ช่วงนี้แทบทุกจังหวัดคงเจอปัญหาฝุ่นควันและมลภาวะ PM2.5 หนักมากจนรู้สึกหายใจไม่โล่ง หรือหลายคนก็ป่วยบ่อยขึ้นมาก วันนี้เราเลยนำเครื่องฟอกอากาศ Philips ทุกรุ่นทั้งสำหรับตั้งในบ้านและในรถยนต์ พร้อมรีวิวจากผู้ใช้จริง มาแนะนำให้หลายๆบ้านได้ตัดสินใจก่อนซื้อกัน บอกเลยว่าวันนี้โดนตกกันทุกบ้านแน่นอน
บรรณาธิการ
Table of Contents
เครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่นไหนดี กรองเก่ง หายใจสะดวก ปี 2024
บ้านไหนมีสัตว์เลี้ยงบอกเลยว่าต้องมีเครื่องฟอกอากาศฟิลิปส์รุ่น AC0850/21 รุ่นนี้เป็นรุ่นขายดี โดยเขามีเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่น ช่วยกรอง PM2.5 และมลพิษได้ แล้วพวกขนสัตว์บอกเลยว่าไม่ต้องห่วงเลย เขาดักจับและกรองออกมาเป็นอากาศบริสุทธิ์ ใครชอบทำอาหารในบ้านบอกเลยว่าชอบแน่นอน เพราะเปิดปุ๊บกลิ่นควันอาหารเบาลงมาก แถมมีโหมดสลีปสำหรับเปิดตอนกลางคืนด้วยนะ เสียงเงียบเพียง 35 เดซิเบล ไม่รบกวนการนอนแน่นอน
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาด: 25 x 25 x 36.7 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 2.4 กิโลกรัม
- ประเภทไส้กรอง: HEPA
- ระดับเสียงการทำงาน: 35-61 เดซิเบล
- กำลังไฟ: 20 วัตต์
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุม: เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 49 ตารางเมตร
รีวิวจากผู้ใช้จริง: ใช้งานง่าย ตัวเครื่องสวยงาม มินิมอล น้ำหนักเบา
ใครมองหาเครื่องฟอกอากาศที่ครบจบในราคาประหยัด บอกเลยว่าต้องจัดฟิลิปส์ตัวนี้ เพราะสามารถกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพในขนาดพื้นที่ครอบคลุมถึง 49 ตารางเมตรเลยทีเดียว ใช้ได้ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และยังมีระบบกรองสารก่อภูมิแพ้ถึง 99.99% ใช้แล้วหายใจสบายขึ้น บ้านไหนมีคนป่วยบ่อยหรือเป็นภูมิแพ้ แค่เปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศ philips ตัวนี้อย่างสม่ำเสมอก็ช่วยได้มาก เคลื่อนย้ายเครื่องก็ง่าย เพราะน้ำหนักเบาเพียง 3 กิโลกรัม
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาด: 25 x 25 x 36.7 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 3 กิโลกรัม
- ประเภทไส้กรอง: HEPA
- ระดับเสียงการทำงาน: 35-61 เดซิเบล
- กำลังไฟ: 20 วัตต์
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุม: เหมาะสำหรับห้องขนาด 16-49 ตารางเมตร
รีวิวจากผู้ใช้จริง: สินค้าใหม่ คุณภาพดี ใช้งานได้ดี ไม่ปัญหา เสียงไม่ดัง ใช้ง่าย คนแก่ๆใช้งานได้เองไม่ยุ่งยาก
ใครชอบตั้งเครื่องฟอกอากาศตอนนอนบอกเลยว่าตัวนี้เหมาะมาก เพราะเสียงเงียบกริบเพียง 15 เดซิเบล ถ้าไม่เอาหูแนบบอกเลยว่าไม่ได้ยินเสียงเครื่องเลย! แถมเครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC1715/21 นี้ปรับระดับความแรงลมได้ถึง 4 ระดับ และหน้าจอมีการเเสดงผลแบบแถบสี แสดงสถานะฝุ่น เช็กง่าย ใช้งานก็ง่าย เรื่องความแข็งแรงทนทานบอกเลยว่าไม่ต้องกังวล เพราะวัสดุทำมาจากพลาสติกแข็งคุณภาพดี ดูแลรักษาง่ายสุดๆ
