แม้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจะทำได้สารพัดอย่าง แต่สำหรับ “คนรักการอ่านตัวจริง” แล้ว มันอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องอ่านไฟล์ PDF หนา ๆ, นิยายจาก Meb, หรือมังงะหลายตอนแบบจริงจัง
นั่นคือเหตุผลที่ e-Reader กลับมาได้รับความนิยมในหมู่คนไทยที่มองหาอุปกรณ์ “ถนอมสายตา”, “เบา พกง่าย”, และ “อ่านภาษาไทยได้แบบไม่ต้องดัดแปลงอะไรเลย”
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก e-Reader ที่น่าใช้ในปี 2025 พร้อมเจาะลึกว่า รุ่นไหนรองรับ Meb ได้ดี รุ่นไหนอ่าน PDF ลื่น จอใหญ่ ไม่ต้องซูมทุกหน้า รุ่นไหนเหมาะกับมือใหม่ / นักเรียน / นักอ่านสายฮาร์ดคอร์ และที่สำคัญ คุ้มไหมกับราคาที่ต้องจ่าย?
พร้อมหรือยังที่จะเปลี่ยนทุกที่ให้กลายเป็นห้องสมุดส่วนตัวของคุณ ถ้าพร้อมแล้ว เราเริ่มกันเลย

บรรณาธิการ
Table of Contents
10 เครื่องอ่านหนังสือ e-Reader ยี่ห้อไหนดี 2025

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือก่อนนอน หรืออยากมีเวลาเงียบ ๆ กับนิยายสักเล่มโดยไม่ถูกรบกวนจากแอปหรือแจ้งเตือน Kindle Paperwhite 12th Gen คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับคุณโดยเฉพาะ
ด้วยจอ E-Ink ขนาด 7 นิ้วที่คมชัดระดับ 300 PPI อ่านได้นานโดยไม่ปวดตาแม้อยู่กลางแดด หรือในที่มืดก็มีไฟในตัวพร้อมโหมด Dark Mode แถมแบตเตอรี่ยังใช้งานได้นานสูงสุดถึง 12 สัปดาห์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สำหรับผู้ที่อยากหลีกหนีจากมือถือหรือแท็บเล็ตเพื่อโฟกัสกับการอ่านจริง ๆ รุ่นนี้คือคำตอบ
แต่หากคุณต้องการใช้กับแอปภาษาไทยอย่าง Meb หรืออ่านนิยายจาก ReadAWrite โดยตรง Kindle รุ่นนี้อาจไม่ตอบโจทย์เท่าไร เพราะไม่รองรับภาษาไทยแบบสมบูรณ์และต้องแปลงไฟล์ก่อนใช้งาน
Kindle Paperwhite 2024 เหมาะกับคนที่ซื้อหนังสือจาก Kindle Store เป็นประจำ หรือมีคลัง ePub/PDF ที่อยากอ่านอย่างสบายตา รองรับไฟล์หลากหลายทั้ง AZW3, MOBI, PDF และ DOCX (ผ่านการแปลง) พร้อมพื้นที่จัดเก็บ 16GB/32GB พกพาหนังสือได้หลายพันเล่มโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ รองรับ Wi-Fi ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz เชื่อมต่อเร็ว ใช้งานง่ายไม่ต้องต่อกับคอม
ส่วนใครที่อยากฟังหนังสือเสียง ก็สามารถใช้ Audible ผ่าน Bluetooth ได้ (เฉพาะภาษาอังกฤษ) ตัวเครื่องกันน้ำระดับ IPX8 อ่านในอ่างอาบน้ำได้สบาย ฟังดูครบเครื่อง แต่จุดที่ควรรู้ไว้คือเมนูภายในเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และไม่สามารถโหลดแอปเพิ่มเติมได้เพราะเป็นระบบปิด ต่างจาก e-reader ที่ใช้ Android อย่าง BOOX หรือ Kobo
จุดเด่นที่ควรรู้ (เพื่อการตัดสินใจง่ายขึ้น):
- จอ E-Ink 7” คมชัดระดับ 300 PPI ถนอมสายตา
- มีไฟในตัว + Dark Mode สำหรับอ่านกลางคืน
- ความจุ 16GB เก็บได้หลายพันเล่ม
- แบตอึดสูงสุด 12 สัปดาห์ หากปิด Wi-Fi
- กันน้ำ IPX8 อ่านในอ่างอาบน้ำได้
- รองรับ Audible ผ่าน Bluetooth (เฉพาะภาษาอังกฤษ)
- ชาร์จผ่าน USB-C ใช้เวลาน้อยกว่า 5 ชม.
- ไม่รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ
- ไม่รองรับแอป Meb / ReadAWrite
- ไม่มีปากกา หรือระบบจดโน้ต

หากคุณเคยรู้สึกว่า e-reader ขาวดำยังไม่ตอบโจทย์พอ โดยเฉพาะเวลาต้องอ่านหนังสือภาพ นิตยสาร หรือมังงะที่ “ขาดสีแล้วหมดอารมณ์” Kindle Colorsoft Signature Edition อาจเป็นรุ่นที่คุณรออยู่
ด้วยจอ Colorsoft ขนาด 7 นิ้ว ให้การแสดงผลสีที่นุ่มตา ไม่ฉูดฉาดแบบแท็บเล็ตทั่วไป พร้อมคมชัดขาวดำระดับ 300 PPI และสี 150 PPI อ่านได้สบายในทุกสภาพแสงแม้แดดแรงหรือห้องมืด และยังถนอมสายตาได้ดีกว่าแท็บเล็ตจอ LCD
แถมแบตเตอรี่อยู่ได้นานถึง 8 สัปดาห์ ไม่ต้องพกสายชาร์จทุกวัน โดยเฉพาะสำหรับนักอ่านสายภาพที่ยังอยากได้ความรู้สึก "เหมือนถือหนังสือจริง" รุ่นนี้ถือว่าลงตัว
แม้ว่า Kindle Colorsoft จะไม่รองรับแอปไทยอย่าง Meb หรือ ReadAWrite โดยตรง (เช่นเดียวกับ Kindle รุ่นอื่น ๆ) แต่ถ้าคุณซื้อหนังสือจาก Kindle Store หรือมีไฟล์ PDF, EPUB, หรือ eBook สีเก็บไว้แล้ว รุ่นนี้รองรับครบ และยังแสดงภาพประกอบ สีหน้าปก หรือ infographic ได้ชัดเจนกว่ารุ่นจอขาวดำทั่วไป
โดยยังคงพกง่าย น้ำหนักเพียง 215 กรัม กันน้ำมาตรฐาน IPX8 และรองรับการฟัง Audible ผ่าน Bluetooth สำหรับหนังสือเสียงภาษาอังกฤษ
ส่วนใครที่กังวลเรื่องเมนู รุ่นนี้ยังคงเป็นภาษาอังกฤษล้วน และไม่สามารถโหลดแอปเพิ่มได้ เพราะใช้ระบบแบบปิดตามสไตล์ Kindle
คุณสมบัติหลักที่ช่วยตัดสินใจง่ายขึ้น
- จอแสดงผล: Colorsoft ขนาด 7” 300 PPI (ขาวดำ), 150 PPI (สี)
- การอ่านในที่มืด: มีไฟในตัว + โหมดกลางคืน
- กันน้ำ: มาตรฐาน IPX8 ลงน้ำลึก 2 ม. ได้ 60 นาที
- อายุแบตเตอรี่: ใช้ได้นาน 8 สัปดาห์ (อ่านวันละ 30 นาที)
- ฟัง Audible: ผ่าน Bluetooth ได้ (เฉพาะภาษาอังกฤษ)
- เชื่อมต่อ: Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz รองรับ WPA3
- ความจุ: 16GB จุหนังสือ + ไฟล์สีได้จุใจ
- พอร์ตชาร์จ: USB-C ชาร์จเต็มภายใน 5 ชม.
