กล้องมือถือเป็นหนึ่งในฟังก์ชันที่คนใช้สมาร์ตโฟนให้ความสำคัญมากที่สุด โดยเฉพาะในยุคที่ภาพถ่ายและวิดีโอได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน ค่า F หรือ รูรับแสง ของกล้อง (Aperture) คือหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพของภาพที่ถ่ายได้ การเข้าใจค่า F ของกล้องมือถือแต่ละแบรนด์จะช่วยให้คุณเลือกซื้อสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์การถ่ายภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่า F ของกล้องมือถือแต่ละแบรนด์ เช่น Samsung, Apple, Xiaomi และอื่นๆ

บรรณาธิการ
Table of Contents
ค่า F คืออะไร
ค่า F หรือที่บางครั้งเรียกว่า รูรับแสง (Aperture) คือขนาดของรูที่แสงสามารถผ่านเข้าไปในเลนส์ของกล้องได้ โดยค่าของ F จะเป็นตัวบ่งชี้ว่า "กว้าง" หรือ "แคบ" ของรูรับแสงนั้นๆ ขนาดของรูรับแสงมีผลโดยตรงต่อคุณภาพของภาพที่ถ่าย ทั้งในเรื่องของความสว่างและความคมชัดของภาพ
ค่า F จะมีลักษณะเป็น ตัวเลข เช่น F/1.4, F/2.0, F/2.8 เป็นต้น โดยค่า F จะมีหน่วยเป็นตัวเลขที่เรียกว่า "ค่า f-stop" ซึ่งแสดงถึง อัตราส่วนของความยาวโฟกัส (focal length) ต่อขนาดของรูรับแสง (aperture diameter) ของเลนส์
ความสัมพันธ์ระหว่างค่า F และขนาดรูรับแสง
- ค่า F ต่ำ (เช่น F/1.4, F/1.8) ค่า F ที่ต่ำหมายถึงรูรับแสงกว้างมาก ซึ่งจะทำให้แสงสามารถเข้ามาในเซนเซอร์ของกล้องได้มากกว่า จึงทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในสภาพแสงไม่ดีทำได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังช่วยสร้าง Bokeh หรือการเบลอพื้นหลังให้ดูนุ่มนวล ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับการถ่ายภาพบุคคลหรือภาพที่ต้องการเน้นตัวแบบให้เด่นขึ้นจากฉากหลัง
- ค่า F สูง (เช่น F/2.8, F/3.5 หรือสูงกว่า) ค่า F ที่สูงจะทำให้รูรับแสงแคบลง ซึ่งหมายความว่าแสงที่เข้ามาในกล้องจะน้อยลง นอกจากนี้การใช้ค่า F ที่สูงยังช่วยให้การถ่ายภาพมีความ คมชัด ทั่วทั้งภาพ (Depth of Field กว้าง) ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์หรือภาพที่ต้องการให้ทุกส่วนของภาพคมชัด