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาด: 27.3 x 27.3 x 48.6 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 4.1 กิโลกรัม
- ประเภทไส้กรอง: HEPA
- ระดับเสียงการทำงาน: 15-50 เดซิเบล
- กำลังไฟ: 27 วัตต์
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุม: เหมาะสำหรับห้องขนาด 16-78 ตารางเมตร
รีวิวจากผู้ใช้จริง: ชอบเครื่องฟอกอากาศของ philips ตัวนี้มากๆค่ะ ด้วยรูปทรงที่สวย ทันสมัย ขนาดกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป การใช้งานก็ง่าย ไม่ยุ่งยาก มีโหมดการทำงานให้เลือกใช้หลายโหมด เสียงค่อนข้างเบามากๆ ไม่รบกวนเลยค่ะ ลองเปิดทิ้งไว้ไม่นาน ค่า PM ก็ลดลงจนแทบไม่มีเลย
บ้านไหนมีพื้นที่ใช้สอยเยอะแต่ยังต้องการอากาศที่บริสุทธิ์ให้เจ้า Philips AC2958/23 จัดการได้เลย เพราะเจ้าตัวนี้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 98 ตารางเมตรโดยสามารถกระจายและฟอกอากาศได้ทั่วทุกมุมห้อง แถมยังปรับแสงได้ตามสภาพแวดล้อมทำให้เหมาะสมกับการใช้งาน และด้วยการกรองแบบดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กตามอากาศ รวมถึงฝุ่นละอองที่อาจมีไวรัสทางเดินหายใจได้ จึงมั่นใจได้ว่าเขาป้องกันภัยจาก PM2.5 แบคทีเรีย ก๊าซ และมลพิษอื่นๆได้อย่างดี
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาด: 33 x 33 x 65.2 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 5.8 กิโลกรัม
- ประเภทไส้กรอง: HEPA
- ระดับเสียงการทำงาน: 15-54 เดซิเบล
- กำลังไฟ: 46 วัตต์
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุม: เหมาะสำหรับห้องขนาด 98 ตารางเมตร
รีวิวจากผู้ใช้จริง: ใช้งานง่าย สามารถเปิดปิดเครื่องจากมือถือได้ตลอดเวลา กรองไว เห็นค่าอากาศตลอดเวลา ทำให้มั่นใจ
เครื่องฟอกอากาศ Philips AC2887/20 เป็นตัวรุ่นน้องของเจ้าตัวด้านบนที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศและ เซ็นเซอร์อัจฉริยะสำหรับการกรองอากาศเพื่อที่จะตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กพิเศษได้อย่างแม่นยำแถมนังมีเทคโนโลยีขจัดไวรัสรวมถึงโคโรนาไวรัสและฝุ่นละอองตามอากาศได้สูงสุดได้สูงถึง 99.9% และตัวแอปพลิเคชันจะรายงานคุณภาพอากาศของห้องในแบบเรียลไทม์ โดยดูได้บนตัวเครื่องเลย แถมยังประหยัดไฟมากจ่ายค่าไฟเทียบกับหลอดไฟแค่ 1 ดวงเท่านั้น
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาด: 35.9 x 24 x 55.8 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 7.77 กิโลกรัม
- ประเภทไส้กรอง: HEPA
- ระดับเสียงการทำงาน: 19-55 เดซิเบล
- กำลังไฟ: 56 วัตต์
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุม: เหมาะสำหรับห้องขนาด 25-79 ตารางเมตร
รีวิวจากผู้ใช้จริง: สามารถทำให้ห้องที่มีฝุ่นหนาตลอด มีอากาศสะอาดไหลเวียน พอจะลดอาการภูมิแพ้ได้อย่างดีเยี่ยม อาการหวัดหายไวขึ้นมาก และเนื่องจากอาศัยอยู่ในย่านเขตอุตสาหกรรม จึงทำให้รู้ได้ชัดเจนว่า มันสามารถจัดการกับมลภาวะทางอากาศได้ดีมาก ตอนนี้รักมากเลย เครื่องไม่หนักขนย้ายสะดวก ถอดทำความสะอาดก็ง่ายมาก มีรหัสเตือนให้ล้างแผ่นกรองชั้นแรก
