิทธิภาพในการลดการสั่นสะเทือนขณะถ่ายวิดีโอ ทำให้การถ่ายวิดีโอราบรื่น แม้ในขณะที่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เช่น การเดิน
  • ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง สามารถถ่ายภาพหรือวิดีโอที่ราบรื่นโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง เหมาะสำหรับการถ่ายในสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถใช้ขาตั้งได้

ข้อจำกัดของ EIS

  • การสูญเสียรายละเอียดจากการครอป เนื่องจาก EIS ใช้การครอปเฟรมบางส่วนออกจากภาพเพื่อลดการสั่นสะเทือน ภาพที่ได้อาจสูญเสียรายละเอียดบางส่วนหรือมีขนาดที่เล็กลง
  • ประสิทธิภาพลดลงในกรณีการเคลื่อนไหวที่รุนแรง EIS ไม่สามารถชดเชยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงได้ดีเท่าระบบ OIS (Optical Image Stabilization) ที่ใช้กลไกทางกายภาพในการปรับตำแหน่งเลนส์
  • อาจลดคุณภาพภาพ การครอปภาพหรือการปรับมุมมองอาจทำให้ภาพที่ได้มีความละเอียดลดลงและสูญเสียข้อมูลบางส่วน โดยเฉพาะเมื่อมีการครอปหรือปรับภาพอย่างมาก
  • ไม่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพนิ่งที่ต้องการความละเอียดสูง EIS อาจไม่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพนิ่งที่ต้องการความคมชัดสูง เพราะการครอปหรือปรับมุมมองอาจทำให้ภาพสูญเสียรายละเอียดสำคัญ

ความแตกต่างระหว่าง OIS และ EIS

ทั้ง OIS (Optical Image Stabilization) และ EIS (Electronic Image Stabilization) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการเบลอจากการสั่นสะเทือนของกล้องในระหว่างการถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอ แต่มีหลักการทำงานที่แตกต่างกันไปและมีข้อดีข้อจำกัดต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการเลือกใช้ทั้งสองเทคโนโลยีนี้ในอุปกรณ์ต่างๆ

  1. หลักการทำงาน
  • OIS ใช้กลไกทางกายภาพในการชดเชยการเคลื่อนไหว โดยระบบจะมีเลนส์หรือเซ็นเซอร์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ภายในกล้องหรือสมาร์ทโฟน เพื่อปรับตำแหน่งของเลนส์หรือเซ็นเซอร์ให้ตรงกับการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ระบบนี้สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของกล้องหรือการสั่นสะเทือนผ่านเซ็นเซอร์ภายในและปรับตำแหน่งของเลนส์หรือเซ็นเซอร์ให้เคลื่อนไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น เพื่อชดเชยการสั่นสะเทือนนั้น
  • EIS ใช้ซอฟต์แวร์ในการปรับแต่งภาพหรือวิดีโอที่ถ่ายออกมาโดยไม่ต้องใช้การเคลื่อนไหวของฮาร์ดแวร์ ในขณะที่ถ่ายวิดีโอหรือภาพ ซอฟต์แวร์จะทำการครอป (crop) หรือปรับขนาดของภาพที่ถ่ายออกมาเพื่อกำจัดส่วนที่มีการเบลอหรือการสั่นสะเทือน โดยการครอปภาพบางส่วนออกไปจากขอบเพื่อทำให้ภาพดูคมชัดขึ้น
  1. ประสิทธิภาพในการลดการสั่นสะเทือน
  • OIS สามารถชดเชยการเคลื่อนไหวและการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นในขณะถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถทำงานได้ดีในสภาพแสงน้อยและการเคลื่อนไหวที่รุนแรง เช่น การถ่ายวิดีโอในขณะวิ่งหรือการถ่ายภาพในสภาพแสงที่ต่ำมาก ๆ OIS จะทำการปรับตำแหน่งของเลนส์หรือเซ็นเซอร์ให้แม่นยำเพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหว ทำให้ภาพที่ได้คมชัดแม้ในสภาพแสงที่ไม่ดี
  • EIS สามารถลดการสั่นสะเทือนได้ดีในกรณีที่การเคลื่อนไหวไม่รุนแรงมากนัก เช่น การเดินหรือการถ่ายวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่ EIS มีข้อจำกัดในกรณีที่การเคลื่อนไหวของกล้องมีความรุนแรง เช่น การวิ่งเร็วหรือการเคลื่อนไหวที่แรง ๆ เพราะการครอปภาพอาจไม่สามารถชดเชยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงได้ดีเท่ากับ OIS