- ไม่รองรับ: Meb / ReadAWrite / เมนูภาษาไทย

ถ้า e-reader ทั่วไปดูไม่ตอบโจทย์คุณพอ Bigme HiBreak Pro คืออีรีดเดอร์ระบบ Android 14 ที่มาเหนือระดับกว่าแค่การ “อ่านหนังสือ” เพราะรุ่นนี้ใส่กล้องหลังความละเอียดสูงถึง 20MP พร้อม CPU Dimensity 1080, RAM 8GB และพื้นที่จุถึง 256GB
เหมาะกับคนที่อยากได้ e-reader ที่ทำได้ทุกอย่าง ทั้งอ่านหนังสือ จดโน้ต ถ่ายภาพ Scan เอกสาร หรือใช้แอป Meb, ReadAWrite, OneNote, Kindle หรือแม้แต่แอปสื่อสารต่าง ๆ ก็โหลดผ่าน Google Play ได้หมด
หน้าจอขนาด 6.13 นิ้วแบบ E-Ink คมชัด 300 PPI พร้อมไฟหน้าปรับได้ 36 ระดับ ทั้งโทนอุ่นและเย็น ใช้งานได้ดีทั้งในร่มและที่แสงจ้า โดยเฉพาะใครที่อยากใช้จอถนอมสายตาแต่ยังไม่อยากเสียฟังก์ชันแบบแท็บเล็ต — รุ่นนี้คือสมดุลที่ลงตัวที่สุดในตอนนี้
สิ่งที่ทำให้ HiBreak Pro แตกต่างคือความครบเครื่อง: รองรับ 5G แบบใส่ซิมคู่, มี NFC, GPS, Bluetooth 5.2, แบตเตอรี่จุ 4,500 mAh พร้อมชาร์จไว 18W ใช้งานได้หลายวันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
และยังมีปุ่มลัดที่คนอ่านหนังสือจริงชื่นชอบ ทั้งปุ่มรีเฟรช ปรับเสียง และสแกนนิ้วเข้าเครื่องได้เลย คนที่ "อิน" กับรุ่นนี้มักจะเป็นสาย productivity, คนทำงานที่ต้องอ่าน + เขียน + ประชุมผ่านอุปกรณ์เดียว หรือคนที่ไม่อยากแบกแท็บเล็ตหนัก ๆ แต่ยังอยากได้ฟีเจอร์ระดับมือถือ
ข้อสังเกตเดียวคือจอขนาดไม่ใหญ่มาก อาจไม่สะใจสาย PDF หนัก ๆ และแม้จอจะเป็น E-Ink แต่ก็ยังไม่เร็วเท่าแท็บเล็ตจอ LCD เมื่อใช้งานแอปที่เน้น animation หรือภาพเคลื่อนไหว
จุดเด่นของ Bigme HiBreak Pro (สแกนง่าย ใช้ตัดสินใจได้ทันที)
- หน้าจอ: 6.13" E-Ink, ความละเอียด 824×1648, 300 PPI
- ไฟหน้า: ปรับได้ 36 ระดับ ทั้งโทนอุ่น-โทนเย็น
- กล้อง: หน้า 5MP / หลัง 20MP สแกนเอกสารได้คมชัด
- ชาร์จเร็ว: USB-C 18W แบตเตอรี่ 4500 mAh
- การเชื่อมต่อ: รองรับ 5G, 2.4G/5G Wi-Fi, Dual SIM
- ความจุ: RAM 8GB / ROM 256GB
- ระบบเสริม: มี NFC, GPS, ปุ่มสแกนนิ้ว, ปุ่มลัดกดจริง
- OS: Android 14 รองรับ Google Play เต็มระบบ
- ไม่เหมาะกับ: คนที่ต้องการจอใหญ่ >7” หรือจอสีเต็มรูปแบบ

สำหรับคนที่กำลังมองหา e-reader ที่ “ทำได้มากกว่าแค่อ่าน” แต่ยังอยากได้ความเรียบง่าย น้ำหนักเบา และถนอมสายตา BOOX Go 7 อาจเป็นรุ่นที่ลงตัวที่สุดในกลุ่มจอ 7 นิ้วปี 2025
ตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 6.4 มม. น้ำหนักประมาณ 195 กรัม พกพาสบายในกระเป๋าเล็ก มาพร้อมจอ E Ink Carta 1300 ความละเอียด 300 PPI อ่านสบายตา และมีไฟหน้าปรับได้ทั้งโทนอุ่น-โทนเย็น อ่านกลางวันหรือกลางคืนได้ดีเท่า ๆ กัน
ที่น่าสนใจคือระบบปฏิบัติการ Android 13 ทำให้โหลดแอปจาก Play Store ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Meb, ReadAWrite, Kindle, OneNote หรือแอปสแกนเอกสาร
ตัวเครื่องยังรองรับไฟล์เอกสารและรูปภาพหลากหลายชนิด เหมาะทั้งสำหรับนักอ่าน นักเรียน หรือคนทำงานสายโน้ตดิจิทัลที่ไม่อยากใช้จอมือถือ
จุดแข็งของ BOOX Go 7 ไม่ได้มีแค่ขนาดพกง่าย แต่ยังมีฟีเจอร์ระดับโปรซ่อนอยู่: ซีพียู Octa-core, RAM 4GB และ ROM 64GB ทำให้เปิดไฟล์ PDF หนา ๆ หรือใช้แอปขนาดใหญ่ได้ลื่น
รองรับ microSD card เพิ่มความจุได้อีก มีลำโพง ไมโครโฟน และรองรับไฟล์เสียง MP3, WAV พร้อมพอร์ต USB-C ที่ใช้งานได้ทั้งชาร์จ OTG หรือเสียบหูฟังแบบ Type-C ได้เลย เหมาะกับคนที่อยากฟัง audiobook หรือฟัง lecture ซ้ำผ่านไฟล์เสียง
คำถามที่มักเจอคือ “ใช้จดโน้ตได้ไหม?” รุ่นนี้รองรับปากกา BOOX InkSense (ซื้อเพิ่ม) ซึ่งทำให้สามารถจดแบบ stylus ได้แม่นยำเหมือนบนกระดาษ นอกจากนี้ยังมีปุ่มเปลี่ยนหน้าและ G-sensor หมุนจออัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกเวลาอ่านหนังสือแนวนอน
