Welcome Citizen!

บันทึกตอนนี้เลย แล้วซื้อทีหลัง เราจะแจ้งคุณถ้าราคาลด

Welcome Citizen!

Setup your account or continue reading!

Settings
OPPO กับ Samsung อันไหนดีกว่ากัน? เปรียบเทียบมือถือปี 2025 แบบละเอียด

OPPO กับ Samsung อันไหนดีกว่ากัน? เปรียบเทียบจุดเด่น-จุดต่าง มือถือยอดนิยมปี 2025

ลังเลเลือกมือถือใหม่ระหว่าง OPPO กับ Samsung? บทความนี้ช่วยตัดสินใจได้ใน 5 นาที

OPPO กับ Samsung อันไหนดีกว่ากัน? คำถามนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2025 ที่ทั้งสองแบรนด์ต่างก็เปิดตัวสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นเรือธง ด้วยจุดขายเฉพาะตัวที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ผู้ใช้หลายคนจึงลังเลว่าจะเลือกมือถือ OPPO รุ่นไหนดี หรือจะไปต่อกับ Samsung รุ่นไหนดี ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านกล้อง ความแรงของชิป หน้าจอ ความอึดของแบตเตอรี่ ไปจนถึงระบบชาร์จไวอย่าง VOOC กับ Super Fast Charge บทความนี้จะพาคุณไปวิเคราะห์อย่างเป็นกลาง พร้อมเปรียบเทียบ OPPO กับ Samsung รุ่นไหนดีในปี 2025 เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจในสมาร์ตโฟนเครื่องถัดไป


บรรณาธิการ

Ing On chevron_right

...

ภาพรวมของแบรนด์ OPPO และ Samsung

หากพูดถึงแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยปี 2025 คงหนีไม่พ้นชื่อของ Samsung และ OPPO ซึ่งต่างมีจุดยืนและแนวทางพัฒนาที่ชัดเจนในแบบของตัวเอง

Samsung เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนระดับโลกมานานหลายปี โดยเฉพาะรุ่นในตระกูล Galaxy S และ Galaxy Z Series ที่มักมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น หน้าจอ Dynamic AMOLED, ชิป Snapdragon 8 Gen 3, และระบบ One UI ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเสถียรและความปลอดภัย สำหรับผู้ใช้งานที่มองหามือถือที่ ใช้งานยาวนาน พร้อม ecosystem ที่ครอบคลุมตั้งแต่มือถือ แท็บเล็ต ไปจนถึงสมาร์ตทีวีและอุปกรณ์ IoT — Samsung ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่ง

ในขณะที่ OPPO ซึ่งเป็นแบรนด์จีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจุดเด่นด้านการพัฒนา กล้องเซลฟี่ AI, ระบบ VOOC Charge ที่ชาร์จไวเป็นอันดับต้น ๆ ของวงการ และดีไซน์ที่บาง เบา ดูพรีเมียม OPPO ยังเน้นการออกแบบอินเทอร์เฟซ ColorOS ให้ใช้งานง่าย มีลูกเล่นหลากหลาย เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้ที่ชื่นชอบมือถือที่ “สวยและฉลาดในเครื่องเดียว”

เมื่อเปรียบเทียบในมุมแบรนด์ จะเห็นว่า Samsung กับ OPPO มีแนวทางแตกต่างกัน:

  • Samsung มั่นใจในความน่าเชื่อถือระดับสากลและการพัฒนาซอฟต์แวร์ระยะยาว
  • OPPO ดึงดูดผู้ใช้ด้วยนวัตกรรมที่เร็ว ฟีเจอร์กล้องจัดเต็ม และราคาที่คุ้มค่าสำหรับผู้บริโภคทั่วไป

ทั้งสองต่างก็มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นในประเทศไทย และเป็นตัวเลือกที่ผู้ใช้หลายคนต้องเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจว่า มือถือ OPPO กับ Samsung อันไหนดีกว่ากันในปี 2025


จุดแข็งของ OPPO

OPPO ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคงในฐานะแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เข้าใจผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ OPPO ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่มองหามือถือดีไซน์สวย กล้องเด่น และระบบชาร์จไวที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน

หนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้ผู้ใช้จำนวนมาก เลือก OPPO แทน Samsung คือ ระบบชาร์จไว SuperVOOC ที่เร็วกว่าแบรนด์ส่วนใหญ่ในตลาด เช่น OPPO Reno12 Series สามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที — ถือว่าเร็วที่สุดในกลุ่มมือถือราคาไม่เกิน 20,000 บาท

