เอ๊ะ ๆ เคยไหมเวลาเห็นอะไรสวย ๆ หรือไปสังสรรค์แล้วอยากจะเก็บภาพความทรงจำไว้ แต่กล้องโทรศัพท์ความคมชัดไม่พอ แล้วจจะมีเครื่องมืออะไรล่ะที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ตรงหน้าเก็บไว้ในอย่างคมชัด ชัดเจน ภาพสวยงามอย่างที่ตาเราเห็น ซึ่งอุปกรณ์ หรือนวัตกรรมที่มนุษย์ผลิตขึ้นมาเพื่อจับภาพความทรงจำของเรานั่นก็คือ กล้องถ่ายรูป นั่นเอง
ซึ่งในปัจจุบัน กล้องถ่ายรูป ก็มีวิวัฒนการและฟังก์ชันที่เติบโตตามยุคสมัยจนสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวหรือที่เราเรียกว่า วิดีโอได้แล้ว และน้ำหนักก็เอากว่ากล้องสมัยก่อนเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น กล้อง mirrorless กล้อง DSLR กล้องโพลารอยด์บางรุ่น
วันนี้เราเลยอยากพาทุกคนมาสำรวจ และเลือกซื้อ กล้องถ่ายรูป หลากหลายประเภท จะมียี่ห้อไหนดี บ้าง อย่ารอช้า เลื่อนอ่านกันโลด
หมายเหตุ: สินค้าที่ปรากฎในบทความนี้เป็นการเลือกโดยอิสระจากทีมงาน ผู้เชี่ยวชาญได้ให้สัมภาษณ์เฉพาะส่วนของ "มุมมองผู้เชี่ยวชาญ" เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกสินค้าในบทความนี้
บรรณาธิการ
โปรไฟล์ของ Ing On chevron_right
ผู้เชี่ยวชาญ
บรรณสิริ มีศรี chevron_right
Table of Contents
10 กล้องถ่ายรูป ยี่ห้อไหนดี ภาพชัด น้ำหนักเบา ปี 2024
และท้ายที่สุด กล้อง Fujifilm รึ่นที่ไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จักอย่างแน่นอน ไปคาเฟ่ฮอปปิ้ง วันรับปริญญา หรือเทศกาลต่าง ๆ ก็คือจะเห็นคนถือกันเต็มบ้าน เต็มเมือง กับ “กล้องโพราลอยด์ Fujifilm Instax Mini 11” เป็นกล้อง Instax ยอดนิยม เพราะใช้งายที่ง่าย ถ่ายปุ๊ปเก็บปั๊บ ไม่ซับซ้อน และราคาไม่แพงมากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นทาง instax เขาผลิตมาเอาใจวัยรุ่น มีให้เลือกซื้อได้ถึง 5 สี ตั้งแต่สี White, Gray, Pink, Blue และ Purple พกพาได้ง่ายดาย เพราะรุ่นนี้มีน้ำหนักเพียงแค่ 293 กรัมเองจ้า
ฟังก์ชัน
- เลนส์ 60 มม.
- พลังงานแบตเตอรี่ AA x2
- ระยะโฟกัสใกล้สุด 0.5 เมตร และ 0.3 เมตรในโหมดเซลฟี่
- ชนิดของฟิล์ม Fujifilm Instax Mini
- น้ำหนัก 293 กรัม
รีวิวจากผู้ซื้อ : ดีงาม สีน่ารักมาก เอาไว้ถ่ายภาพความทรงจำ ทันใช้งานวันเกิดพอดีเลย
เอาใจสายชิค สายมินิมอลอย่าง ‘กล้องโพลารอยด์’ กันบ้างดีกว่า มาเริ่มประเดิมไปกับกล้องโพลารอยด์ Leica Sofort กันเลย
กล้อง Instant Camera ที่ผลิตจากแบรนด์กล้องถ่ายภาพชั้นนำระดับโลกอย่าง Leica ดังนั้นเรื่องของสเปคการถ่ายภาพ และประสิทธิภาพในการทำงานของตัวกล้อง ก็เรียกได้ว่าดีแบบ ดีที่สุด ไม่เป็นรองกล้องโพราลอยด์รุ่นอื่นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ทาง กล้อง เทพ ๆ อย่าง Leica เองเขาก็ทำสีออกมาเอาใจใครหลาย ๆ คน คือ มีสีให้เลือกซื้อได้ถึง 5 สี ทั้งสีดำ, สีขาว, สีชมพู, สีส้ม และสีมินต์ ที่มีดีไซน์สุดน่ารัก ถูกใจวัยรุ่นสุด ๆ
ฟังก์ชัน
- เลนส์ 60 mm. ค่ารูรับแสงในการถ่ายภาพอยู่ที่ f/12.7
- แบตเตอรี่ 780mAh
- โหมดการถ่ายภาพที่หลากหลาย
- ขนาดฟิล์ม 62x46mm.