จุดเด่นของ BOOX Go 7 (เพื่อการตัดสินใจที่ง่ายขึ้น):
- หน้าจอ: 7" E Ink Carta 1300 (300 PPI), Glass / PMMA cover
- ไฟส่องสว่าง: ปรับอุณหภูมิสีได้ (โทนอุ่น-โทนเย็น)
- ระบบ: Android 13 พร้อม Play Store
- ความจุ: RAM 4GB / ROM 64GB + microSD
- จดโน้ต: รองรับ BOOX InkSense (ซื้อเพิ่ม)
- ไฟล์ที่รองรับ: PDF, EPUB, MOBI, DOCX, PPTX, CBR, CBZ ฯลฯ
- เสียง: ลำโพงในตัว, รองรับ MP3/WAV, ไมโครโฟน
- พอร์ต: USB-C รองรับ OTG / เสียบหูฟัง Type-C ได้
- ความสะดวก: มี G-sensor หมุนจออัตโนมัติ, ปุ่มเปลี่ยนหน้า

ถ้าคุณเป็นคนที่อ่านหนังสือทุกวันและอยากได้ e-reader ที่บาง เบา แต่ไม่จำกัดคุณแค่แอปเดียว BOOX Go 6 คือรุ่นเล็กที่มีอิสระเกินขนาด
ด้วยหน้าจอ E Ink Carta 1300 ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 300 PPI ให้การแสดงผลที่คมและถนอมสายตา มาพร้อมไฟหน้าปรับอุณหภูมิสีได้ (Warm/Cold) อ่านกลางคืนได้สบายตาเหมือนใช้โคมไฟ
และยังใช้ Android 11 ที่เปิดให้คุณโหลดแอปจาก Google Play Store ได้เต็มที่ ทั้ง Meb, ReadAWrite, Kindle หรือแม้แต่ OneNote, Google Docs และ Pocket เหมาะกับคนที่อ่านเยอะ อยากพกง่าย และชอบควบคุม content เอง ไม่ถูกล็อกเหมือน e-reader ปิดระบบทั่วไป
BOOX Go 6 ขับเคลื่อนด้วยซีพียู Octa-core 2.0GHz, RAM 2GB, ความจุ 32GB และรองรับ microSD card เพิ่มได้ เหมาะกับนักอ่านที่ต้องการโหลดหลายเล่มพร้อมกันหรือเก็บไฟล์ PDF/EPUB แบบออฟไลน์
พอร์ต USB-C รองรับ OTG หรือเสียบหูฟังแบบ Type-C ก็ได้ พร้อมไมโครโฟนในตัว รองรับทั้ง MP3 และ WAV ฟัง audiobook ได้ง่าย คนที่ “อิน” กับรุ่นนี้มักจะเป็นนักเรียนนักศึกษา คนที่อ่านหนังสือระหว่างเดินทาง หรือผู้ใช้ที่ต้องการความเบาสบายแบบที่ถือได้ด้วยมือเดียว น้ำหนักเพียง 146 กรัม เทียบเท่าสมาร์ทโฟนทั่วไป
ข้อที่ควรรู้คือแบตเตอรี่ 1,500 mAh อาจไม่อยู่ได้เป็นสัปดาห์เหมือน Kindle แต่ก็เพียงพอสำหรับการอ่านหลายชั่วโมงต่อวัน และสามารถชาร์จเร็วผ่าน USB-C ได้
สเปคเด่นของ BOOX Go 6 (ตัดสินใจง่ายใน 1 นาที)
- หน้าจอขนาด 6 นิ้ว E Ink Carta 1300 ความละเอียด 300 PPI ปรับอุณหภูมิไฟได้ทั้งแบบ Warm และ Cold
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันได้เต็มรูปแบบ
- หน่วยความจำ RAM 2GB / ROM 32GB และรองรับ microSD card
- รองรับไฟล์ PDF, EPUB, MOBI, DOCX, PPTX, CBR, CBZ และอื่น ๆ
- ฟังไฟล์ MP3/WAV ได้ผ่านพอร์ต USB-C พร้อมไมโครโฟนในตัว
- พอร์ต USB-C รองรับ OTG และสามารถเสียบหูฟัง Type-C ได้
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 4/5GHz และ Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ 1,500 mAh ใช้งานอ่านได้นานหลายชั่วโมงต่อวัน
- น้ำหนัก 146 กรัม ความหนา 6.8 มิลลิเมตร พกพาสะดวก

ถ้าคุณอยากได้เครื่องอ่าน eBook ที่หน้าตาเหมือนมือถือ แต่ทำอะไรได้เยอะกว่าการอ่านหนังสือ BOOX Palma2 คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้
มาพร้อมจอ E-Ink Carta 1200 ขนาด 6.13 นิ้ว ความละเอียด 300 PPI อ่านได้ชัดเจนแม้แดดจ้า แต่ยังสบายตาเหมือนกระดาษจริง
และสิ่งที่ทำให้รุ่นนี้แตกต่างคือการรวมเอาสเปกระดับสมาร์ทโฟนมาไว้ในเครื่องอ่านหนังสือ เช่น RAM 6GB, ROM 128GB, กล้องหลัง 16MP พร้อมไฟแฟลช, ระบบ Android 13 ที่โหลดแอปได้ทุกตัวผ่าน Google Play ไม่ว่าจะเป็น Meb, ReadAWrite, Kindle, Google Docs หรือแอป Podcast ก็ใช้งานได้หมด แถมยังมีเซนเซอร์วัดแสงและ G-sensor หมุนหน้าจออัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกในทุกสถานการณ์
คนที่อินกับ BOOX Palma2 มักเป็นคนที่อ่านเยอะแต่ไม่อยากพกเครื่องใหญ่ เช่น นักเรียน นักข่าว นักอ่านสายเดินทาง หรือคนทำงานที่ต้องสลับไปมาระหว่างการอ่าน สแกนเอกสาร ถ่ายรูป และจดโน้ต