กล้องของ OPPO ก็เป็นอีกจุดแข็งสำคัญ โดยเฉพาะการถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait ด้วย AI Beauty Algorithm, โหมด Bokeh Flare, และการปรับโทนสีให้เหมาะกับโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ มือถือ OPPO เล่น TikTok หรือถ่าย Vlog จึงได้ภาพที่ “พร้อมแชร์” ทันที ไม่ต้องแต่งเพิ่มเยอะ

ด้านดีไซน์ มือถือ OPPO รุ่นใหม่ปี 2025 เน้นความบาง น้ำหนักเบา และโค้งมนรับมือ ถือสบายแม้ใช้งานนาน เหมาะกับผู้ใช้ที่ใส่ใจทั้งฟังก์ชันและแฟชั่น ตัวเครื่องมักเลือกใช้วัสดุผิวด้านหรือผิวมุก ทำให้ดูพรีเมียมในงบที่จับต้องได้

อีกหนึ่งจุดแข็งที่หลายคนชอบคือ ColorOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการของ OPPO ที่พัฒนาบนพื้นฐาน Android โดยมีจุดเด่นที่ความลื่นไหล มีลูกเล่นเยอะ แต่ยังคงใช้งานง่าย เช่น Smart Sidebar, Always-On Display แบบปรับแต่งได้ และโหมดโฟกัสที่ช่วยจัดการเวลา

ทั้งหมดนี้ทำให้ OPPO กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการมือถือที่ “เร็ว สวย ถ่ายดี และราคาคุ้ม” โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับมือถือแบรนด์อื่นในช่วงราคาเดียวกัน


จุดแข็งของ Samsung

Samsung ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ตโฟนระดับโลก ด้วยการพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ควบคู่กันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มเรือธงระดับพรีเมียมอย่าง Galaxy S25 Ultra หรือรุ่นกลางยอดนิยมอย่าง Galaxy A Series ต่างก็สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานที่สูงของแบรนด์

จุดแข็งหลักของ Samsung คือ คุณภาพของหน้าจอ โดยเฉพาะ จอมือถือ AMOLED และ Dynamic AMOLED 2X ที่ให้สีสด คมชัด และรองรับอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz ทำให้ประสบการณ์การดูวิดีโอ เล่นเกม หรือใช้งานกลางแดด ทำได้เหนือกว่าหลายแบรนด์ รวมถึง OPPO ในหลายรุ่น

ด้านกล้อง Samsung ก็อยู่ในกลุ่มผู้นำของตลาด โดยเฉพาะกล้องหลักในรุ่น Galaxy S ที่มาพร้อมความละเอียดระดับ 200MP, การประมวลผลภาพแบบ Pro-Grade และฟีเจอร์อย่าง Nightography ที่ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีเป็นพิเศษ มือถือ Samsung กล้องดีจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้ใช้สายถ่ายภาพมักเลือกแบรนด์นี้

อีกหนึ่งความโดดเด่นคือ ระบบ One UI ที่ Samsung พัฒนาขึ้นบน Android โดยมีความเสถียรสูง ใช้งานง่าย และได้รับการอัปเดตต่อเนื่องนานหลายปี ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบเหนือ ColorOS ของ OPPO ในเรื่องความมั่นคงและระยะยาวในการใช้งาน

Samsung ยังเป็นผู้นำในด้าน ความปลอดภัยของข้อมูลและระบบซอฟต์แวร์ ด้วยแพลตฟอร์ม Samsung Knox ที่ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวระดับฮาร์ดแวร์ เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการมือถือใช้งานธุรกิจ หรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว

นอกจากนี้ Samsung ยังได้เปรียบด้าน ecosystem ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเชื่อมต่อกันได้ลื่นไหล เช่น Galaxy Watch, Galaxy Buds, และ Galaxy Tab ผู้ใช้ที่ต้องการ มือถือ Samsung ที่ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้ดี จะสัมผัสประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อทั้งภาพ เสียง และข้อมูล

ทั้งหมดนี้ทำให้ มือถือ Samsung รุ่นไหนดีในปี 2025 ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะตัวของผู้ใช้ แต่หากคุณมองหา ความเสถียร ประสบการณ์ระดับพรีเมียม และแบรนด์ที่เชื่อถือได้ในระยะยาว Samsung ยังเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ เสมอ