รีวิวจากผู้ซื้อ : -
ป็นกล้อง เทพ ๆ อีกหนึ่งตัวของกล้อง Mirrorless อย่าง “SONY Alpha a6600” ที่สายเล่นกล้องทุกคนต้องรู้จัก หรือได้ยินผ่านหู ข้อดีและจุดเด่นของกล้อง sony รุ่นนี้คือ ที่สุดของความเร็ว สร้างภาพความละเอียดสูงสุด บรรจุฟังก์ชันและฟีเจอร์สำหรับถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ
ฟังก์ชัน
- Fast Hybrid AF ตรวจจับระยะห่างโฟกัส 399 จุด และ AF ตรวจจับคอนทราส 425 จุด
- ระบบ AF Tracking และ Real-time Eye AF ที่จะช่วยให้ติดตามวัตถุและดวงตาได้แบบเรียลไทม์โดยที่ไม่หลุดโฟกัส
- เหมาะสำหรับสาย Vlog ที่ชื่นชอบในการถ่ายเซลฟี่และวิดีโอ
- มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Exmor™ CMOS ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล งานภาพและวิดีโอนั้นคมชัดไร้ที่ติอย่างแน่นอน
- หน้าจอสัมผัสพับเซลฟี่
- ช่องเสียบไมค์, ช่องเสียบหูฟัง
- Wifi, NFC, Micro HDMI
- แบตเตอรี่รุ่น NP-FZ100
- น้ำหนัก 503 กรัม รวมแบตเตอรี่
รีวิวจากผู้ซื้อ : absolutely love the camera!
ถือว่าเป็นกล้อง Fujifilm ตัวแรกของลิสต์นี้ เพราะในรุ่นอย่าง X-S10 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่สามารถใช้งานได้อย่างง่าย ๆ ในฐานะกล้อง Mirrorless นั่นเอง โดยทางแบรนด์ได้มีการออกแบบให้ตัวกล้องสามารถจับใช้งานได้ง่ายขึ้น ส่วนเรื่องเลนส์พวกเขาได้ใช้ Sensor ขนาด APS-C แบบ X-Trans CMOS 4 พร้อมความละเอียด 26 megapixels ส่วนชิพประมวล X-Processor 4 ที่ทำงานได้เจ๋งไม่แพ้กัน
ฟังก์ชัน:
- เซ็นเซอร์ 26.1 ล้านพิกเซล: แบบ APS-C ภาพคมชัด สีสวย
- กันสั่น 5 แกน: ลดเบลอจากการสั่นได้ดี
- วิดีโอ 4K 30fps: ทำคอนเทนต์ลงยูทูปหรือแพลตฟอร์มอื่นได้ลื่น ๆ ชัดจัดเต็ม
- โฟกัสอัตโนมัติ 425 จุด: โฟกัสเร็ว แม่นยำ
- จอ LCD หมุนได้: ควบคุมง่าย ปรับมุมถ่ายสะดวก
- โหมด Simulation: เอฟเฟกต์สีเหมือนฟิล์ม Fujifilm
รีวิวจากผู้ซื้อ: ดีมาก
จุดเด่น กล้อง Fujifilm X-S20 ยังคงเป็นเรื่องของการพกพาเช่นเคย เพราะกล้องถ่ายรูป Mirrorless ตัวนี้มีน้ำหนักเพียง 491 กรัมเท่านั้น รวมถึงมีความละเอียดสูงสุดที่ 26 เมกะพิกเซลด้วยกัน ส่วนจุดเด่นอื่น ๆ ก็มีทั้งระบบ IBIS ป้องกันภาพสั่นไหวอัจฉริยะที่ช่วยป้องกันภาพสั่นไหวได้มากถึง 7 Stops หรือถ่ายภาพวิดีโออย่างโหมด Vlog โดยเฉพาะช่วยให้การถ่าย Vlog เป็นเรื่องง่ายควบคุมได้ด้วยปลายนิ้ว ซึ่งเข้ากับการใช้งานในปัจจุบันไม่น้อยเลย