ตัวเครื่องมีปุ่มกดจริงทั้งเปิด/ล็อก, เพิ่มเสียง, พลิกหน้า, และ Smart Button ที่ตั้งค่าฟังก์ชันได้เอง แบตเตอรี่ 3,950 mAh ใช้งานได้หลายวัน และยังรองรับ USB-C แบบ OTG หรือเสียบหูฟังได้โดยไม่ต้องใช้ดองเกิล
จุดที่ผู้ใช้มักถามคือ “ใช้จดโน้ตด้วยปากกาได้ไหม?” รุ่นนี้ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับ stylus โดยตรง แต่เน้นความคล่องตัวและความครบครันของฟีเจอร์ในรูปแบบมือถือมากกว่า
จุดเด่น BOOX Palma2 (จบครบ):
- หน้าจอ: 6.13" E Ink Carta 1200, 300 PPI พร้อมเซนเซอร์วัดแสง
- ไฟส่องสว่าง: Warm/Cold Front Light ปรับอุณหภูมิได้
- ระบบ: Android 13 รองรับ Google Play เต็มระบบ
- ความจุ: RAM 6GB / ROM 128GB พร้อมช่อง microSD card
- กล้อง: กล้องหลัง 16MP พร้อมไฟแฟลช
- เสียง: ลำโพงในตัว, รองรับ MP3 และ WAV, ไมโครโฟนคู่
- ปุ่ม & เซนเซอร์: สแกนนิ้ว, ปุ่มลัด, G-sensor, Smart Button
- พอร์ต: USB-C รองรับ OTG และใช้งานเป็น audio jack ได้
- น้ำหนัก: 170 กรัม (เบากว่ามือถือส่วนใหญ่)

หากคุณเบื่อกับการซูมเข้าออกเวลาอ่าน PDF หรืออยากจดไอเดียระหว่างประชุมโดยไม่ต้องใช้แท็บเล็ตจอแสบตา BOOX Go 10.3 คือตัวเลือกที่สร้างมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ
ด้วยหน้าจอ E Ink Carta 1200 ขนาด 10.3 นิ้ว คมชัดระดับ 300 PPI บนจอแบบ glass screen ที่ตอบสนองทั้งนิ้วและปากกา (4096 ระดับแรงกด) ได้อย่างลื่นไหล
มาพร้อม Android 12 ที่รองรับแอปทุกตัวจาก Google Play ไม่ว่าจะเป็น GoodNotes, OneNote, Meb, ReadAWrite หรือแม้แต่ Microsoft Word
รุ่นนี้เน้นประสบการณ์ “อ่าน-เขียน-ฟัง” ครบในเครื่องเดียว เหมาะกับนักเรียน นักวิจัย ครู และมืออาชีพที่ต้องอ่านเอกสารเยอะ จดเยอะ และต้องการพื้นที่มากกว่าจอ 6-7 นิ้วทั่วไป
จุดแข็งคือขนาดจอที่ใหญ่แต่ยังบางเพียง 4.6 มม. หนักแค่ 375 กรัม (เบากว่า iPad หลายรุ่น) แถมมาพร้อมลำโพงคู่ เสียงดังชัด มีไมค์ในตัว ฟัง audiobook หรือบันทึกเสียงการประชุมได้ทันที โดยไม่ต้องต่ออุปกรณ์เสริม
มีพอร์ต USB-C ที่รองรับ OTG และยังใช้เสียบหูฟังได้ จุดที่ควรรู้คือ BOOX Go 10.3 ไม่มีไฟหน้าจอในตัว ดังนั้นจะใช้งานได้ดีที่สุดในที่มีแสงเพียงพอ หากคุณอ่านก่อนนอนหรือในห้องมืด อาจต้องใช้ไฟเสริม
ส่วนคนที่ถามว่า “จดด้วยปากกาได้ลื่นไหม?” ตอบเลยว่าลื่นและแม่นยำ และตัวเครื่องแถม BOOX Pen Plus มาให้ในกล่องเลย ไม่ต้องซื้อแยก
จุดเด่น BOOX Go 10.3 (สรุปเข้าใจง่าย):
- หน้าจอ: 3 นิ้ว E Ink Carta 1200 ความละเอียด 300 PPI รองรับการใช้งานกับปากกา stylus
- การจดโน้ต: มาพร้อมปากกา BOOX Pen Plus รองรับแรงกด 4096 ระดับ
- ความจุ: RAM 4GB / ROM 64GB ติดตั้งแอปจาก Google Play ได้
- เสียง: ลำโพงคู่และไมโครโฟนในตัว รองรับไฟล์เสียง MP3, WAV
- พอร์ต: USB-C รองรับ OTG และหูฟัง Type-C
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 2.4GHz/5GHz และ Bluetooth 5.0
- ฟังก์ชันอื่น: G-sensor หมุนหน้าจออัตโนมัติ ไม่มีไฟหน้าจอ (front light)
- แบตเตอรี่: 3,700 mAh ใช้งานได้นานหลายวัน
- ขนาด/น้ำหนัก: 235×183×4.6 มม. น้ำหนัก 375 กรัม (บางและเบา)

หากคุณอยากได้แท็บเล็ตอ่าน-เขียนที่แสดงผล “สี” ได้เหมือนจริงแต่ไม่ทำร้ายสายตาเหมือนจอ LCD BOOX Note Air4 C คือคำตอบในโลกของ ePaper ยุคใหม่
มาพร้อมหน้าจอ Kaleido 3 ขนาด 10.3 นิ้ว ความละเอียด 300 PPI สำหรับขาวดำ และ 150 PPI สำหรับสี รองรับปากกา BOOX Pen Plus แรงกด 4,096 ระดับ ใช้จดโน้ต วาด Mindmap หรือไฮไลต์เอกสารได้ลื่นไหลเหมือนเขียนบนกระดาษจริง
จอสีนี้เหมาะกับคนที่อ่านหนังสือภาพ นิตยสาร มังงะ หรือ PDF ที่มีสีประกอบบ่อย ๆ และยังมีไฟหน้าจอแบบ Warm/Cold ปรับอุณหภูมิแสงได้ ช่วยลดแสงฟ้าในเวลากลางคืนโดยไม่เสียความสว่าง