กล้อง OPPO หรือ Samsung ดีกว่ากัน

ถ้าพูดถึงสมาร์ทโฟนกล้องเทพในปี 2025 ชื่อของ Samsung Galaxy S25 Ultra และ OPPO Find X8 Ultra คือสองรุ่นท็อปที่อยู่ในสายตาของผู้ใช้ที่จริงจังกับการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นสายมือถือกล้องสวย สายรีวิว หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ต่างก็ต้องนำสองรุ่นนี้มาเปรียบเทียบ

Samsung Galaxy S25 Ultra มาพร้อมเซ็นเซอร์หลัก 200MP แบบ ISOCELL HP3 Super จุดเด่นคือ ความคมชัดระดับสูง + Dynamic Range กว้างมาก และระบบกันสั่น Super OIS ที่ช่วยให้ภาพนิ่งแม้ในสภาพมือสั่น รวมถึงการซูมแบบ Periscope ที่ทำได้สูงสุดถึง 100x แบบ Space Zoom พร้อมโหมด Nightography ใหม่ล่าสุดที่สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่าง คม และไม่เพี้ยนสี

ขณะที่ OPPO Find X8 Ultra ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยการใช้ระบบกล้อง Quad Camera Leica-Engineered ที่รวมเลนส์หลัก 50MP ขนาด 1 นิ้ว พร้อมเลนส์ Ultra-Wide, Telephoto และ Periscope 6x Optical Zoom กล้อง OPPO รุ่นนี้โดดเด่นในเรื่อง การไล่โทนสีแบบ Pro-Level, HDR ที่แม่นแบบ RAW, และโหมด AI Portrait ที่แยกขอบใบหน้าและพื้นหลังได้เนียนตามาก โดยเฉพาะการถ่ายภาพคนหรือคอนเทนต์แนวไลฟ์สไตล์

ด้านการถ่ายวิดีโอ

  • Samsung รองรับ 8K 30fps, ถ่าย 4K 120fps ได้แบบนิ่ง พร้อมฟีเจอร์ Director’s View และ Auto Framing
  • OPPO เด่นเรื่องโหมด Cinematic และ 10-bit LOG Video ที่ให้สีสันสำหรับมือโปรหรือสายเกรดสี

ถ้าเน้นถ่ายภาพความละเอียดสูง + ซูมได้ไกล + โทนภาพสมจริงแบบมือโปร Samsung Galaxy S25 Ultra ได้เปรียบชัดเจน

แต่หากคุณชอบมือถือที่ ถ่ายภาพบุคคลสวย, ไล่ผิวสวย, ละลายหลังเนียน, และเน้นการแต่งภาพด้วย AI แบบพร้อมใช้ OPPO Find X8 Ultra จะตอบโจทย์ได้มากกว่า


การเล่นเกม: ชิปเซ็ต หน้าจอ การระบายความร้อน

ในปี 2025 ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ที่มองหาสมาร์mโฟนที่เล่นเกมลื่นที่สุด โดยไม่ต้องพึ่งมือถือเกมมิ่งโดยเฉพาะ สองรุ่นที่ “มาแรงและแรงจริง” คือ Samsung Galaxy S25 Ultra และ OPPO Find X8 Ultra ซึ่งต่างก็ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 8 Gen 4 ที่เป็นชิปเรือธงระดับ Ultra-Flagship ของปีนี้ พร้อมเทคโนโลยีหน้าจอที่พัฒนาไปอีกขั้น และระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาสำหรับรองรับโหลดหนักระดับแข่งขัน

ชิปเซ็ต: Snapdragon 8 Gen 4 for Galaxy vs Snapdragon 8 Gen 4

หัวใจของทั้งสองรุ่นคือ Snapdragon 8 Gen 4 ที่เปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรม Oryon CPU core ซึ่ง Qualcomm พัฒนาขึ้นเองเป็นครั้งแรก ทำให้ประสิทธิภาพ CPU/AI และการประหยัดพลังงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ 8 Gen 3