ฟังก์ชัน:
- กล้องมีขนาดเล็กและเบา พกพาไปไหนก็สะดวก
- สามารถบันทึกวิดีโอ 6.2K open-gate ในรูปแบบ 4:2:2 10-bit
- มีระบบจดจำวัตถุและใบหน้า
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน
- หน้าจอที่สามารถปรับมุมได้
- ใช้เซ็นเซอร์ Fujifilm X-Trans IV และ Fujifilm X-Processor V
- มีระบบป้องกันการสั่น 5-axis ในตัวกล้อง กันการสั่นได้สูงสุด 7 สต็อป
- โหมด Vlog สำหรับคนที่สนใจเป็น video creator
รีวิวจากผู้ซื้อ: เยี่ยมครับ
ด้วยความที่ว่ากล้องในยุคปัจจุบันควรจะถ่ายทำวิดีโอได้ดีตามกระแส ทาง Sony ZV-E10 ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หลายคนอาจมองไว้ เพราะว่ากล้องตัวนี้สามารถเปลี่ยนเลนส์ต่างๆ ได้ดี รวมถึงใช้เซนเซอร์ Exmor™ CMOS ขนาดใหญ่ APS-C 24.2 ล้านเมกะพิกเซล ไปจนถึงมีไมโครโฟนแบบทิศทาง 3 แคปซูลพร้อมตัวตัดเสียงลม เช่นเดียวกับโหมดการตั้งค่า Product Showcase, สวิตช์โบเก้, ปุ่มภาพนิ่ง/ภาพยนตร์/S&Q จนเรียกว่าเป็นกล้องที่ใช้งานกับวิดีโอได้อย่างเป็นมืออาชีพเลยทีเดียว
ฟังก์ชัน:
- เปลี่ยนเลนส์กล้องได้ตามความต้องการ
- มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่ Exmor™ CMOS ขนาด APS-C 24.2 ล้านเมกะพิกเซล ภาพชัดสมใจ
- มีตัวตัดเสียงลม ช่วยในการบันทึกเสียงที่ชัดเจน
- กล้องมี Auto Focus เมื่อนำสิ่งของใกล้กล้อง
- ปรับความลึกของภาพได้ง่าย ด้วยสวิตช์โบเก้
- ถ่ายวิดีโอหรือถ่าย Vlog ได้อย่างมืออาชีพ
รีวิวจากผู้ซื้อ: สภาพสมบูรณ์ตรงตามที่ระบุ จัดส่งรวดเร็วมากตามกำหนด ตัวกล้องมีขนาดเล็กและเบามากๆ เหมาะสำหรับสาย Vlog โดยรวมประทับใจครับ
มาต่อกันที่กล้อง Sony A7 III ที่เป็นอีกตัวหนึ่งและมีความเจ๋งมากไปกว่าเดิมจากการที่เป็นขนาดฟูลเฟรม ซึ่งกล้องถ่ายรูปนี้จะมาพร้อมกับเซนเซอร์ CMOS รวมถึงสามารถจับภาพที่มีการตอบสนองได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย นอกจากนี้ยังใช้งานง่ายและมีความทนทานเหมาะกับการใช้งานตามที่ต่าง ๆ โดยกล้องตัวนี้ยังสามารถถ่ายวิดีโอได้ละเอียดสูงสุดถึง 4K เช่นเดียวกับไมโครโฟนในตัวที่รับเสียงได้แบบสเตอริโออีกด้วย
ฟังก์ชัน:
- กล้องมีเซนเซอร์ Full Frame 24MP BSI CMOS sensor
- โฟกัสครอบคลุมถึง 93%
- ถ่ายทำวิดีโอ 4K จากการลดขนาดจากคุณภาพ 6K