Note Air4 C ขับเคลื่อนด้วย Android 13 และชิป Octa-core + BSR ให้โหลดแอปจาก Google Play ได้ทุกตัว เช่น Meb, ReadAWrite, Kindle, OneNote หรือ Google Docs พร้อม RAM 6GB / ROM 64GB + microSD รองรับผู้ใช้จริงที่ต้องการทั้งความจุและความเร็ว มาพร้อมลำโพงคู่ ไมค์คู่ พอร์ต USB-C รองรับ OTG และเสียบหูฟังได้โดยไม่ต้องใช้ตัวแปลง
ตัวเครื่องยังมีเซนเซอร์หมุนจออัตโนมัติ และปุ่มสแกนนิ้วเพื่อปลดล็อกอย่างปลอดภัย เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องทำงานกับเอกสารจริง จดโน้ตบ่อย และต้องการจอที่ "มองได้นาน" โดยไม่เมื่อยตา
ข้อที่ควรรู้คือ สีของหน้าจอ Kaleido 3 อาจไม่สดเท่าจอ OLED แต่แลกมากับความนุ่มตาและการใช้งานต่อเนื่องได้นานแบบไม่มีแสงกระพริบ
จุดเด่น BOOX Note Air4 C (อ่านง่าย ใช้ตัดสินใจเร็ว ๆ):
- หน้าจอ: 10.3” Kaleido 3 (สี 4,096 เฉด), Carta 1200, 300 / 150 PPI
- แสดงผลสี: ขาวดำ 300 PPI / สี 150 PPI (เหมาะกับ PDF, มังงะ, เอกสารกราฟิก)
- ปากกา: รองรับ BOOX Pen Plus แรงกด 4,096 ระดับ (แถมในกล่อง)
- ระบบ: Android 13, รองรับแอป 3rd party เต็มระบบ
- ความจุ: RAM 6GB / ROM 64GB + ช่อง microSD card
- เสียง: ลำโพงคู่ + ไมค์คู่ / รองรับ MP3, WAV
- พอร์ต: USB-C รองรับ OTG + เสียบหูฟังได้โดยตรง
- ความปลอดภัย: ปุ่มเปิด/ปิดแบบสแกนนิ้ว
- ไฟส่องจอ: ปรับได้ทั้งโทนอุ่น-เย็น (Warm/Cold)
- ขนาด/น้ำหนัก: 226×193×5.8 มม. / 420 กรัม (จอใหญ่แต่ยังบาง)

ถ้าคุณอยากได้ e-reader จอสีที่ไม่ทำร้ายสายตา แสดงภาพสวย แถมยังกันน้ำได้แบบใช้ริมสระได้สบาย Kobo Libra Colour คือรุ่นที่ตอบโจทย์สายอ่านแบบยืดหยุ่นที่สุดในขนาด 7 นิ้ว
มาพร้อมจอ E Ink Kaleido 3 ที่ให้ความละเอียด 300 PPI สำหรับขาวดำ และ 150 PPI สำหรับคอนเทนต์สี เหมาะกับการอ่านทั้ง ePub, PDF, มังงะ และนิตยสาร
มี ComfortLight PRO ที่ปรับความสว่างและอุณหภูมิแสงได้อัตโนมัติ ลดแสงสีฟ้าในช่วงค่ำโดยไม่ทำให้จอซีด เหมาะกับผู้อ่านที่ใช้เวลากับหนังสือวันละหลายชั่วโมง ใช้งานผ่านระบบปิดของ Kobo ที่เน้นความเสถียรและประสบการณ์อ่านที่เรียบง่ายโดยไม่ถูกรบกวน
Libra Colour มาพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 32GB และแบตเตอรี่ 2,050 mAh ที่ใช้งานได้นานถึง 40 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ในเงื่อนไขเปิดไฟ 30% และปิด Wi-Fi/Bluetooth) เหมาะกับนักอ่านสายเดินทาง หรือคนที่ไม่อยากชาร์จบ่อย
รุ่นนี้ยังรองรับการฟัง Kobo Audiobooks ผ่าน Bluetooth (เฉพาะในบางประเทศ) ทำให้ฟังหนังสือเสียงได้ระหว่างเดินทาง ตัวเครื่องน้ำหนักเบาเพียง 199.5 กรัม กันน้ำระดับ IPX8 ใช้งานในห้องน้ำหรือริมสระว่ายน้ำได้สบาย
ส่วนคนที่ถามว่า “โหลดแอปนอกได้ไหม?” รุ่นนี้ไม่รองรับ Google Play เพราะเป็นระบบปิดเหมือน Kindle แต่สามารถอ่านไฟล์หลากหลายประเภทได้ครอบคลุมมากกว่า เช่น CBR, CBZ สำหรับคอมิกส์ รวมถึง ePub, PDF และภาพนิ่ง
จุดเด่น Kobo Libra Colour (ครบ จบ):
- หน้าจอ 7" E Ink Kaleido 3: ขาวดำ 300 PPI / สี 150 PPI
- แสดงสีได้ 4,096 เฉด อ่านภาพประกอบและคอมิกส์ได้ชัดเจน
- ไฟส่องจอ ComfortLight PRO ปรับแสงอัตโนมัติ ลดแสงฟ้า
- แบตเตอรี่ 2,050 mAh ใช้งานได้สูงสุด 40 วัน (ตามเงื่อนไข)
- ความจุ 32GB (เพียงพอสำหรับทั้งหนังสือและ audiobook)
- รองรับการฟัง Kobo Audiobooks ผ่าน Bluetooth (เฉพาะบางประเทศ)
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 2.4/5GHz + Bluetooth / USB-C
- กันน้ำระดับ IPX8 ทนน้ำลึก 2 เมตร นาน 60 นาที
- รองรับไฟล์หลากหลาย ePub, PDF, CBR, CBZ, MOBI, TXT, HTML ฯลฯ
- ขนาด / น้ำหนัก: 6 x 161 x 8.3 มม. / 199.5 กรัม