  • Samsung Galaxy S25 Ultra มาพร้อม Snapdragon 8 Gen 4 for Galaxy ซึ่งเป็นเวอร์ชัน Custom ที่ถูกปรับความเร็ว Clock ให้สูงขึ้นกว่ารุ่นทั่วไป ทั้งในส่วนของ CPU และ GPU โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ Game Booster ของ One UI ที่จัดการทรัพยากรระบบได้อย่างแม่นยำ ทำให้ได้เฟรมเรตสูงและเสถียรแม้ในเกมที่กินสเปก
  • OPPO Find X8 Ultra ใช้ Snapdragon 8 Gen 4 รุ่นมาตรฐาน ซึ่งยังคงให้ประสิทธิภาพ ระดับท็อปของตลาด และสามารถเล่นเกมกราฟิกโหดได้ทุกแนวอย่างมั่นคง เช่น Genshin Impact, PUBG Mobile, CODM, หรือ Honkai: Star Rail ได้ที่ เฟรมเรตสูงสุด โดยแทบไม่เจออาการ Drop เฟรมระหว่างเล่น

หน้าจอ: ความไวต่อการสัมผัส vs ความสบายตาระยะยาว

ทั้ง Samsung และ OPPO ต่างก็ใช้จุดแข็งด้านจอภาพในแนวทางที่แตกต่าง

  • Samsung Galaxy S25 Ultra ใช้ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8" QHD+, ความสว่างสูงสุดกว่า 3000 nits, อัตรารีเฟรช 1–120Hz แบบ Adaptive และ Touch Sampling Rate สูงถึง 480Hz การตอบสนองรวดเร็วแบบสัมผัสติดนิ้ว เหมาะกับสาย เกม FPS หรือ MOBA ที่ต้องการความแม่นยำระดับเสี้ยววินาที
  • OPPO Find X8 Ultra มาพร้อม LTPO AMOLED ProXDR ขนาด 6.82" ความละเอียด 2K โดยจุดขายหลักคือ High-Frequency PWM Dimming ระดับ 3,840Hz ซึ่งถนอมสายตาได้ดีเป็นพิเศษ แม้จะเล่นเกมนานหลายชั่วโมง ลดความล้าในระยะยาวได้ดีกว่า อีกทั้งยังให้คอนทราสต์สีที่สดในแบบที่ครีเอเตอร์ชื่นชอบ

การระบายความร้อน: ถ่ายเทเร็ว vs สมดุลแบบอัจฉริยะ

ชิปแรงย่อมมากับความร้อน และทั้งสองรุ่นก็ออกแบบระบบระบายความร้อนมาเพื่อรองรับการเล่นเกมระดับจริงจัง

  • Samsung Galaxy S25 Ultra ใช้ Vapor Chamber Cooling ขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั้ง SoC และแบตเตอรี่ พร้อมชั้น Graphite Sheet ที่ช่วยถ่ายเทความร้อนได้รวดเร็วมาก ส่งผลให้ประสิทธิภาพไม่ดรอปแม้เล่นเกมต่อเนื่องเกิน 30 นาที
  • OPPO Find X8 Ultra ใช้ระบบ Advanced VC Cooling System ผสานกับ AI Thermal Management ที่ประมวลผลการระบายความร้อนแบบเรียลไทม์ ช่วยกระจายภาระของชิปออกไปอย่างสมดุลในขณะเล่นเกม, ดูวิดีโอ, หรือทำงานแบบมัลติทาสก์ ทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อนจุดใดจุดหนึ่งเกินไป

สรุปสำหรับเกมเมอร์

  • Samsung Galaxy S25 Ultra เหมาะกับเกมเมอร์สายแข่งขันที่ต้องการความได้เปรียบแบบ “Frame-to-Win” และระบบที่ตอบสนองไวทุกการสัมผัส
  • OPPO Find X8 Ultra เหมาะกับเกมเมอร์ที่ต้องการเครื่องที่แรงรอบด้าน เล่นได้ลื่นทุกเกม ถนอมสายตา และใช้งานด้านอื่นร่วมด้วยอย่างคุ้มค่า

ColorOS vs One UI

กลางปี 2025 ระบบปฏิบัติการบนมือถือ Android กำลังแข่งขันกันดุเดือดที่สุดในรอบหลายปี เมื่อ OPPO เปิดตัว ColorOS 15 และ Samsung ตอบโต้ด้วย One UI 7 ทั้งสองระบบต่างพัฒนาบน Android 15 และต่างก็ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ที่ฝังลึกในประสบการณ์ใช้งานแทบทุกด้าน