เครื่องฟอกอากาศตัวเล็กแต่ทรงพลัง แถมราคาประหยัดสุดๆในบรรดาเครื่องฟอกทั้งตระกูลก็คือ PHILIPS รุ่น AC0650/10 นี่เอง เจ้านี่บอกได้เลยว่าจิ๋วแต่แจ๋วเพราะสามารถกรอง PM2.5 ได้ด้วยนะ ถึงจะมีระบบการกรองลดลงมาเหลือ 2 ชั้น แต่ก็ยังมีแผ่นกรอง HEPA อยู่ซึ่งจะช่วยจับละอองฝุ่น เชื้อโรค และอนุภาคที่ขนาดเล็กถึง 0.003 ไมครอน ซึ่งเล็กยิ่งกว่าไวรัสที่เล็กที่สุด ด้วยเทคโนโลยี VitaShield ที่ผ่านการรับรองแล้ว บอกเลยว่ารุ่นนี้คุ้มค่ามาก
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาด: 24.3 x 23.7 x 34.1 เซนติเมตร
- น้ำหนัก:2.2 กิโลกรัม
- ประเภทไส้กรอง: HEPA
- ระดับเสียงการทำงาน: 19-49 เดซิเบล
- กำลังไฟ: 12 วัตต์
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุม: เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 44 ตารางเมตร
รีวิวจากผู้ใช้จริง: เสียงเงียบดีใช้ได้ น้องแมวไม่ตกใจ เป็นรุ่นใหม่ที่ราคาประหยัดดีมากเลย เหมาะกับการใช้งานส่วนตัว
เครื่องฟอกอากาศฟิลิปส์ AC1215/20 มาในดีไซน์แปลกโดดเด่นกว่ารุ่นอื่น โดยรุ่นนี้สามารถฟอกเหล่ามลพิษอนุภาคเล็กให้กลายเป็นอากาศบริสุทธิ์ภายในเวลาไม่เกิน 11 นาที ใครที่กำลังมองหาเครื่องกรองอากาศที่ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งกลางวันและกลางคืน Philips AC1215/20 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่จะช่วยกรองอากาศในตอนพักผ่อนช่วงกลางคืนได้อย่างเงียบสงบและไม่มีแสงไฟรบกวน แถมยังสามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.97%
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาด: 32.5 x 21 x 54.3 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 5.2 กิโลกรัม
- ประเภทไส้กรอง: HEPA
- ระดับเสียงการทำงาน: 15-50 เดซิเบล
- กำลังไฟ: 50 วัตต์
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุม: เหมาะสำหรับห้องขนาด 63 ตารางเมตร
รีวิวจากผู้ใช้จริง: ดีมากค่ะ ฝุ่นเยอะ รู้สึกแสบจมูกเจบคอ แม้อยู่ในห้อง ตัวนี้ข่วยให้การหายใจดีขึ้นเยอะเลยค่ะ เพื่อสุขภาพของตัวเองซื้อเลยค่ะ
เครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC3256/20 เขามาในดีไซน์ที่สวยโดนเด่นแบบล้ำสมัย น่าจะถูกใจสายแต่งบ้านหลายๆคน และเจ้าตัวนี้เขา ไม่ได้ล้ำแค่หน้าตานะ แต่ล้ำทั้งเทคโนโลยีที่สามารถขจัดอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 0.02 ไมครอน ซึ่งสามารถกรอง PM 2.5 ได้สบาย และยังมีโหมดพิเศษคือโหมดป้องกันสารก่อภูมิแพ้อัตโนมัติพิเศษ เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่นหรือขนสัตว์ บ้านไหนเป็นภูมิแพ้บอกเลยว่าซื้อตัวนี้คุ้มค่าแน่นอน
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาด: 47.4 x 34 x 79.8 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 9 กิโลกรัม
- ประเภทไส้กรอง: HEPA
- ระดับเสียงการทำงาน: 32.5-63.8 เดซิเบล
- กำลังไฟ: 60 วัตต์