ถ้าคุณอยากได้เครื่องอ่าน eBook ที่อ่านนิยายก็ได้ จดงานก็ลื่น ดูไฟล์สีหรือทำงานกับ PDF ก็ไม่ต้องซูมให้เวียนหัว Meebook M8C คือคำตอบที่รวม “เครื่องอ่าน + สมุดจด + แท็บเล็ตถนอมสายตา” เอาไว้ในเครื่องเดียว
มาพร้อมจอ E Ink Kaleido 3 ขนาด 7.8 นิ้ว ความละเอียดขาวดำ 300 PPI และสี 150 PPI แสดงภาพได้สวยนุ่มตา รองรับทั้งการอ่านนิยาย มังงะ ไปจนถึงสรุปเนื้อหาเรียนหรือบันทึกงานประชุม
พร้อมแถมปากกา EMR มาให้ในกล่อง ใช้งานร่วมกับแอปจดโน้ต Android ได้ทันที ไม่ต้องซื้อแยก เพิ่มความคล่องตัวให้ผู้ใช้ที่ต้องการจดและอ่านควบคู่ในทุกวัน
M8C ใช้ระบบ Android 14 ตัวใหม่ รองรับ Google Play เต็มระบบ โหลดแอปได้ครบทั้ง Meb, ReadAWrite, OneNote หรือ GoodNotes (เวอร์ชัน Android) พลังจากชิป Octa-core, RAM 4GB และความจุ 64GB รองรับ microSD card ได้ถึง 1TB ให้คุณพกห้องสมุดและบันทึกงานได้ครบในมือเดียว
รุ่นนี้มีไฟหน้าจอปรับได้ 24 ระดับ ทั้งโทนอุ่นและเย็น เหมาะกับการอ่านกลางวันและก่อนนอน แบตเตอรี่ 3,200 mAh ใช้งานได้ประมาณ 5 สัปดาห์ (ขึ้นกับแอปและพฤติกรรมใช้งานจริง)
จุดที่หลายคนถามคือ “ใช้วาดภาพหรือจดเรียนได้ไหม?” ตอบเลยว่าทำได้ เพราะรองรับแรงกดจากปากกา EMR และจอขนาด 7.8 นิ้วก็พอดีมือ จดได้จริงโดยไม่อึดอัด
จุดเด่น Meebook M8C:
- หน้าจอ: 7.8” E Ink Kaleido 3 / ขาวดำ 300 PPI / สี 150 PPI
- ปากกา: รองรับ EMR (แถมในกล่อง) จดได้แม่น วาดได้ลื่น
- ระบบ: Android 14 / โหลดแอปจาก Google Play ได้เต็มรูปแบบ
- ความจุ: RAM 4GB / ROM 64GB + รองรับ TF card สูงสุด 1TB
- ไฟจอ: ปรับแสง 24 ระดับ (โทนอุ่น + โทนเย็น)
- แบตเตอรี่: 3,200 mAh ใช้งานได้นานถึง 5 สัปดาห์ (ตามการใช้งาน)
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6 / Bluetooth 5.2 / USB-C รองรับ OTG
- ขนาด: 22 × 16 × 3.5 ซม. / น้ำหนัก 550 กรัม
สรุปจุดเด่น e-Reader ปี 2025
- Amazon Kindle Paperwhite 6 (12th Gen): จอคมชัด 300 PPI พร้อมกันน้ำ IPX8 ในราคาคุ้มสุดของ Kindle
- Amazon Kindle Colorsoft Signature Edition: Kindle จอสีรุ่นแรกจาก Amazon ที่รองรับ audiobooks และความจุสูง
- Bigme Hibreak Pro: E-note จอสีขนาดใหญ่ที่รองรับกล้อง, ปากกา, และฟีเจอร์ AI แปลภาษาในตัว
- BOOX GO7: น้ำหนักเบา พกง่าย พร้อม Android ในบอดี้บางเฉียบ 6.4 มม.
- BOOX GO6: ขนาดกะทัดรัด ราคาประหยัด พร้อมจอ Carta 1300 ชัดจัดเต็ม
- BOOX Palma2: e-reader ทรงมือถือที่แรงระดับเรือธง พร้อมกล้องหลังและ Android 13
- BOOX GO 10.3: จอใหญ่ เขียนลื่น ด้วย stylus 4096 ระดับ เหมาะกับงานจดและ PDF หนัก
- BOOX Note Air4 C: จอสี Kaleido 3 ขนาด 10.3" สำหรับสายอ่าน + วาดแบบมืออาชีพ
- Kobo Libra Colour: จอสี 7" พร้อมกันน้ำ อ่านลื่นกับคลังหนังสือ Kobo และระบบจัดไฟล์ที่ดีเยี่ยม
- Meebook M8C: e-note สี 7.8” รัน Android 14 แบตอึด พร้อม EMR pen ใช้งานจดจริงจัง
e-Reader คืออะไร? เหมาะกับใครในปี 2025
e-reader (เครื่องอ่านอีบุ๊ก) คืออุปกรณ์พกพาที่ออกแบบมาเพื่อ “อ่านหนังสือดิจิทัล” โดยเฉพาะ ต่างจากแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนตรงที่ใช้หน้าจอแบบ E Ink ซึ่งมีความใกล้เคียงกระดาษจริง ช่วยถนอมสายตาและใช้พลังงานต่ำมาก
e-Reader: เกิดมาเพื่อ "อ่าน"
e-reader ถูกออกแบบมา เพื่อให้คุณอ่านได้นานโดยไม่ปวดตา
แทนที่จะใช้จอ LCD ที่สว่างและล้าสายตาเมื่อจ้องนาน ๆ e-reader ใช้หน้าจอ E Ink ซึ่งไม่มีแสงจ้าและไม่สะท้อนแสงแดด เหมาะกับการอ่านในที่แจ้ง เช่น ในสวน คาเฟ่ หรือริมทะเล ข้อดีอีกอย่างคือแบตเตอรี่อึดมาก! บางรุ่นใช้งานได้เป็น “สัปดาห์” ต่อการชาร์จครั้งเดียว
จอ E Ink ถนอมสายตา โดยไม่ต้องลดความสว่างจอเหมือนแท็บเล็ต
อ่านเพิ่มเติม: จอมือถือมีกี่แบบ
e-Reader เหมาะกับใคร?