- มีกันสั่นในตัว
- ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ถึง 10 fps เช่น การถ่ายกีฬาหรือสัตว์เคลื่อนไหว
- จอแสดงผล OLED: มีความละเอียด 2.36M-dot และขยายภาพได้ 0.78x
- AF Joystick ช่วยในการควบคุมการโฟกัสได้ง่ายขึ้น
- จอเป็นแบบสัมผัส
- แบตเตอรี่ใช้ได้นาน
- ใส่ SD Card ได้
รีวิวจากผู้ซื้อ: รูปลักษณ์: ดี ประสิทธิภาพ: ดี
ใช้งานง่าย ใช้ได้นานความคุ้มค่าเหมาะสมกับราคา ถ่ายรูปออกมาสวย สมราคา ขนาดพอดีถือง่าย ถ่ายสะดวก โดยรวมชอบ
นี่คือกล้อง Olympus รุ่น PEN-F ที่กลายเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีการออกแบบได้อย่างสวยงามและยังคงใช้ Rangefinder ที่เป็นอะลูมีเนียมมาปิดด้านบนเป็นแมกนีเซียม กล้องรุ่นนี้มีการเปิดตัวครั้งแรกตอนปี ค.ศ. 1963 แต่กลับมาครั้งนี้จะเน้นไปที่ความสวยงามและเรื่องขนาดที่มีขนาดกะทัดรัด มีการคำนวณการจัดวาวางปุ่มต่างๆได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงการที่มีปุ่มปรับด้านบนง่าย ๆ ยังทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องละสายตาจากช่องมองภาพได้เลย นอกจากนี้กล้อง Olympus ของเขายังใช้ช่องมองภาพที่เป็นแบบ OLED ซึ่งง่ายต่อการจับภาพมากกว่าเดิม
ฟังก์ชัน:
- ดีไซน์สวย ทันสมัย
- เซ็นเซอร์ Live MOS
- ความละเอียด 20.3 ล้านพิกเซล
- กันสั่นในตัว 5 แกน
- มีฟังก์ชัน Monochrome และ Color Profile Control
รีวิวจากผู้ใช้ซื้อ: ได้ 5 ดาว
คนที่ชอบกล้องของ Nikon ก็สามารถหันมามองในรุ่น D7500 กันได้ เพราะว่าในรุ่นฟูลเฟรมตัวนี้มีความละเอียดที่ 20.9 เมกะพิกเซลที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องการถ่ายภาพเท่านั้น แค่ยังมีเรื่องของฟังค์ชั่นอย่างการลดฝุ่นละอองที่ติดมากับเลนส์ออกไปได้ รวมถึงการปรับแก้สายตาและการสะท้อนแสงของภาพ ส่วนจุดโฟกัสของกล้องตัวนี้ยังมีมากถึง 51 จุดให้เลือกมุมมองตามที่ต้องการได้เลยทีเดียว
ฟังก์ชัน:
- มีเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด 20.9 ล้านพิกเซล
- มีระบบประมวลผล EXPEED 5
- SnapBridge เชื่อมต่อกล้องกับสมาร์ทโฟนได้ง่าย แชร์ภาพได้ทันที
- ถ่ายวิดีโอ 4K UHD ได้
รีวิวจากผู้ซื้อ: ห่อกันกระแทกมาอย่างดีเลย เสียดายที่สายปลั๊กชาร์จแบตเป็นสามขา ตัวบอดี้สวยมาก ชอบครับ แบตไม่มีไฟต้องชาร์จก่อนทดสอบเครื่อง