(Image Credit: Doran Gadget)

  1. คุณภาพของภาพและวิดีโอ
  • เนื่องจาก OIS ใช้การปรับตำแหน่งของเลนส์หรือเซ็นเซอร์ทางกายภาพ ผลลัพธ์ที่ได้จากการถ่ายภาพหรือวิดีโอจะมีความคมชัดสูง โดยไม่สูญเสียรายละเอียดของภาพ เนื่องจากระบบไม่ต้องครอปเฟรมออกจากภาพ จึงไม่มีการลดขนาดของภาพหรือสูญเสียข้อมูลจากการปรับมุมมอง
  • EIS ใช้การครอปภาพหรือการตัดส่วนของเฟรมออกจากภาพเพื่อลดผลกระทบจากการสั่นสะเทือน ซึ่งอาจทำให้ภาพสูญเสียรายละเอียดบางส่วน หรือทำให้ภาพดูเล็กลง เนื่องจากการครอปเฟรม อาจส่งผลให้การถ่ายภาพที่มีรายละเอียดสูงต้องสูญเสียข้อมูลบางอย่าง เช่น เมื่อการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นเร็วมากหรือการถ่ายในสภาพแสงต่ำ
  1. การใช้งานในอุปกรณ์
  • OIS พบได้ในสมาร์ทโฟนหรือกล้องระดับไฮเอนด์ที่มีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากการใช้งาน OIS ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีความซับซ้อน เช่น เลนส์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้หรือเซ็นเซอร์ที่สามารถขยับได้ ซึ่งทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและต้องการพื้นที่ภายในอุปกรณ์มากขึ้น
  • EIS สามารถใช้งานได้ในอุปกรณ์ที่มีราคาถูกหรือสมาร์ทโฟนที่ไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ เนื่องจากใช้เพียงซอฟต์แวร์ในการปรับภาพ ทำให้สามารถใช้ในสมาร์ทโฟนระดับกลางและล่างได้โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนหรือแพง
  1. ต้นทุนและความซับซ้อน
  • OIS มีต้นทุนสูงกว่าการใช้ EIS เนื่องจากต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีความซับซ้อน เช่น ระบบเลนส์หรือเซ็นเซอร์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้เพื่อปรับการสั่นสะเทือน ซึ่งทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นและต้องใช้พื้นที่ภายในกล้องหรือสมาร์ทโฟนมากกว่า
  • EIS มีต้นทุนต่ำและการใช้งานไม่ซับซ้อน เนื่องจากเป็นการใช้ซอฟต์แวร์ในการประมวลผลภาพ ทำให้ไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ เหมาะสำหรับอุปกรณ์ราคาประหยัดและสามารถใช้ได้ในสมาร์ทโฟนทุกระดับราคา
  1. การใช้งานในสภาพแวดล้อม
  • OIS เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยและการถ่ายวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวรุนแรง เช่น การวิ่งหรือการถ่ายภาพในสภาวะแสงที่ต่ำมาก ซึ่ง OIS สามารถชดเชยการสั่นสะเทือนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง
  • EIS เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอในขณะที่การเคลื่อนไหวไม่รุนแรงมาก เช่น การเดินหรือการถ่ายวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวช้า ๆ ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ต้องการการปรับภาพที่ซับซ้อนมาก