เหมาะกับ:
- คนที่อ่านหนังสือบ่อย (นิยาย, หนังสือพัฒนาตนเอง, มังงะ, PDF วิชาการ)
- คนที่อยากลดเวลาอยู่หน้าจอมือถือ/แท็บเล็ต
- นักเรียน/นักศึกษา/นักวิจัย ที่ต้องอ่านเอกสารจำนวนมาก
- คนรักสุขภาพตา หรือคนที่อ่านก่อนนอนแต่ไม่อยากโดนแสงฟ้า (blue light)
- นักเดินทาง ที่ต้องการพกหนังสือหลายเล่มแต่ไม่อยากแบกหนัก
อาจไม่เหมาะกับ:
- คนที่เน้นใช้อุปกรณ์เล่นวิดีโอ/ดูหนัง/เล่นเกม
- คนที่ต้องการจอแสดงผลสีสด คมชัดแบบแท็บเล็ต
คำถามที่คนมักสงสัยเกี่ยวกับ e-Reader
"ใช้แท็บเล็ตอ่านไม่ดีกว่าหรอ?"
ถ้าเน้นอ่านนาน ๆ เป็นชั่วโมงทุกวัน e-reader เหมาะกว่า เพราะจอไม่ล้าและประหยัดแบต
"โหลดแอปได้ไหม?"
รุ่นที่ใช้ Android เช่น BOOX, Meebook โหลดแอปอ่าน eBook ได้ครบ เหมือนแท็บเล็ต
"อ่าน PDF ได้ไหม?"
ได้แน่นอน แต่ขนาดหน้าจอมีผล หากต้องอ่านไฟล์ PDF ขนาด A4 แนะนำหน้าจอ 10 นิ้วขึ้นไป
"จอสีจำเป็นไหม?"
ถ้าอ่านแค่นิยายหรือหนังสือขาวดำทั่วไป รุ่นจอขาวดำก็เพียงพอ แต่ถ้าอ่านมังงะ, นิตยสาร, การ์ตูน รุ่นจอสี (Kaleido 3) จะช่วยให้ประสบการณ์ดีขึ้น
ถ้าคุณคือคนที่รักการอ่านแบบจริงจัง อยากดูแลสายตา และเบื่อจอ LCD e-reader คือเพื่อนคู่ใจที่อ่านได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่แสบตา ไม่เปลืองแบต
เลือก e-Reader ยังไงให้ตรงใจ
ไม่ใช่ทุกเครื่องอ่าน e-book จะตอบโจทย์คุณเหมือนกัน เพราะแต่ละรุ่นเน้น “คนละแบบ” บางรุ่นเน้นจอใหญ่, บางรุ่นพกง่าย, บางรุ่นโหลดแอปได้ แต่บางรุ่นทำไม่ได้เลย
ดังนั้นการเลือก e-reader ต้อง “ย้อนกลับมาดูตัวเองก่อน” ว่า เราใช้อ่านอะไร? อ่านที่ไหน? อ่านบ่อยแค่ไหน?
- ผู้ใช้ต้องประเมินลักษณะการอ่านของตัวเองก่อนเลือก e-reader
- อ่านนิยาย/หนังสือทั่วไป | จอขนาด 6"–7" พกง่าย จอขาวดำเพียงพอ
- อ่าน PDF / สรุปเรียน | จอ 10" ขึ้นไป, รองรับ stylus ได้ยิ่งดี
- อ่านมังงะ / นิยายภาพ | จอสี (Kaleido 3), ขนาด 8" ขึ้นไป
- อ่านก่อนนอน | ต้องมี front light และโหมด warm light
- ใช้งานหนักต่อเนื่อง | แบตต้องอึด, จอถนอมตา, รองรับฟอร์แมตเยอะ
- อยากจด / ไฮไลต์ | ต้องมี stylus รองรับแรงกด พร้อมแอปจด
- สเปค e-reader มีผลต่อประสบการณ์การอ่าน, การตอบสนอง, และอิสระในการใช้แอป ฟีเจอร์ที่ควรเช็คก่อนซื้อมีดังต่อไปนี้
- หน้าจอ E Ink รุ่นใหม่ (Carta 1200 / Kaleido 3) – ถนอมตากว่าเดิม
- ขนาดจอ – 6" พกง่าย / 3" เหมาะกับ PDF
- RAM/ROM – ถ้าโหลดแอปหรือไฟล์เยอะ เลือก 4–6GB RAM, 64–128GB ROM
- ระบบปฏิบัติการ – ถ้าอยากโหลดแอป (เช่น Kindle, Readmoo, Libby) ต้องใช้ Android-based
- มีปากกา EMR – สำคัญถ้าคุณอยากจด, ขีด, เขียน
- ไฟหน้าจอ – รุ่นกลางคืนต้องมี front light และปรับ warm/cool ได้
- กันน้ำ – ถ้าอ่านในอ่างอาบน้ำ, สระ, ทะเล IPX8 คือ must-have
- แบต – ถ้าชาร์จไม่บ่อย ดูรุ่นที่ใช้งานได้ “หลายสัปดาห์”
- คนอ่านอินกับฟีเจอร์อะไรบ้าง
- นักเรียนสายจด ชอบรุ่นจอใหญ่ + ปากกา + Android + split-screen
- คนรักนิยาย ชอบรุ่นเบา จอขาวดำธรรมดา อ่านได้นาน ไม่ปวดตา
- นักเดินทาง ต้องการเครื่องกันน้ำ จอเล็ก พกง่าย น้ำหนักเบา
- คนชอบฟีเจอร์เยอะ ต้องการ Android 13+ ลงแอปได้ จับ stylus ได้ มีลำโพง Bluetooth ได้ครบ
- สายเก็บหนังสือเยอะ เลือกรุ่นที่ใส่ microSD เพิ่มได้ หรือมี 64–128GB ขึ้นไป
FAQs สำหรับ e-reader
e-Reader ต่างจาก iPad ยังไง?
e-reader ใช้หน้าจอ E Ink ถนอมตา เหมือนอ่านกระดาษจริง ไม่มีแสงสะท้อน ใช้แบตน้อย
iPad คือแท็บเล็ต ใช้จอ LCD/LED เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย แต่จ้าและล้าตามากกว่าเวลานั่งอ่านนาน ๆ
อ่านเพิ่มเติม: เลือกอะไรดีระหว่าง E-reader vs Tablet
e-Reader รุ่นไหนเหมาะกับอ่าน Meb / ReadAWrite?
ควรเลือก e-reader ที่ใช้ Android OS (เช่น BOOX, Meebook, Bigme)
เพราะสามารถติดตั้งแอป Meb / ReadAWrite / Naiin / Ookbee ได้จาก Play Store โดยตรง
รุ่นแนะนำ: BOOX Page, Meebook M7 / M8C, Bigme S6 / HiBreak Pro
e-Reader ขายที่ไหน?