มากันที่กล้องตัวสุดท้ายอย่าง Fujifilm Instax Mini Evo ที่ถือว่ามีความเป็นกล้องวินเทจอยู่มากสมกับเป็นกล้องโพลารอยด์นั่นเอง โดยในรุ่นนี้จะมีฟังก์ชันอย่างการถ่ายรูปอนาลอกตามเดิม แต่สามารถเลือกเปลี่ยนเอฟเฟกต์ได้ถึง 10 แบบและยังเปลี่ยนเอฟเฟกต์ของฟิล์มได้เหมือนกันผ่านหน้าจอแบบ LCD ของตัวกล้อง นอกจากนี้ยังควบคุมผ่านระบบได้อีกด้วยการใช้งานแอพพลิเคชั่นที่เรียกว่าสะดวกสบายกว่าเดิมไม่น้อย
ฟังก์ชัน:
- ดีไซน์สวยงามและเป็นเอกลักษณ์
- 10 รูปแบบของเลนส์และ 10 รูปแบบของฟิล์ม
- มีฟังก์ชัน Direct Print
- เชื่อมต่อกล้องกับสมาร์ทโฟนได้ง่าย
รีวิวจากผู้ซื้อ: ตามรีวิวมาค่อนข้างเยอะ เลยตัดสินใจเลือกตัวนี้มาลองใช้งานดู เพราะมันคุ่มทั้งถ่ายเองและสามารถเชื่อมกับมือถือปริ้นรูปได้ด้วย ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา
กล้องถ่ายรูป มีกี่ประเภท
กล้องถ่ายรูป จะแบ่งเป็น 4 ประเภท
- กล้อง Compact จะแบ่งย่อยเป็น 2 แบบ
- แบบแรก แบบทั่วไป กล้อง compact แบบนี้จะมีขนาดเล็ก กะทัดรัด พกพาสะดวก เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ ใช้งานง่าย ส่วนใหญ่จะมีโหมดสำเร็จรูปมาให้
- แบบสอง แบบไฮเอนด์ จะต่างกับแบบแรกตรงที่กล้องถ่ายรูปจะมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่กว่า คุณภาพของไฟล์ภาพดีกว่า มีฟังก์ชันการปรับตั้งกล้องบ้างนิดหน่อย
- กล้อง DSLR (Digital Single-Lens Reflex) หรือ กล้องดิจิตอล สะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว เป็นกล้องถ่ายรูปที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ มองผ่านเลนส์ มีกระจกสะท้อนภาพ มีช่องมองภาพแบบออพติคอล และสามารถมองที่จอ LCD ได้ด้วย
เพิ่มเติม : หลัก ๆ กล้อง DSLR จะมีเซ็นเซอร์อยู่ 2 ขนาด คือ Full frame และ APS-C
- กล้อง DSLR-Like กล้องดิจิตอล รูปทรงคล้าย DSLR แต่มีขนาดที่เล็กกว่า ปรับตั้งค่ากล้องได้เหมือน กล้อง DSLR เลย แต่ว่าถอดเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ ขนาดการซูมติดมากับตัวกล้อง เซ็นเซอร์ขนาดเท่ากับกล้อง Compact ทั่วไป เหมาะสำหรับคนเพิ่งเริ่มเล่นกล้อง
- กล้อง Mirrorless (ไม่มีกระจกสะท้อนภาพ) เป็นกล้องที่เอากระจกสะท้อนภาพออก ซึ่งในปัจจุบันเป็นกล้องชนิดที่ได้รับความสนใจมากในกลุ่มนักถ่ายภาพ เพราะที่มีขนาดเล็ก ตัวกล้อง น้ำหนักเบา อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็เล็กลง ทำให้การการพกพาสะดวกสบาย ถึงแม้ว่าอุปกรณ์จะชิ้นเล็กลงแต่ว่าคุณภาพยังคับแก้วเท่าเดิม กล้อง Mirrorless บางรุ่น สามารถถ่ายภาพได้เหมือนกับกล้องใหญ่ ๆ ราคาหลักแสนก็มี