สำหรับผู้ใช้ Android ที่สงสัยว่า ColorOS vs One UI ต่างกันยังไง?, หรือกำลังชั่งใจว่า ColorOS 15 ดีไหม และ One UI 7 ใช้งานจริงเป็นยังไง เราจะช่วยคุณตัดสินใจได้ด้วยข้อมูลเชิงลึกแบบตรงไปตรงมา

ปรัชญาการออกแบบ: โปร่งเบา vs อิสระลึก

  • ColorOS 15 (OPPO) เน้นความ Smart & Smooth โดยใช้แนวคิด Aquamorphic Design ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ แสง และเงา การจัดวางองค์ประกอบจึงดูโปร่ง สบายตา และ มีแอนิเมชันลื่นที่สุดในฝั่ง Android ด้วยระบบ Parallel Animation
  • One UI 7 (Samsung) ยึดปรัชญา “Your Galaxy, Your Way” — เปิดพื้นที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ลึกกว่าเดิม ไอคอนและวิดเจ็ตจัดวางแบบอิสระ (Free-form layout), หน้าจอล็อกปรับได้แบบละเอียด และอินเทอร์เฟซใหม่ที่เน้นการใช้งานมือเดียวได้ถนัดยิ่งขึ้น

สรุป: ถ้าคุณชอบมือถือ Android ที่ใช้งานง่าย ลื่น และ “ไม่ต้องปรับแต่งอะไรให้วุ่นวาย” ColorOS 15 อาจตรงใจ แต่ถ้าคุณต้องการ Android ที่ “เป็นตัวของตัวเองได้ที่สุด” One UI 7 คือจุดหมาย

AI Integration: คนละแนว คนละจุดแข็ง

ฟีเจอร์ ColorOS 15 One UI 7
AI Toolbox ✅ ลบวัตถุในรูป (AI Eraser), สรุปบทความ, สร้างแคปชัน, ร่างข้อความอัตโนมัติ ✅ เลือกข้อความจากทุกแอปให้ AI แก้ไวยากรณ์ เปลี่ยนโทนภาษา สรุปเนื้อหา
Live Translate ยังไม่เด่น ✅ รองรับมากกว่า 13 ภาษาแบบเรียลไทม์
AI Recording Assist ใช้ได้บางรุ่น ✅ ถอดเสียงเป็นข้อความ พร้อมสรุปใจความ
จุดเด่นรวม ทำงานรวดเร็ว เหมาะกับงานชีวิตประจำวัน เน้น Productivity + สื่อสารหลายภาษา

การปรับแต่ง UI: Samsung นำขาด

  • ColorOS 15: เพิ่มการตั้งค่าหน้าจอล็อกและธีม แต่ยังอยู่ในโครงสร้างที่ OPPO กำหนดไว้ เช่น รูปแบบวิดเจ็ตและตำแหน่งไอคอน
  • One UI 7: พร้อมชุดแอป Good Lock, Theme Park, Fine Lock ที่ให้คุณปรับ UI ได้ แทบทุกจุด ตั้งแต่ Task Switcher, Quick Panel ไปจนถึงปุ่มปรับเสียง

Ecosystem และฟีเจอร์เชื่อมต่อ

ด้าน ColorOS 15 One UI 7
การเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่น Touch to Share ข้ามระบบ (Android ↔ iOS) Samsung DeX, Multi Control เชื่อมมือถือ–แท็บเล็ต–PC แบบไร้รอยต่อ
ความปลอดภัย Auto Pixelate, Strongbox Security Knox, Secure Folder มาตรฐานระดับองค์กร

VOOC vs Super Fast Charge

คำถามคือ: “VOOC กับ Super Fast Charge ต่างกันอย่างไร?” และ “ในปี 2025 นี้ ระบบไหนดีกว่ากันในการใช้งานจริง?”

VOOC (Voltage Open Loop Multi-step Constant-Current Charging) คือเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่ OPPO พัฒนาขึ้นเอง โดยเน้นการส่งแรงดันไฟฟ้าต่ำแต่ใช้กระแสไฟฟ้าสูง ผ่านสายและหัวชาร์จที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ จุดเด่นคือความร้อนส่วนใหญ่จะอยู่ที่หัวชาร์จแทนที่จะเป็นตัวมือถือ ทำให้ชาร์จได้เร็วแม้ในขณะใช้งานและปลอดภัย