ตารางเปรียบเทียบระบบกันสั่น OIS vs EIS

คุณสมบัติ OIS (Optical Image Stabilization) EIS (Electronic Image Stabilization)
หลักการทำงาน ใช้การเคลื่อนไหวทางกายภาพของเลนส์หรือเซ็นเซอร์เพื่อลดการสั่นสะเทือนของกล้อง ใช้ซอฟต์แวร์ในการครอปหรือปรับภาพเพื่อลดผลกระทบจากการสั่นสะเทือน
คุณภาพของภาพ คุณภาพสูง ไม่มีการสูญเสียรายละเอียดจากการครอปภาพ อาจสูญเสียคุณภาพบางส่วนจากการครอปภาพ โดยเฉพาะในภาพที่มีความละเอียดสูง
ประสิทธิภาพในการถ่ายในที่แสงน้อย มีประสิทธิภาพสูงในที่แสงน้อย เพราะสามารถใช้ชัตเตอร์ช้าโดยไม่ทำให้ภาพเบลอ มีประสิทธิภาพพอสมควร แต่ไม่ดีเท่า OIS ในการถ่ายในที่แสงน้อยหรือแสงที่ต่ำมาก
ประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่มีการเคลื่อนไหวสูง มีประสิทธิภาพสูงในการชดเชยการเคลื่อนไหวที่รุนแรง เช่น การวิ่ง หรือการถ่ายในขณะเคลื่อนไหวเร็ว มีประสิทธิภาพดีในการเคลื่อนไหวที่ไม่รุนแรง เช่น การเดิน แต่ไม่สามารถชดเชยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงได้ดีเท่า OIS
ความต้องการฮาร์ดแวร์ ต้องการฮาร์ดแวร์พิเศษ เช่น เลนส์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้หรือเซ็นเซอร์ที่สามารถขยับได้ ไม่ต้องการฮาร์ดแวร์พิเศษ ใช้ซอฟต์แวร์ในการปรับภาพ
การเข้ากันได้กับอุปกรณ์ มักพบในอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ เช่น สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงหรือกล้องระดับมืออาชีพ สามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟนทุกระดับราคา รวมถึงสมาร์ทโฟนราคาประหยัด
การใช้พลังงาน ใช้พลังงานมากกว่าจากการเคลื่อนไหวของเลนส์หรือเซ็นเซอร์

ใช้พลังงานน้อยกว่า เนื่องจากเป็นการประมวลผลผ่านซอฟต์แวร์


สรุป ระบบกันสั่น OIS และ EIS

  • ระบบกันสั่น OIS ใช้กลไกทางกายภาพในการปรับเลนส์หรือเซ็นเซอร์ของกล้องเพื่อชดเชยการเคลื่อนไหวและลดการสั่นสะเทือนขณะถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอ โดยทำให้ภาพที่ได้คมชัดแม้ในสภาพแสงน้อยหรือเมื่อกล้องเคลื่อนไหวเร็ว OIS เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย การถ่ายวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวสูง หรือการถ่ายในสถานการณ์ที่ต้องการความละเอียดสูง ข้อจำกัดคือมีต้นทุนสูงและต้องการฮาร์ดแวร์พิเศษ
  • ระบบ EIS ใช้ซอฟต์แวร์ในการปรับภาพที่ถ่ายออกมาโดยการครอปหรือปรับแต่งเฟรมเพื่อชดเชยการสั่นสะเทือน EIS เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เช่น การเดิน หรือการเคลื่อนไหวช้า ๆ โดยไม่มีการใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ ทำให้ต้นทุนต่ำและสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ราคาประหยัด ข้อจำกัดคืออาจสูญเสียคุณภาพภาพจากการครอป และไม่สามารถชดเชยการสั่นสะเทือนที่รุนแรงได้ดีเท่า OIS

บทส่งท้าย

แต่ละระบบมีวิธีการทำงานและข้อดีข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป OIS เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือการถ่ายวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวรุนแรง โดยสามารถรักษาคุณภาพภาพได้ดี แต่มีต้นทุนสูงและจำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ ในขณะที่ EIS ใช้ซอฟต์แวร์ในการปรับภาพและมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอที่การเคลื่อนไหวไม่รุนแรง แต่อาจสูญเสียคุณภาพภาพจากการครอปเฟรม ทั้งนี้ การเลือกใช้ระหว่าง OIS และ EIS ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน และประเภทการถ่ายภาพที่ต้องการ หากสนใจเลือกโทรศัพท์ที่มีกล้องคุณภาพดีและเหมาะกับการถ่ายภาพทุกสถานการณ์ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์กล้องสวย ยี่ห้อไหนดี

สิ้นสุดบทความ