ซื้อได้จาก ร้านออนไลน์ในไทย เช่น Lazada, Shopee, Mercular, JIB, B2S (บางรุ่น), หรือเว็บแบรนด์โดยตรง เช่น BOOX Thailand
Kindle ต้องสั่งผ่าน Amazon หรือร้านพรีออเดอร์ในไทย
e-Reader มือสองคุ้มไหม?
คุ้มถ้าได้เครื่องสภาพดี แบตยังอึด หน้าจอไม่มี ghost หรือ burn
ตรวจสอบ รุ่น / ปีผลิต / ประกัน / dead pixel / ปากกาอยู่ครบไหม ก่อนซื้อ
แนะนำแบรนด์ที่ทน: BOOX / Kobo / Kindle
e-Reader ราคาไม่เกิน 5,000 / 10,000 / 20,000 บาท มีอะไรบ้าง?
ไม่เกิน 5,000: Kindle Basic (มือสอง), Meebook M6 (บางช่วงลดราคา)
ไม่เกิน 10,000: Kindle Paperwhite / BOOX Leaf 2 / Kobo Clara 2E / Meebook M7
ไม่เกิน 20,000: BOOX Page / Kobo Libra Colour / Meebook M8C / Kindle Oasis
e-Reader แนะนำสำหรับนักเรียน / นักอ่านมืออาชีพ?
นักเรียน BOOX Note Air4, Meebook M8C (จอใหญ่ + มีปากกา + จดได้)
นักอ่าน Kindle Paperwhite / Kobo Clara 2E / BOOX Page (จอคม อ่านนิยายลื่น แบตอึด)
Kindle vs BOOX vs Kobo ต่างกันยังไง?
Kindle จอสวย คม คลังหนังสือ Amazon ใช้แอปไทยไม่ได้ / ไม่รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ
BOOX Android OS ลงแอปได้ทุกอย่าง / มีรุ่น stylus ราคาแรงกว่า / ใช้พลังงานเยอะกว่าบางแบรนด์
Kobo อ่านไฟล์ EPUB ได้ดี ถนอมตา / รองรับ Meb แบบ sideload ลงแอปเพิ่มไม่ได้ / ไม่ใช่ Android
อ่านเพิ่มเติม: Kindle vs Kobo | Kindle vs BOOX
e-Reader แบรนด์ไหนดี สำหรับคนไทย?
BOOX ครบสุด ลงแอปไทยได้
Meebook ราคาดี + Android + ปากกา
Kobo อ่าน ePub ได้ดี / มีโหมดภาษาไทย / เครื่องเบา
Kindle ถ้ารับได้ว่าไม่มีแอปไทย ก็จบในตัว
e-Reader อ่านภาษาไทยได้หรือไม่?
Kindle → อ่านไฟล์ภาษาไทยได้ ถ้าฟอนต์ฝังมาเอง
BOOX / Meebook / Bigme / Kobo → รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ (อ่าน + เขียนได้ด้วย)
e-Reader ถนอมสายตาไหม?
ใช่ จอ E Ink ไม่มีแสงจ้าจากจอ LED ไม่มีแสงสีฟ้าโดยตรง
รุ่นที่มี ComfortLight PRO / Warm light จะช่วยลด blue light เพิ่มอีก
e-Reader มีปากกาไหม?
มี ในหลายรุ่น เช่น BOOX Note Air, Meebook M8C, Bigme HiBreak
เหมาะกับคนที่ต้องการจด / วาด / เขียนโน้ตลงไฟล์ PDF
อ่านเพิ่มเติม: แท็บเล็ตมีปากกา รุ่นไหนดี
e-Reader รองรับซิมหรือไม่?
ส่วนใหญ่ ไม่รองรับซิม
มีบางรุ่นที่รองรับ เช่น Bigme HiBreak Pro / BOOX Tab Ultra C Pro (สำหรับคนที่ต้องการออนไลน์ตลอดเวลา)
e-Reader คุ้มไหมสำหรับคนไม่อ่านหนังสือเยอะ?
ถ้าอ่านปีละไม่กี่เล่ม ไม่แนะนำ ให้ลงทุนแพง
แต่ถ้าอยากฝึกนิสัยการอ่านหรืออ่านนาน ๆ คุ้มมาก เพราะถนอมตา ลด distraction
ซื้อ Kindle แล้วโหลด Meb ได้ไหม?
ไม่ได้โดยตรง เพราะ Kindle ไม่ใช่ Android
ถ้าอยากอ่าน Meb ต้องแปลงไฟล์ก่อนหรือใช้ e-reader Android แทน เช่น BOOX, Meebook
รุ่นไหนใช้ Play Store ได้?
เฉพาะรุ่นที่ใช้ Android OS เช่น: BOOX Leaf 2, Page, Note Air4 | Meebook M7 / M8C | Bigme S6 / HiBreak
ต้องเปิดโหมด “Play Store” เองใน Setting ด้วย
อ่านเพิ่มเติม: แท็บเล็ต Samsung รุ่นไหนดี
รุ่นไหนเหมาะกับ “นิยายมีภาพ” หรือ “PDF หนัก ๆ”?
ต้องใช้จอใหญ่ (8" ขึ้นไป) + จอสีถ้าเนื้อหามีภาพประกอบ
รุ่นแนะนำ:
BOOX Tab Ultra C / Note Air4 C | PDF ลื่น สีสวย มี stylus
Bigme HiBreak Pro / BOOX Go 10.3 | รองรับ PDF ได้ดี อ่านนิยายมีภาพไม่แตก
Kobo Libra Colour | ถ้าเน้นนิยายภาพจอสี ขนาดกำลังดี
อ่านเพิ่มเติม: วิธีนำไฟล์หนังสือเข้า Kindle
บทส่งท้าย
สุดท้ายแล้ว e-reader ไม่ใช่แค่ของเล่นใหม่สำหรับนักอ่านเท่านั้น แต่คืออุปกรณ์ที่ช่วยให้เราอ่านหนังสือได้ “สม่ำเสมอขึ้น” โดยไม่ปวดตา ไม่ถูกรบกวนจากโซเชียล และยังพกพาง่ายสุด ๆ เหมาะทั้งสำหรับนักเรียน นักเขียน นักแปล หรือใครก็ตามที่อยากเปลี่ยนเวลาว่างให้มีความหมาย
เลือกให้ตรงกับ สไตล์การอ่าน + งบประมาณ + ไฟล์ที่ใช้บ่อย แล้วคุณจะพบว่า e-reader คือเพื่อนคู่คิดของชีวิตสายอ่าน ที่ใช้แล้ว “วางไม่ลง”