Welcome Citizen!

บันทึกตอนนี้เลย แล้วซื้อทีหลัง เราจะแจ้งคุณถ้าราคาลด

Welcome Citizen!

Setup your account or continue reading!

Settings
iPhone รุ่นไหนกันน้ำได้ เจาะลึกมาตรฐาน IP และรุ่นที่ทนทานต่อน้ำจริง

iPhone รุ่นไหนกันน้ำได้? เจาะลึกมาตรฐาน IP และรุ่นที่ทนทานต่อน้ำจริง

สรุป iPhone รุ่นที่กันน้ำได้ พร้อมข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับมาตรฐาน IP บน iPhone ก่อนใช้งาน

ปัจจุบัน iPhone ไม่ได้มีดีแค่เรื่องกล้องหรือความแรงเท่านั้น แต่เรื่อง กันน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่หลายคนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะสายแอคทีฟ หรือคนที่เคยทำโทรศัพท์หล่นน้ำจนต้องซ่อมราคาเกือบครึ่งเครื่อง คำถามคือ iPhone กันน้ำได้จริงไหม? และกันน้ำได้แค่ไหน? ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจอย่างละเอียดว่า iPhone กันน้ำได้อย่างไร มาตรฐาน IP คืออะไร และรุ่นใดที่คุณวางใจได้มากที่สุดเมื่อต้องเผชิญกับ น้ำ ไม่ว่าจะเป็นฝน หยดเหงื่อ หรืออุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ


บรรณาธิการ

Puifaii chevron_right

...

ข้อควรรู้เกี่ยวกับมาตรฐาน IP บน iPhone

แม้ iPhone จะมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ IP67 หรือ IP68 แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้งานในน้ำได้อย่างไร้กังวลเสมอไป ต่อไปนี้คือสิ่งสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนพา iPhone ไปเจอน้ำ

ตารางเกี่ยวกับมาตรฐาน IP บน iPhone

กรณีโดนน้ำ ทำได้หรือไม่? หมายเหตุ
โดนน้ำฝนเบาๆ ทำได้ ไม่ใช่ปัญหา หากแห้งเร็ว
ตกน้ำไม่เกิน 1 เมตร ทำได้ สำหรับ IP67 และ IP68 ต้องแห้งเร็ว ไม่เปิดใช้งานทันที
ใช้ใต้น้ำ / ถ่ายรูป ไม่แนะนำ เสี่ยงน้ำเข้า
น้ำทะเล / น้ำหวาน ไม่ควร ทำให้เครื่องพังเร็ว
ชาร์จตอนเปียก ห้ามเด็ดขาด อันตรายและทำให้เครื่องเสียหาย