กล้องถ่ายรูป แต่ละประเภทเหมาะกับใคร
กล้องถ่ายรูป แต่ละประเภท มีการทำงานที่แตกต่างกันออกไปอย่างที่ไรท์เตอร์ได้บอกไว้ในหัวข้อประเภทของกล้องถ่ายรูป ดังนั้นแต่ละรุ่นแต่ละประเภทจะเหมาะสมกับใคร จริง ๆ แล้วก็ไม่สามารถตอบได้ตามตัวนะ เพราะว่า การที่เราจะเลือกกล้องถ่ายรูปสักตัวนั้น จะต้องพิจารณาและไตร่ตรองตามความเหมาะสมของผู้ใช้งานว่าจริง ๆ แล้ว ตัวเองชอบกล้องแบบไหน กล้อง mirroless หรือ กล้อง DSLR ชอบกล้องตัวเล็กหรือกล้องตัวใหญ่ ชอบแบบเบาไหม หรือชอบหนัก ๆ หรือบางคนก็อาจจะชอบด้วยตัวแบรนด์ ไม่ว่าจะ กล้อง เทพ ๆ อย่าง กล้อง Sony, Fuji , Canon เป็นต้น ดังนั้นก็ลองศึกษาการใช้งานก่อน แล้วรักกล้องถ่ายรูปประเภทไหน ยี่ห้ออะไรก็ตัดสินใจซื้อเลยจ้า
วิธีการเลือกซื้อกล้องถ่ายรูป
- เลือกกล้องถ่ายรูปที่มีน้ำหนักเบา พกพาได้สะดวก ขนาดกะทัดรัดพอดี ไม่เล็กไปไม่ใหญ่ไป(แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล)
- เลือกกล้องถ่ายรูปที่มีจอแสดงผลแบบ touchscreen เพราะใช้งานได้ง่ายกว่า
- เลือกกล้องที่มีช่องมองภาพ
- ควรเลือกกล้องทีมี Wi-Fi หรือ Bluetooth ในการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
- เลือกกล้องที่มีเลนส์เสริม ที่สามารถหาซื้อได้ง่าย
เกร็ดเพิ่มเติม : สำหรับมือใหม่ ควรเลือกกล้องที่มี Auto Mode ที่ตั้งค่าให้เราได้อัตโนมัติจะดีมาก ๆ เลยเพราะเราจะเรียนรู้ไปกับโหมดนี้จ้า
การดูแลรักษากล้องถ่ายรูป
- 6ห. จำไว้ให้ดี ‘ห้ามตก ห้ามแตก ห้ามเปียก ห้ามชื้น ห้ามร้อน ห้ามโดนความเค็ม’
- อย่าลืมใช้ฝาปิดเลนส์ ปิดเลนส์ทุกครั้งเมื่อใช้งานเสร็จ ทางที่ดีมีฟิลเตอร์กันกระแทกไว้จะดีมาก
- หมั่นใช้ที่เป่าลมยาง เป่าเศษฝุ่น เป่าทำความสะอาดตัวกล้อง/ผิวเลนส์ และใช้แปรงปัดฝุ่น ปัดทำความสะอาดตัวกล้องและอุปกรณ์อื่น ๆ นอกจากผิวเลนส์
- เก็บกล้องในสถานที่ และในอุณหภูมิที่เหมาะสม
ยังไงล่ะทีนี้ ความรู้เบื้องต้นของกล้องแต่ละชนิด แต่ละประเภทก็มีแล้ว แล้วกล้องตัวไหนนะที่ราคาสบายกระเป๋าและเหมาะสมกับมือฉมังอย่างเรา ๆ ไปดูกันเลย
มุมมองผู้เชี่ยวชาญ
สัมภาษณ์โดย Ing On
- เลือกกล้องให้เหมาะกับความต้องการได้อย่างไร?