ในปี 2025 OPPO ได้พัฒนาเทคโนโลยีชาร์จเร็วไปถึง 240W SuperVOOC ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ให้เต็ม 100% ได้ในเวลาไม่ถึง 10 นาที อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้จะถูกใช้ในมือถือบางรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพเป็นพิเศษ สำหรับเรือธงหลักอย่าง OPPO Find X8 Ultra และรุ่นระดับสูงอย่าง Reno12 Pro+ จะเลือกใช้ 100W SuperVOOC เพื่อความสมดุลระหว่างความเร็วและสุขภาพของแบตเตอรี่ โดยแบรนด์ในเครืออย่าง OnePlus ก็ใช้เทคโนโลยี SuperVOOC เช่นกัน ขณะที่ realme เรียกว่า SuperDart (หรือระบุเป็นวัตต์โดยตรง) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกัน

Super Fast Charging ของ Samsung คือเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่อิงกับมาตรฐานสากล USB Power Delivery (PD) PPS Protocol โดยมีเวอร์ชันล่าสุดในปี 2025 คือ Super Fast Charging 2.0 ซึ่งมีกำลังไฟสูงสุดที่ 45W และใช้กับมือถือรุ่นท็อปอย่าง Samsung Galaxy S25 Ultra และ Galaxy Z Fold6

จุดแข็งของเทคโนโลยีนี้คือการเป็นมาตรฐานเปิด (PD 3.0/3.1 PPS) ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับหัวชาร์จและสาย USB-C คุณภาพสูงของแบรนด์อื่นได้ แต่จะให้ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้กับหัวชาร์จ 45W ของ Samsung แท้เท่านั้น

แม้กำลังวัตต์ของ Samsung จะดูน้อยกว่าคู่แข่งบนตัวเลข แต่ในการใช้งานจริง Samsung ให้ความสำคัญกับ การจัดการความร้อนและถนอมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ในระยะยาว พร้อมระบบ 'Protect Battery' และอัลกอริทึมการชาร์จอัจฉริยะ เพื่อป้องกันการเสื่อมของแบตเตอรี่เมื่อต้องชาร์จบ่อยครั้ง


ดีไซน์และจอ

S25 Ultra "คมชัดระดับโปร" ปะทะ Find X8 Ultra "หรูหราถนอมสายตา"

เมื่อมือถือเป็นทั้งแฟชั่นไอเทมและเครื่องมือทำงาน การออกแบบและคุณภาพหน้าจอคือหัวใจสำคัญ และในปี 2025 สองเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S25 Ultra และ OPPO Find X8 Ultra ได้นิยามคำว่า "พรีเมียม" ในแบบฉบับของตัวเอง

ดีไซน์: ความแข็งแกร่งระดับโปร vs ความหรูหราที่บางเบา

  • Samsung Galaxy S25 Ultra: แกร่ง สมบุกสมบัน ระดับโปร - คงเอกลักษณ์ดีไซน์ขอบเหลี่ยมที่ชัดเจน ตัวเครื่องสร้างจาก Armor Aluminum 2.0 และกระจก Gorilla Armor ให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทานเหมือนเครื่องมือสำหรับมืออาชีพ แม้จะมีน้ำหนัก (~230 กรัม) แต่ก็มอบการจับถือที่แน่นและมั่นคง
  • OPPO Find X8 Ultra: หรูหรา บางเบา สบายมือ - มาในแนวทางที่แตกต่าง ด้วยตัวเครื่องที่บางเฉียบ (~8.4 มม.) และเบากว่าอย่างรู้สึกได้ (~205 กรัม) มีให้เลือกทั้งวัสดุหนังวีแกนและกระจกชนิดพิเศษ ผสานกับขอบจอโค้ง 3D ที่ให้ความรู้สึกไร้ขอบ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความพรีเมียมที่พกพาง่ายและใช้งานมือเดียวได้คล่องตัว

หน้าจอ: ที่สุดของความคมชัด vs ที่สุดแห่งความสบายตา

แม้ทั้งคู่จะเป็นจอภาพระดับท็อป แต่ก็มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

คุณสมบัติ

Galaxy S25 Ultra

Find X8 Ultra

ประเภทจอ

Dynamic AMOLED 2X

LTPO AMOLED ProXDR

ความละเอียด

QHD+ (3088×1440)

2K+ (3168×1440)

Refresh Rate

1–120Hz (Adaptive)

1–120Hz (Adaptive)