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุม: เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 102 ตารางเมตร
รีวิวจากผู้ใช้จริง: -
บ้านไหนที่มีห้องโถงขนาดใหญ่และอยู่กันหลายคนต้องการดูแลและเอาใจใส่กับสุขภาพของคนในครอบครัวแนะนำเครื่องกรองอากาศฟิลิปส์รุ่น AC3854 เลย ยิ่งถ้าบ้านไหนที่มีคนสูงอายุควรจะต้องมีเพื่อช่วยให้ปลอดภัยจากไวรัส ละอองฝุ่น PM หรือเกสรดอกไม้ และยังช่วยลดอัตราการเกิดอาการภูมิแพ้ได้ด้วย เพราะตัวนี้มีเซ็นเซอร์ตัวใหญ่อัจฉริยะสำหรับตรวจจับและเมื่อเปิดเครื่องก็สามารถกรองอากาศในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดทั้งหมดได้ภายใน 5 นาทีเลย
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาด: 31 x 31 x 71.8 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 8 กิโลกรัม
- ประเภทไส้กรอง: HEPA
- ระดับเสียงการทำงาน: 18-57 เดซิเบล
- กำลังไฟ: 60 วัตต์
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุม: เหมาะสำหรับห้องขนาด 20-158 ตารางเมตร
รีวิวจากผู้ใช้จริง: -
เอาใจสายเดินทางกันบ้างเพราะทางแบรนด์ฟิลิปส์ก็ออกเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์มาเหมือนกัน คือเจ้า Philips GoPure Style S5000 ที่ช่วยฟอกอากาศขณะเดินทางได้ตลอดและสามารถลดกลิ่นอาหารบนรถได้อย่างรวดเร็ว ใครสายกินบนรถแต่ไม่อยากรบกวนคนอื่นคือพลาดไม่ได้ และที่สำคัญคือเขาสามารถกรองเชื้อโรค เชื้อไวรัส และแบคทีเรียได้ด้วยนะ บอกเลยว่านี่คือไอเทมที่ควรมีไว้บนรถจริงๆ แถมยังขนาดเล็กใส่ในช่องที่วางแก้วได้เลย
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาด: 21.1 x 10.9 x 10.9 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 0.375 กิโลกรัม
- ประเภทไส้กรอง: SNF100X1
- ระดับเสียงการทำงาน: 32.2-41.8 เดซิเบล
- กำลังไฟ: 5.5 วัตต์
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุม: เหมาะสำหรับการใช้บนรถยนต์
รีวิวจากผู้ใช้จริง: Compact size, doesn't take up much space, Convenient and portable design, Sleek and stylish design, Easy installation and operation,
จุดเด่นของเครื่องฟอกอากาศ Philips
เครื่องฟอกอากาศ Philips สามารถกำจัดละอองและไวรัสออกจากอากาศได้ถึง 99.9% โดยแผ่นกรอง HEPA ของฟิลิปส์สามารถกำจัดอนุภาคที่มีขนาดสูงถึง 0.003μm * (เท่ากับ 3 นาโนเมตร) ได้ 99.97% ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าไวรัสที่เล็กที่สุดที่รู้จัก แถมตัวเครื่องยังสวยงามมินิมอล จะตั้งตรงไหนของบ้านก็ดูสวยทันสมัย เสมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์อีกหนึ่งชิ้นในบ้านได้เลย
เครื่องฟอกอากาศ Philips กรอง PM2.5 ได้ไหม
ได้แน่นอน และนอกจากจะช่วยกรองพวก PM2.5 แล้วยังช่วยกรองพวกแบคทีเรีย ฝุ่นผง ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ และมลพิษอนุภาคเล็กอื่นๆอีกมาก
วิธีเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ Philips