(Image Credit: contributor.lib.kmutt.ac.th)
การทำงานของค่า F ในการถ่ายภาพ
- การถ่ายภาพในที่แสงน้อย (Low Light Performance) เมื่อคุณถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อย เช่น ในห้องที่ไม่ค่อยมีแสงหรือกลางคืน ค่า F ที่ต่ำ (เช่น F/1.8) จะช่วยให้กล้องสามารถรับแสงได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาพดูสว่างและชัดเจนยิ่งขึ้น การใช้ค่า F ที่ต่ำทำให้คุณสามารถถ่ายภาพได้โดยไม่ต้องเพิ่มความเร็วชัตเตอร์หรือเพิ่ม ISO ซึ่งอาจทำให้ภาพเกิด "นอยส์" หรือ "ภาพเบลอ" ได้
- การเบลอพื้นหลัง (Bokeh Effect) ค่า F ที่ต่ำช่วยให้คุณได้เอฟเฟ็กต์ Bokeh หรือการเบลอพื้นหลังอย่างนุ่มนวล ซึ่งจะทำให้ตัวแบบในภาพเด่นขึ้นจากพื้นหลัง เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล หรือภาพที่ต้องการให้ความสนใจไปที่วัตถุหลัก โดยพื้นหลังจะเบลอและนุ่มนวล
- ความคมชัดของภาพ (Depth of Field) ค่า F ที่สูงทำให้มี ความคมชัดลึก (Deep Depth of Field) ซึ่งหมายความว่าภาพที่ถ่ายออกมาจะคมชัดทั้งในส่วนหน้าและส่วนหลังของเฟรม ตัวอย่างเช่น การถ่ายภาพวิวหรือภาพกลุ่มคนที่ต้องการให้ทุกสิ่งในภาพคมชัด เท่านี้ค่า F ที่สูงเช่น F/8 หรือ F/16 ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดี
ผลกระทบที่ค่า F มีต่อการถ่ายภาพ
- การรับแสง (Exposure)
- ค่า F ต่ำ (F/1.4, F/1.8) ค่า F ที่ต่ำจะทำให้รูรับแสงกว้างขึ้น ซึ่งทำให้แสงเข้ามาในกล้องได้มากขึ้น ภาพที่ได้จะดูสว่างและคมชัดมากขึ้นในสภาพแสงน้อย หรือที่มีแสงน้อย เช่น ถ่ายในที่มืดหรือในห้องที่มีแสงน้อย
- ผลกระทบ การถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะทำได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่ม ISO หรือชัตเตอร์สปีดที่ช้าเกินไป ซึ่งช่วยลดการเกิดนอยส์และภาพเบลอจากการสั่นไหว
- ค่า F สูง (F/2.8, F/5.6 หรือสูงกว่า) ค่า F ที่สูงจะทำให้รูรับแสงแคบลง ทำให้แสงที่เข้ามาน้อยลง ภาพที่ได้จะมืดลงในสภาพแสงน้อย ซึ่งอาจทำให้คุณต้องเพิ่ม ISO หรือใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ช้าลง
- ผลกระทบ การถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะยากขึ้น เพราะต้องใช้ ISO สูง หรือชัตเตอร์สปีดช้าลง ซึ่งอาจทำให้ภาพเกิดนอยส์ (Noise) หรือภาพเบลอจากการสั่นไหวของกล้อง
- ความคมชัด (Depth of Field)
- ค่า F ต่ำ ค่า F ที่ต่ำจะทำให้ Depth of Field หรือ ความลึกของสนามภาพ แคบลง ซึ่งหมายความว่าในภาพจะมีเฉพาะวัตถุที่อยู่ใกล้กล้องหรือที่อยู่ในระยะโฟกัสเท่านั้นที่คมชัด ส่วนที่เหลือของภาพ เช่น พื้นหลังหรือพื้นหน้า จะเบลอ (Bokeh Effect) ซึ่งช่วยให้ตัวแบบดูโดดเด่นขึ้นจากฉากหลัง
- ผลกระทบ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลที่ต้องการให้พื้นหลังเบลอ หรือถ่ายภาพที่ต้องการให้ตัวแบบเด่นชัดจากฉากหลัง เช่น การถ่ายภาพบุคคลในสตูดิโอหรือการถ่ายภาพอาหาร
- ค่า F สูง ค่า F ที่สูงจะทำให้ Depth of Field กว้างขึ้น ซึ่งหมายความว่าในภาพจะมีส่วนที่คมชัดตั้งแต่หน้าถึงหลัง ภาพที่ได้จะมีความชัดเจนทั่วทั้งเฟรม
- ผลกระทบ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ หรือการถ่ายภาพที่ต้องการให้ทุกส่วนของภาพคมชัด เช่น ภาพถ่ายวิวภูเขาหรือทะเล

(Image Credit: fotoinfo)
- การเบลอพื้นหลัง (Bokeh)
- ค่า F ต่ำ (F/1.4, F/1.8) ค่า F ที่ต่ำจะทำให้ Bokeh หรือการเบลอพื้นหลังดูนุ่มนวลและสวยงามมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่รูรับแสงกว้างและทำให้ Depth of Field แคบ
- ผลกระทบ ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลหรือการถ่ายภาพที่ต้องการให้วัตถุหลักเด่นขึ้นจากพื้นหลังทำได้ดี เช่น การถ่ายภาพที่มีการเบลอพื้นหลังแบบมืออาชีพ
- ค่า F สูง (F/2.8, F/5.6) ค่า F ที่สูงจะทำให้ Bokeh เบลอพื้นหลังน้อยลง เพราะความลึกของสนามภาพกว้างขึ้น ดังนั้นพื้นหลังจะคมชัดและไม่เบลอเหมือนกับการใช้ค่า F ที่ต่ำ
- ผลกระทบ ถ่ายภาพที่ต้องการให้มีความคมชัดทั่วทั้งภาพ เช่น การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์หรือภาพที่มีหลายวัตถุในเฟรม
- การควบคุมการเบลอจากการเคลื่อนไหว (Motion Blur)
- ค่า F ต่ำ ค่า F ที่ต่ำจะช่วยให้คุณสามารถใช้ ความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วขึ้น ได้โดยไม่ต้องเพิ่ม ISO หรือเพิ่มความสว่าง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการเบลอภาพจากการเคลื่อนไหวของวัตถุหรือกล้อง
- ผลกระทบ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวเร็ว เช่น การถ่ายภาพกีฬา หรือภาพที่ต้องการให้ความเคลื่อนไหวของวัตถุดูคมชัด
- ค่า F สูง ค่า F ที่สูงอาจต้องการความเร็วชัตเตอร์ที่ช้าลงเพื่อให้มีแสงพอในการถ่ายภาพ ซึ่งอาจทำให้ภาพเกิดการเบลอจากการเคลื่อนไหว
- ผลกระทบ หากต้องการหลีกเลี่ยงการเบลอจากการเคลื่อนไหวในภาพ คุณจะต้องปรับใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วขึ้น หรือใช้ขาตั้งกล้องเพื่อไม่ให้เกิดภาพเบลอ
ค่า F ของกล้องมือถือแบรนด์ต่างๆ
- Apple
- ค่า F: F/1.6 - F/2.4
- การใช้งาน: Apple ใช้ค่า F ที่ต่ำในกล้องหลักเพื่อให้การรับแสงในสภาพแสงน้อยทำได้ดี โดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่แสงน้อยและการสร้าง Bokeh หรือการเบลอพื้นหลัง ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลมีความนุ่มนวล