- กล้อง DSLR และกล้อง mirrorless แตกต่างกันอย่างไร
บรรณสิริ มีศรี
กล้อง DSLR และกล้อง mirrorless จะมีความแตกต่างกันอยู่อย่างเดียวเลยก็คือ ตัวกระจกสะท้อนภาพ ที่อยู่ในตัวกล้อง ซึ่งตรงนี้มีผล คือ กล้อง DSLR จะมีช่องมองภาพที่ชัดเจนกว่าและสมจริงกว่า พอกล้อง mirrorless ไม่ได้มีกระจกสะท้อนมองภาพ ทำให้เราไม่สามารถมองผ่าน viewfinder แต่ว่า mirrorless บางตัวก็จะมีช่องมองภาพเหมือนกันแต่จะดูไม่สมจริง ทำให้การถ่ายภาพเราต้องคอยกะว่าใช่เท่านี้หรือเปล่า ตรง mirrorless จะยากแค่ตรงช่องมองภาพ แต่ระยะการถ่ายภาพ คุณภาพการถ่าย การปรับค่า ทั้งสองแบบไม่ต่างกันเลย ในปัจจุบันกล้อง mirrorless ก็แทบจะมาแทนกล้อง DSLR ได้อยู่แล้ว
- กล้องมิเรอร์เลสเหมาะสำหรับการถ่ายภาพระดับมืออาชีพหรือไม่?
บรรณสิริ มีศรี
ถ้าให้เลือกแบบมืออาชีพ จะเลือกแบบ DSLR เนื่องจากข้างในของกล้องจะใหญ่กว่า ครบกว่า ทำอะไรได้เยอะกว่า ความละเอียดภาพก็เยอะกว่า แต่หลาย ๆ คนก็เปลี่ยนมาใช้ mirrorless แล้ว เพราะคุณภาพก็ไม่ได้ต่างกันจริง ๆ ตัวบอดี้ก็จะเล็กกว่า เพราะว่าข้างในไม่ได้มีกระจก บอดี้ก็เลยเล็กลง พกพาสะดวกขึ้นในคุณภาพเท่าเดิม แต่ถ้าส่วนตัวถ้ายังไม่มีกล้องเป็นของตัวเอง ก็คิดว่าคงจะเลือกซื้อกล้อง Mirrorless เพราะว่าราคาถูกลงกว่าด้วย และเดี๋ยวนี้ก็พัฒนาขึ้นมากจริง ๆ อย่างตอนที่ขึ้นปี 1 ตอนนั้น DSLR ราคายังแรงกว่า แต่พอผ่านไป 4 ปี กล้อง Mirrorless ก็คือพุ่งมาก เพราะว่า DSLR เหมือนไม่มีอะไรให้พัฒนาไปมากกว่านั้นแล้ว เขาก็เลยหันมาพัฒนา mirrorless แทน ตัวเลนส์ก็ออกมาเรื่อย ๆ คุณภาพไม่ต่างกับกล้อง DSLR (เสริม) …กล้องความละเอียด 24 ล้านพิกเซลก็นิยม แต่ถ้าใช้ใน social ความคมชัด 8 ล้านพิกเซลก็เพียงพอ แต่ถ้างานที่ต้องการความชัดสูง เช่น งานไวนิล กล้องพิกเซลสูงจะดีกว่า
- เลนส์กล้องมีกี่ประเภท มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
บรรณสิริ มีศรี
เลนส์กล้องสำคัญ มีผลกับการใช้งานมาก เช่น สมมติว่าเราต้องถ่ายงาน Landscape หรืองานแนวตึกรามบ้านช่อง มันก็ควรจะใช้เป็นเลนส์ Wide ที่เก็บภาพได้เยอะ เลนส์จะแบ่งเป็น 2 ประเภท ก็คือ เลนส์ fix ที่ทำได้แค่ระยะเดียว และเลนส์ Zoom คือสามารถซูมได้ และถ้าแบ่งตามทางยาวโฟกัส จะมีเลนส์มาตรฐาน 50มม. ซึ่งจะเท่ากับระยะเดียวกันกับดวงตา เลนส์ Wide ที่ต่ำกว่า 50มม. ลงมา ต่อมาเป็นเลนส์ Telephoto ซึ่งตัวเลขจะมากกว่า 