Touch Sampling

480Hz

240Hz

จุดเด่นที่สุด

สว่าง คมชัด สีตรง

ถนอมสายตา สีสด

  • หน้าจอ S25 Ultra: ถูกสร้างมาเพื่อ ความแม่นยำและความสว่างสูงสุด ด้วยความสว่างที่สู้แดดได้สบาย (~3000 nits) และให้ค่าสีที่เที่ยงตรงระดับมืออาชีพ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ทำงานด้านภาพถ่าย, ใช้งานกลางแจ้งบ่อย หรือต้องการความได้เปรียบจากหน้าจอที่ตอบสนองไวสุดๆ (480Hz) ในการเล่นเกม
  • หน้าจอ Find X8 Ultra: คือ "จอถนอมสายตา" อย่างแท้จริง ด้วยเทคโนโลยี PWM Dimming สูงถึง 3840Hz ช่วยลดการกะพริบของจอภาพที่มองไม่เห็น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดตาเมื่อใช้งานในที่แสงน้อยเป็นเวลานานๆ เหมาะที่สุดสำหรับคนชอบดูซีรีส์, เล่นเกม หรืออ่านคอนเทนต์ยาวๆ

สรุป: เลือกเครื่องไหนให้เหมาะกับคุณ?

เลือก Samsung Galaxy S25 Ultra ถ้าคุณ:

  • ต้องการจอที่ สว่าง คมชัด และสีตรงที่สุด สำหรับงานภาพและวิดีโอ
  • ชอบดีไซน์ที่ดู แข็งแกร่งทนทาน ให้ความรู้สึกแบบมืออาชีพ
  • เป็นเกมเมอร์สายแข่งขันที่ต้องการ การตอบสนองหน้าจอที่เร็วที่สุด

เลือก OPPO Find X8 Ultra ถ้าคุณ:

  • ต้องการมือถือที่ บางเบา ดีไซน์หรูหรา และถือสบายมือ
  • ใช้เวลาบนหน้าจอนานๆ และมองหา "จอถนอมสายตา" ที่ดีที่สุดในตลาด
  • ชื่นชอบการแสดงผลที่ให้สีสันสดใส มีชีวิตชีวา สำหรับการเสพความบันเทิงเต็มรูปแบบ

รุ่นน่าใช้ในแต่ละช่วงราคาของ Oppo และ Samsung

ในปี 2025 การแข่งขันระหว่างสองยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung และ OPPO เข้าสู่จุดเดือดอีกครั้ง โดยแต่ละค่ายต่างผลักดันนวัตกรรมใหม่ ๆ ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้าน ดีไซน์ กล้อง AI ระบบชาร์จไว หรือความทนทาน และแน่นอนว่า ผู้ใช้อย่างเราก็ได้ประโยชน์ตรง ๆ เพราะได้สมาร์ตโฟนที่คุ้มค่ามากขึ้นในทุกช่วงราคา

นี่คือคำแนะนำรุ่นน่าซื้อที่สุดจากทั้งสองแบรนด์ แบ่งตามงบประมาณ พร้อมจุดเด่นและข้อสังเกต เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายและคุ้มค่าที่สุดในครึ่งปีหลัง 2025

กลุ่มเริ่มต้น (4,000 - 9,000 บาท)

มือถือกลุ่มนี้เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เช่น LINE, Facebook, ดู YouTube หรือใช้เป็นเครื่องสำรองเน้นแบตอึด จอใหญ่

Samsung Galaxy A16 / A36

  • เหมาะกับ: คนที่ต้องการมือถือใช้งานนาน ซอฟต์แวร์เสถียร ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
  • จุดเด่น: จอสวย Super AMOLED (ใน A36), ใช้งานลื่นไหลด้วย One UI Core, และได้รับอัปเดตความปลอดภัยต่อเนื่องหลายปี
  • ข้อสังเกต: ไม่แถมหัวชาร์จในกล่อง และความเร็วชาร์จยังไม่เท่าคู่แข่ง

OPPO A69 / A89

  • เหมาะกับ: ผู้ใช้ที่มองหาความคุ้มค่าสูงสุดในงบจำกัด
  • จุดเด่น: แบต 5000 mAh + SuperVOOC ชาร์จไวติดกล่อง, ดีไซน์สวยเกินราคา, ใช้งานพื้นฐานได้ลื่นไม่สะดุด
  • ข้อสังเกต: การอัปเดตซอฟต์แวร์ระยะยาวอาจสั้นกว่า Samsung

สรุปกลุ่มนี้:

  • เลือก Samsung ถ้าคุณอยากได้มือถือ "นาน ๆ เปลี่ยนที ใช้งานสบายใจ"
  • เลือก OPPO ถ้าคุณต้องการ "มือถือชาร์จไว แบตอึด ดีไซน์สะดุดตาในงบสุดคุ้ม"

กลุ่มระดับกลาง (10,000 - 25,000 บาท)

กลุ่มนี้คือตลาดที่ร้อนแรงที่สุด เน้นความสมดุลทุกด้าน: กล้อง, เกม, จอ, ดีไซน์ และอัปเดตระยะยาว

Samsung Galaxy A56 (~15,000 บาท)

  • เหมาะกับ: ผู้ใช้ที่ต้องการมือถือ "ครบเครื่อง จบในเครื่องเดียว"
  • จุดเด่น: กล้องมี OIS, กันน้ำ IP67, จอ Super AMOLED 120Hz, ได้อัปเดต Android และแพตช์ความปลอดภัยเทียบเท่าเรือธง
  • ข้อสังเกต: ดีไซน์ดูเรียบ อาจไม่หวือหวาเท่าคู่แข่ง แต่มั่นคง

OPPO Reno12 / Reno12 Pro+ (~15,000 - 22,000 บาท)

  • เหมาะกับ: สายเซลฟี่ ถ่ายรูปคน แต่งภาพลงโซเชียล และคนรักดีไซน์
  • จุดเด่น: กล้อง AI Portrait เจ้าแห่งการถ่ายคน, ดีไซน์พรีเมียมบางเบา, SuperVOOC 100W ชาร์จไวอันดับต้น ๆ ของตลาด
  • ข้อสังเกต: ไม่มีมาตรฐานกันน้ำ IP67 แบบ Galaxy A

สรุปกลุ่มนี้:

  • เลือก Samsung A56 ถ้าคุณต้องการมือถือ "อึด ถึก กันน้ำ จอลื่น ใช้ยาวหลายปีแบบมั่นใจ"
  • เลือก OPPO Reno12 Series ถ้าคุณต้องการมือถือที่ "ถ่ายรูปสวย ชาร์จไว ดีไซน์หรูเกินราคา"

กลุ่มเรือธง (28,000 บาทขึ้นไป)

กลุ่มนี้คือที่สุดของเทคโนโลยี ที่แต่ละแบรนด์จัดเต็มทุกด้านทั้ง AI กล้อง จอ ระบบพับ และประสิทธิภาพสูงสุด

Samsung Galaxy S25 Ultra / Z Fold6 / Z Flip6

เหมาะกับ: ผู้ใช้ที่ต้องการ "มือถือที่ทำได้ทุกอย่าง แบบไร้ข้อจำกัด"

จุดเด่น:

  • S25 Ultra: กล้อง 200MP ที่ซูมได้ไกลที่สุด + ปากกา S Pen + จอที่ดีที่สุด + Galaxy AI
  • Fold6/Flip6: มือถือจอพับที่ทน ทรงพลัง และ Ecosystem ครบสำหรับการทำงานและความบันเทิง
  • ภาพรวม: ได้ประสบการณ์ระดับ Galaxy Ecosystem + ได้อัปเดตยาว + ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นลื่นสุด

OPPO Find X8 Ultra / Find N4 Flip

เหมาะกับ: คนที่ต้องการเรือธงที่ "โดดเด่นไม่เหมือนใคร" ทั้งด้านกล้องและดีไซน์

จุดเด่น:

  • Find X8 Ultra: กล้องระดับโปรร่วมพัฒนาโดย Hasselblad, หน้าจอ ProXDR ถนอมสายตา, ชาร์จ 100W สุดแรง
  • Find N4 Flip: มือถือฝาพับที่จอด้านนอกใหญ่ ใช้งานได้จริง + กล้องสวย + ดีไซน์โดนใจ
  • ภาพรวม: ถ่ายภาพเก่ง หรูหรา แตกต่าง และชาร์จไวแบบไม่ต้องรอ

สรุปกลุ่มเรือธง:

  • เลือก Samsung ถ้าคุณต้องการ "ความสมบูรณ์แบบรอบด้าน + Ecosystem และนวัตกรรมระดับโลก"
  • เลือก OPPO ถ้าคุณต้องการ "มือถือที่กล้องสวย จอถนอมสายตา ชาร์จเร็ว และมีดีไซน์ที่ยูนีค"
สิ้นสุดบทความ