- Samsung
- ค่า F: F/1.8 - F/2.2
- การใช้งาน: Samsung ใช้ค่า F ที่สามารถปรับได้ในบางรุ่น เช่น Dual Aperture ที่สามารถปรับค่า F ได้จาก F/1.8 สำหรับสภาพแสงน้อย และ F/2.2 ในสภาพแสงที่ดี ช่วยให้การถ่ายภาพมีความยืดหยุ่นในหลากหลายสภาพแสง

- Xiaomi
- ค่า F: F/1.8 - F/2.0
- การใช้งาน: Xiaomi ใช้ค่า F ที่ต่ำในกล้องหลัก ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยมีคุณภาพสูง พร้อมทั้งให้การถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงในสภาพแสงปกติ และสร้างเอฟเฟ็กต์เบลอพื้นหลัง (Bokeh) ได้อย่างสวยงาม

- Oppo
- ค่า F: F/1.8 - F/2.4
- การใช้งาน: Oppo ใช้ค่า F ที่ต่ำในกล้องหลักของสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียม ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยมีความคมชัดและยังสามารถสร้าง Bokeh ได้ดี

- Vivo
- ค่า F: F/1.7 - F/2.0
- การใช้งาน: Vivo ใช้ค่า F ที่ต่ำในกล้องหลัก ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ดี โดยยังคงให้ภาพที่คมชัดในทุกสภาพแสง พร้อมทั้งให้ผลลัพธ์ที่ดีในแง่ของการถ่ายภาพบุคคลและการถ่ายภาพในที่มืด

- Realme
- ค่า F: F/1.8 - F/2.4
- การใช้งาน: Realme ใช้ค่า F ที่ต่ำในกล้องหลักของสมาร์ตโฟนในซีรีส์ GT ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยทำได้ดี และยังมีความคมชัดในสภาพแสงปกติ

- OnePlus
- ค่า F: F/1.8 - F/2.2
- การใช้งาน: OnePlus ใช้ค่า F ที่ F/1.8 ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยดีขึ้น และยังสามารถสร้าง Bokeh ที่นุ่มนวลเหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลหรือภาพที่ต้องการให้ตัวแบบเด่นขึ้นจากพื้นหลัง

- Huawei
- ค่า F: F/1.6 - F/2.0
- การใช้งาน: Huawei ใช้ค่า F ที่ต่ำในกล้องหลักซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ดีและให้ภาพที่คมชัดแม้ในสภาพแสงที่มีจำกัด

- Sony
- ค่า F: F/1.7 - F/2.4
- การใช้งาน: Sony ใช้ค่า F ที่ต่ำในกล้องหลักของสมาร์ตโฟนในซีรีส์ Xperia ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยดีขึ้น พร้อมกับการสร้างภาพที่มีความคมชัดและลึก

- Asus
- ค่า F: F/1.8 - F/2.0
- การใช้งาน: Asus ใช้ค่า F ที่ต่ำในกล้องหลักของสมาร์ตโฟนซีรีส์ ZenFone ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยมีความคมชัดสูง และยังคงให้ภาพที่มีความละเอียดสูงในแสงปกติ

สรุป ค่า F มีความสำคัญอย่างไรกับเลนส์กล้องมือถือ
ค่า F หรือ รูรับแสง มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดคุณภาพของภาพที่ถ่ายจากกล้องมือถือ ค่า F ที่ต่ำช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีและสร้างเอฟเฟ็กต์เบลอพื้นหลังที่สวยงาม ในขณะที่ค่า F ที่สูงช่วยให้ได้ความคมชัดทั่วทั้งภาพ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวหรือการถ่ายภาพที่ต้องการรายละเอียดในทุกส่วนของภาพ การเลือกใช้ค่า F ที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ
บทส่งท้าย
การเข้าใจค่า F หรือ รูรับแสง ของกล้องมือถือแต่ละแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเลือกซื้อสมาร์ตโฟนที่มีคุณภาพกล้องดี ๆ โดยค่า F ที่ต่ำช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ดีและสามารถสร้างเอฟเฟ็กต์เบลอพื้นหลังได้สวยงาม ในขณะที่ค่า F ที่สูงจะทำให้ภาพคมชัดทั่วทั้งเฟรม เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์หรือการถ่ายภาพที่ต้องการความคมชัดในทุกส่วนของภาพ การเลือกค่า F ที่เหมาะสมกับการถ่ายภาพในแต่ละสถานการณ์จะทำให้ได้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายในที่แสงน้อยหรือการสร้างความคมชัดในภาพที่มีหลายวัตถุอยู่ในเฟรม
หากกำลังมองหาสมาร์ตโฟนที่มี กล้องถ่ายภาพสวย และต้องการเปรียบเทียบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทรศัพท์ที่มีกล้องดีที่สุด สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์กล้องสวย ยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยให้เลือกสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์การถ่ายภาพของคุณได้อย่างตรงใจ