- ขนาดของเครื่องฟอกอากาศ ควรเลือกขนาดที่พอดีและเหมาะสมกับห้อง โดยดูได้จากคำแนะนำว่าเครื่องกรองอากาศนั้นๆเหมาะกับขนาดห้องกี่ตารางเมตร เพื่อทำให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือไม่ควรใช้ในพื้นที่เปิดอย่างหน้าบ้านหรือระเบียง เพราะทำให้เครื่องทำงานหนักจนเกินไป
- ค่าปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถฟอกได้ วัตถุประสงค์รองจากการกรองอากาศ บางบ้านอาจต้องการซื้อไปเพื่อช่วยกรองเกสรดอกไม้และขนสัตว์เลี้ยง เราจึงควรพิจารณาค่าปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถฟอกได้ด้วย ว่ามี CADR (Clean Air Delivery Rate) ที่เท่าไหร่ ซึ่งยิ่งมีตัวเลขสูงยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงเครื่องจะสามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ออกมาได้มากนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นเครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC2887/20 ที่สามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้ถึง 333 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงนั่นเอง
- ค่าแสดงความเร็วในการกรองอากาศ การดูค่า Air Flow หรือ Air Volume ซึ่งเป็นค่าที่บ่งชี้ความเร็วของการกรองอากาศและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ภายในห้อง โดยแต่ละรุ่นจะมีความต่างกันออกไป ซึ่งหากมีตัวเลขที่สูง ก็หมายถึงภายในห้องจะได้รับอากาศบริสุทธิ์เร็วมากขึ้น
- ฟังก์ชันเสริม ข้อนี้บอกเลยว่าจำเป็นสำหรับยุคนี้มาก โดยเครื่องฟอกอากาศฟิลิปส์สามารถเชื่อมต่อและคอนโทรลผ่านแอปพลิเคชัน “Clean Home+” ได้ โดยแอปจะช่วยให้เราสามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศได้ทุกที่ทุกเวลา รวมถึงติดตามคุณภาพอากาศภายในและภายนอกได้แบบเรียลไทม์
- ดูแลรักษาได้สะดวก การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศให้คุ้มค่าคือเรื่องของระบบการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก เข้าใจได้ง่าย รวมถึงสามารถทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองได้อย่างง่ายดาย
- ตรวจสอบสเปคและเปรียบเทียบ ก่อนตัดสินใจซื้อควรตรวจสอบสเปคให้ดี และถ้าใครมีหลายรุ่นในใจจนเลือกไม่ถูก ลองเอารุ่นไปเปรียบเทียบกันในเว็บไซต์ www.philips.co.th ก่อนก็ได้นะ
อ้างอิง: https://wells.co.th/
ไส้กรองเครื่องฟอกอากาศ Philips ซื้อได้ที่ไหน
สามารถซื้อกับตัวแทนจำหน่ายทั่วไป, ร้านค้าออนไลน์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้, homepro หรือเว็บไซต์ www.philips.co.th โดยตรงก็ได้นะ บอกเลยว่าหาซื้อเปลี่ยนง่ายและสะดวกมาก
บทส่งท้าย
เครื่องฟอกอากาศแทบจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ควรมีติดบ้านในยุคนี้แล้วจริงๆ แต่ก่อนซื้อก็อย่าลืมศึกษารุ่นและวิธีการใช้ให้ดีก่อนเพื่อจะได้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และแม้จะมีเครื่องฟอกอากาศที่ดีทั้งในบ้านและในรถยนต์แล้ว ก็อย่าลืมดูแลตัวเองเวลาออกไปข้างนอกด้วยนะ ไม่ได้เป็นหมอแต่เป็นห่วง ฮ่าๆ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะ