เครื่องอ่านหนังสือ หรือ e-reader ทำให้คนอ่านหนังสือได้อย่างหลากหลาย รวดเร็วมากขึ้น โดยไม่จำเป็นที่จะต้องพกหนังสือเล่มหนักๆ ติดไว้กับตัวตลอดเวลา โดยเครื่องหนึ่งก็จุหนังสือได้เป็นพัน ๆ เล่มเลยทีเดียว แต่ตัวเครื่อง e-rerader นั้นพกพาง่ายมีน้ำหนักเบาไม่เกิน 500 กรัม ซึ่งในบทความนี้ เราจึงขอเอาใจคนรักการอ่าน โดยพาไปชี้เป้าว่าเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบรนด์ รุ่นไหน ที่เหมาะแก่การไปตำมากที่สุด
บรรณาธิการ
Table of Contents
10 เครื่องอ่านหนังสือ e-reader ยี่ห้อไหนดี น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ตอบโจทย์คนรักการอ่าน 2024
ใครที่ต้องการอยากอ่าน e-book โดยให้ความรู้สึกราวกับว่าเป็นกระดาษจริง ๆ ต้องเครื่องอ่านหนังสือจาก BOOX รุ่นนี้ เพราะมีหน้าจอกว้างถึง 13.3 นิ้ว มาพร้อมกับปากกาที่สามารถจดได้ เขียนโน้ตได้ภายในตัวเครื่อง รองรับทุกภาษาในการใช้งาน มีน้ำหนักเพียง 570 กรัม ถือได้สบาย ๆ ตัวหน้าจอให้ความรู้สึกเหมือนเราได้สัมผัสกระดาษ เหมาะสำหรับคนที่ชอบอ่าน e-book หรือคุ้นเคยกับการใช้กระดาษมากเลยทีเดียว
รีวิว: -
ด้วยขนาดหน้าจอ 7.8 นิ้วที่ออกแบบมากำลังพอดี พร้อมรูปทรงยาวที่เข้ากับมือเหมาะแก่การใช้งาน พร้อมด้วยปากกาในตัวเครื่อง ซึ่งช่วยให้คุณสามารถจดโน้ต ระบายสี ครีเอทงานสร้างสรรค์ได้มากมาย หรือจะไว้สำหรับการอ่าน การทำข้อสอบ จดชีทเรียนก็ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเครื่องอ่านหนังสือรุ่นนี้ จึงสามารถทำใด้มากกว่าการอ่านหนังสือ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับน้อง ๆ หรือเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องใช้สื่อเทคโนโลยีอยู่เป็นประจำ
รีวิว: เครื่องเบา ถือไม่เมื่อย การสัมผัสดีกว่า Nova2 ค่ะ ปากกาก็อ้วนกว่า จับถนัดมือ
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เบื่อกับการที่แสงหน้าจอหรือสีกระดาษ ส่งผลต่อสายตาของคุณในการอ่านระยะยาว และต้องการปรับเปลี่ยนแสงหน้าจอบ้างเพื่อลดการปวดล้าของดวงตา เครื่องรุ่นนี้ตอบโจทย์อย่างที่คุณต้องการได้ดีเลยทีเดียว เพราะมีระบบในการรองรับเปลี่ยนสีหน้าจอเป็น Warm tone และ Cool tone แล้วแต่ความต้องการของผู้ใช้งาน มีขนาดหน้าจอกว้าง 6 นิ้ว น้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมาเพียง 150 กรัม บอกได้เลยว่าคุ้มค่าแก่การมีไว้ในครอบครองมาก ๆ
รีวิว: -
ไม่มีเครื่องอ่าน e-reader เครื่องไหนที่จะราคาดีไปกว่านี้อีกแล้ว ซึ่งถือว่าน่าลงทุนมาก ๆ สำหรับคนที่อยากได้เครื่องใหม่ หรือคนที่กำลังอยากจะซื้อเครื่องอ่านหนังสือเป็นของตัวเอง เพราะน้ำหนักเบามากเพียง 170 กรัม จุหนังสือได้มากกว่า 5000 เล่ม รองรับการอ่านหนังสือได้ทุกไฟล์ ไม่ต้องนั่งแปลไฟล์อะไรให้มากมาย รองรับได้ทุกภาษา รองรับเมมโมรี่สูงสุดได้มากถึง 32 GB ตัวเครื่องเล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับการพกพาไปทุกที่ ทุกการเดินทาง
รีวิว: -
เป็น e-reader ที่เปิดตัวไปตอนปี 2021 แต่ว่าเอามาใช้ในปี 2022 ก็ยังคงว้าวอยู่กับ Boox LEAF ที่ให้คุณได้อ่านเต็มตามมากขึ้นกับขนาดจอ 7 นิ้ว เพียบพร้อมซะเรียกได้ว่าเกือบจะเป็นตัวคุ้มได้เลย เพราะลงแอพจาก Kindle/MEB/Hytexts ได้อย่างสบาย มาพร้อมความจำที่ 32GB ที่หนอนหนังสือต้องหลงรักไม่ต้องคอยลบเล่มโปรดแล้วโหลดกลับไปกลับมาบ่อย ๆ เพราะเนื่องจากความจำขนาดนี้สามารถทำให้คุณเก็บไฟล์หนังสือได้มากถึง 12,800 เรื่อง เรื่องปวดตาสบายใจขึ้นได้เลยเพราะเป็นจอแสดงผลแบบ grayscale และจอก็เป็นแบบ E-link ที่ช่วยถนอมสายตาเป็นอย่างดี เรื่องแบตก็ไม่ต้องวนชาร์จบ่อยเพราะความจุอยู่ที่ 2000 mAh ใช้งานได้ราว ๆ 1 อาทิตย์
รีวิว: ขนาดกำลังดี น้ำหนักเบา ถือได้ไม่เมื่อย ปรับความเข้มแสงหน้าจอได้ การตอบสนองกับการสัมผัสของหน้าจอไม่เร็วมาก (เหมือนเครื่องอ่านอีบุ๊คทั่วไป ไม่เร็วเท่า tablet) เคสแม่เหล็กปิดเปิดหน้าจอเองได้
เครื่อง e-reader ที่มีนวัตกรรมอันทันสมัย พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือในเครื่อง มาในซอฟต์แวร์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม หน้าจอเป็นกระจก แต่ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านหนังสือเป็นเล่มอยู่ในมือ ใช้งานเร็วแรงขึ้นด้วย Ram 4 GB ขนาดหน้าจอกว้างถึง 10.3 นิ้ว ทำงานด้วยระบบแอนดรอย 9.0 สามารถปรับแสงไฟได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน ด้วยระบบการแสดงผลหน้าจอแบบ Gray Scale อีกด้วย
รีวิว: -
ไม่ว่าใครก็คงจะต้องรู้จักเครื่องอ่านหนังสือจากแบรนด์ Kindle เพราะเป็นแบรนด์ผลิตเครื่อง E-reader ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 เลยทีเดียว สาวกคนรักการอ่านต้องกดเลิฟกันรัว เพราะมีระบบการใช้งานที่เสถียรมาก ให้หน้าจอที่เหมือนกับกระดาษจริงทุกตารางนิ้ว ไม่ปวดตา อีกทั้งรุ่นนี้ยังกันน้ำได้ เครื่องขนาดกำลังพกพา ไม่ว่าจะบนรถ บนเครื่องบิน ก็สามารถนำติดตัวไปอ่านได้ทุกที่ ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 182 กรัมเท่านั้น
รีวิว: ดีงามครับ สบายตากว่าอ่านจากแท็บเล็ตที่เป็นจอ LED เยอะเลย
เป็นอีกรุ่นที่ควรค่าแก่การเริ่มลงทุนเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องอ่านหนังสือดี ๆ สักเครื่องหนึ่ง แต่อาจจะยังลังเล ไม่กล้าลงทุนของแพงเพราะยังไม่แน่ในใจประสิทธิภาพ เจ้าเครื่อง Kindle รุ่นนี้ตอบโจทย์มากที่สุดเลยละ เพราะว่ามีขนาดตัวเครื่องที่เบามาก สามารถถือได้โดยไม่ปวดเมื่อย อ่านนาน ๆ แล้วก็ยังให้ความสบายตา ซิงค์กับหูฟังได้ภายในเครื่องด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าให้ความเพลิดเพลินกับคนรักการอ่านได้ดีทีเดียว
รีวิว: เบาและก็ถนอมสายตาดีมากๆ
เพราะดีไซน์เครื่องที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบถืออ่านโดยเฉพาะ มีที่พักมือเพื่อไม่ให้นิ้วบังหน้าจอ พร้อมสำหรับการอ่านในทุกที่ ทุกเวลา อีกทั้งยังสามารถปรับแสงหน้าจอ Warm light ได้ 3 ระดับเลยทีเดียว สามารถกันน้ำได้ กันฝุ่นได้ดี เหมาะแก่การพกพาไปทุกที่ ทุกสถานการณ์ และทุกเวลา และที่สำคัญเครื่องของ Kindle ไม่ลืมที่จะให้ความใสใจ่ในความสมจริงและคล้ายกับอ่านบนกระดาษจริง ใครที่เป็นหนอนหนังสือเรียกได้ว่าห้ามพลาดเลยทีเดียวเพราะเครื่องนี้ตอบโจทย์จริง ๆ
รีวิว : Second Kindle I purchased from this store. They’re quick to ship and both items arrived within 2-3 days, in great shape and condition. Only downside is the Oasis itself is known for quicker battery drain, but with its light weight and page turn buttons I’m happy to charge a bit more often.
หลายคนอาจจะยังรู้สึกว่า Xiaomi Mi เป็นน้องใหม่ในวงการการทำเครื่อง e-reader ที่มีหลายเจ้าคอยรักษาตลาดเอาไว้ แต่แม้จะเป็นน้องใหม่ แต่แบรนด์ Xiaomi Mi ก็ไม่เคยทำให้คนที่เป็นสาวกผิดหวัง เพราะดีไซน์ตัวเครื่องออกมาได้เรียบหรู ดูมินิมอลอันเป็นเอกลักษณ์ หน้าจอมีสีที่นวลตา เพิ่มความสบายในการอ่านระยะยาว หน้าจอกว้างขนาด 7.8 นิ้ว กวาดมองอย่างไร้ขอบจำกัด พร้อมน้ำหนักที่เบาเพียง 250 กรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีระบบการโอนถ่ายข้อมูลที่ทำได้ง่ายจนน่าตกใจ
รีวิว: เมื่อเปิดดูแล้วน้ำหนักเบาประทับใจมากนุ่มนวลสายตา
เครื่องอ่าน e-reader ดีอย่างไร
- น้ำหนักเบา ซึ่งตอบโจทย์อย่างมากสำหรับคนที่เดินทางบ่อย ๆ และชอบอ่านหนังสือขณะการเดินทาง ซึ่งเครื่อง e-reader มีน้ำหนักส่วนใหญ่ไม่เกิน 500 กรัม
- จุหนังสือได้เยอะ ในบางรุ่นได้มากถึง 5000 เล่ม โดยที่ไม่ต้องแบกหนังสือหลายเล่มให้หนัก
- ถนอมสายตา ประหนึ่งว่าคุณได้อ่านหนังสือจากกระดาษของจริง ทำให้ดวงตาไม่ปวดหรือล้า
- รองรับหนังสือเสียง มีหูฟังไว้ซิงค์เพื่อฟังเพลง หรือฟัง Audio book ขณะเดินทางได้อีกด้วย
- รับรองการแปลในทันที โดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนหน้าไปเปิดพจนานุกรม
ฟังก์ชันน่าสนใจของเครื่อง e-reader
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า เครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีสิ่งที่เป็นประโยชน์หลายด้าน และมีฟังก์ชันน่าสนใจหลากหลายประการด้วยกัน เช่น มีโปรแกรมในการแปลโดยทันที, มีการปรับแสงหน้าจอได้ทั้ง Warm tone-Cool tone, รองรับการจุหนังสือกว่า 5000 เล่ม และมีโปรแกรมในการฟังหนังสือเสียงได้อีกด้วย
วิธีการเลือกซื้อเครื่อง e-reader
- น้ำหนัก ควรคำนึงถึงเรื่องน้ำหนักในการพกพาเป็นอย่างแรก ควรเลือกที่มีขนาดไม่เกิน 500 กรัม
- การรองรับไฟล์ ไฟล์ในการอ่าน E-book มีหลากหลายไฟล์ ควรจะเลือกเครื่องที่รองรับได้ทุกไฟล์ ไม่ต้องเสียงเวลามานั่งแปลง
- เพิ่มเมมโมรี่ได้ เครื่อง e-reader ควรสามารถใส่การ์ดเพิ่มเมมเองได้ หรือมีเมมมาให้อย่างน้อย 30 GB ขึ้นไป
- ตัวเครื่อง ควรจะมีขนาดกะทัดรัด พกพา หรือเก็บได้สะดวก เพื่อให้เหมาะแก่การไปไหนมาไหนได้ทุกที่
- หน้าจอ ควรจะให้ความเสมือนจริง ปรับแสง ปรับโทนสีได้ เพื่อลดอาการปวดเมื่อยของดวงตา ในเวลาที่อ่านนานๆ
บทส่งท้าย
เครื่องอ่านหนังสือ เป็นอีกนวัตกรรมที่ตอบโจทย์มากสำหรับคนที่รักการอ่าน และสำหรับหนังสือบางเล่มที่หมดการผลิตไปแล้ว ซึ่งวิธีการดูแลรักษา ควรจะหมั่นเช็ดฝุ่นบ่อย ๆ อย่าเก็บไว้ในที่ร้อนจัดจนเกินไปและไม่ควรทำตกบ่อย เพราะอาจจะส่งผลถึงการทำงานของหน้าจอ ดังนั้นเมื่อลงทุนซื้อเครื่องอ่านหนังสือกันแล้ว ไม่ว่าจะจากแบรนด์ใด อย่าลืมดูแลรักษาให้ดีเพื่อให้เครื่องใช้งานอยู่เติมความรู้ของเราได้ไปอีกนาน ๆ กันนะคะ