  1. Apple ไม่รับประกันความเสียหายจากน้ำ ถึงจะมีมาตรฐาน IP ก็จริง แต่ถ้าเครื่องเสียเพราะน้ำเข้า Apple จะไม่ซ่อมให้ฟรี แม้ยังอยู่ในประกัน (รวมถึง AppleCare+ ด้วย) สิ่งนี้ถูกระบุชัดในเงื่อนไขการรับประกันของ Apple ว่าความเสียหายจากของเหลวไม่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า น้ำทะเล น้ำหวาน หรือกาแฟก็ตาม
  1. มาตรฐาน IP มาจากการทดสอบในห้องแล็บ มาตรฐาน IP ได้จากการทดสอบที่มีการควบคุม เช่น การจุ่มน้ำจืดที่นิ่ง ไม่มีแรงดัน ไม่ได้จำลองการใช้งานจริง เช่น การว่ายน้ำ ดำน้ำ, การโดนฝนหนักขณะใช้งาน และ การล้างเครื่องด้วยแรงดันน้ำ
  1. การกันน้ำเสื่อมลงเมื่อใช้ไปนานๆ ซีลกันน้ำภายในตัวเครื่องจะ เสื่อมตามอายุการใช้งาน แม้ iPhone จะยังเปิดติดและดูปกติ แต่ความสามารถในการกันน้ำอาจไม่เหมือนเดิม อย่างการทำเครื่องตกหรือกระแทกแรง, เปลี่ยนหน้าจอ/เปลี่ยนแบตนอกศูนย์ หรือใช้งานในสภาพอากาศร้อนจัดหรือเย็นจัด
  1. ห้ามชาร์จ iPhone ขณะเครื่องหรือพอร์ตยังเปียก หากเพิ่งทำเครื่องเปียก อย่าชาร์จทันทีเด็ดขาด ให้ทำดังนี้ เขย่าเบาๆ เอาน้ำออกจากพอร์ต วางไว้ให้แห้งสนิท อย่างน้อย 30 นาที - 1 ชั่วโมง iPhone รุ่นใหม่จะขึ้นเตือน Liquid Detected หากเสียบสายตอนพอร์ตยังชื้น
  1. น้ำชนิดอื่นๆ เสี่ยงสูงมาก มาตรฐาน IP ถูกทดสอบกับ น้ำจืดเท่านั้น แต่น้ำในชีวิตจริง ล้วนเสี่ยงต่อความเสียหายภายในเครื่อง แม้จะกันน้ำตามมาตรฐาน IP เช่น น้ำทะเล (มีเกลือ กัดกร่อนวงจร) น้ำหวาน กาแฟ (เหนียว แห้งแล้วทิ้งคราบ) น้ำอุ่น น้ำร้อน (อุณหภูมิสูงทำลายซีลกันน้ำ)
  1. อย่าใช้ใต้น้ำเพื่อถ่ายรูปหรือวิดีโอ แม้บางรีวิวจะโชว์ iPhone ถ่ายใต้น้ำได้ แต่ Apple ไม่เคยแนะนำให้ใช้งานแบบนั้น การกดหน้าจอ/ปุ่มใต้น้ำ = ความเสี่ยงให้น้ำซึมเข้าเครื่อง หากจำเป็น ควรใช้อุปกรณ์เสริมเช่นเคสกันน้ำโดยเฉพาะ

รวม iPhone รุ่นที่กันน้ำได้

หากต้องการ iPhone ที่กันน้ำได้ดีที่สุดตอนนี้ iPhone 12, 13, 14, 15 และ 16  Series คือตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับการกันน้ำ หากงบจำกัด iPhone 11 ก็ยังถือว่ารับมือได้ในระดับพื้นฐาน

รุ่น iPhone มาตรฐาน IP ความลึก / ระยะเวลา
iPhone 11 IP68 2 เมตร / 30 นาที
iPhone 11 Pro / Pro Max IP68 4 เมตร / 30 นาที
iPhone 12 Series (ทุกรุ่น) IP68 6 เมตร / 30 นาที
iPhone 13 Series (ทุกรุ่น) IP68 6 เมตร / 30 นาที
iPhone 15 Series (ทุกรุ่น) IP68 6 เมตร / 30 นาที
iPhone 16 Series (ทุกรุ่น) IP68 6 เมตร / 30 นาที


บทส่งท้าย

จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้ว่า iPhone ตั้งแต่รุ่น 7 ขึ้นไปมีฟีเจอร์กันน้ำที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ iPhone 12 ถึง 16 Series ที่มาพร้อมมาตรฐาน IP68 รองรับการจุ่มน้ำลึกสูงสุดถึง 6 เมตรได้นาน 30 นาที อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการกันน้ำเหล่านี้ควรใช้ “อย่างระมัดระวัง” และไม่ควรนำไปใช้งานใต้น้ำโดยไม่จำเป็น หากต้องการมือถือที่เน้นความ “อึด ถึก ลุย” นอกจาก iPhone หรือกำลังเปรียบเทียบระหว่างหลายแบรนด์โดยเฉพาะ ลองดูบทความนี้ที่เรารวบรวมไว้แบบเจาะลึก โทรศัพท์กันน้ำ ยี่ห้อไหนดี

สิ้นสุดบทความ