50มม. ขึ้นไปเอาไว้ถ่ายภาพที่ต้องการซูมเยอะ ๆ เลย เช่น นก กีฬา อะไรแบบนี้ค่ะ และก็มีอีกแบบคือเลนส์มาโคร เหมือนแว่นขยาย และเลนส์ fish eye ที่จะให้มุมโค้ง ๆซึ่งราคาของเลนส์ fix กับ zoom ก็แตกต่างกันอยู่ เช่น เลนส์ fix ของ Canon 50มม. ก็จะราคาอยู่ประมาณพันกว่า สามพันกว่า แต่ว่าพอเป็นเลนส์ซูมขนาดจะใหญ่ขึ้น ความคมชัดมันอาจจะน้อยลง แต่ถ้าคุณภาพสูง ภาพชัด ราคาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เลยทำให้เลนส์ fix ถูกกว่าถ้าเริ่มต้นซื้อเลนส์ให้เริ่มที่เลนส์ซูมก่อน เพราะเวลาเราถ่ายคนเราก็จะได้ไม้ไม่ต้องถอยไกล จริง ๆ เลนส์ซูมยังถ่ายคนได้อยู่ แต่เลนส์ fix จะถ่ายได้สวยกว่า ละลายหลังได้เยอะกว่า แต่ถ้าเป็นเลนส์ซูมก็จะดีกว่า ใช้งานได้ครอบคลุมกว่า ซึ่งราคาเลนส์ก็จะไม่ได้ต่างกันมาก แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะใช้เลนส์เพื่อสิ่งไหนมากกว่า การใช้เลนส์ต่างยี่ห้อกับกล้องสามารถทำได้ แต่อาจจะต้องพึ่งพาตัว Adapter ด้วย เช่น DSLR กับ Mirrorless บางทีก็ใช้เลนส์ร่วมกันได้ แต่อาจจะต้องมี Adapter แต่บางที Adapter ก็อาจจะทำให้เราเกิดปัญหาได้ ถ้ามันไม่ได้ลงล็อกแต่แรก
- เลนส์ตัวไหนดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพ Portrait ?
บรรณสิริ มีศรี
ถ้าเป็นภาพ Portrait ส่วนใหญ่จะนิยมเป็นเลนส์ fix กัน ขนาดที่นิยมจะอยู่ที่ 35มม. 50มม. เลนส์ 85 มม. ถ้าเป็นเลนส์ Zoom ก็อยู่ 70, 200มม. ภาพบุคคลในเรื่องความสวยจะทำง่าย เน้นคนและพื้นหลังเบลอ ๆ
- เลนส์ตัวไหนดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพ landscape?
บรรณสิริ มีศรี
จะเป็นเลนส์ wide เลยค่ะ หรือ ultra wide ค่ะ และข้อดีคือเลนส์เหล่านี้ให้ความคมชัดดีกว่าเลนส์ fix ได้มุมกล้องที่กว้างกว่า
- จำนวนพิกเซลในกล้องมีความสำคัญอย่างไร?
บรรณสิริ มีศรี
สำคัญ โดยส่วนใหญ่จะใช้กันอยู่ที่ 24 ล้านพิกเซล ซึ่งถ้าความชัดของภาพมากขึ้น ไฟล์ภาพก็จะใหญ่ตาม (แนะนำ) ถ้าไม่ใช่งานที่ต้องใช้ความละเอียดสูงมาก ๆ ก็อาจจะไม่ต้องใช้กล้องพิกเซลสูง ๆ เพราะจะเปลืองความจำกล้องโดยใช่เหตุ เช่น ถ้าเอาภาพลง social ยังไงซะเขาก็จะปรับภาพให้ชัดเท่าที่เขากำหนดมาอยู่ดี (เสริม) ถ้าอยากได้ภาพความละเอียด 4K, 8K กล้องจะต้องชัด 8 ล้าน และ 32 ล้านพิกเซล ซึ่งกล้องพื้นฐานอย่าง digital compact ก็พอแล้วถ้าจะเอามาลง social แต่ถ้าเป็นหนังอาจจะต้องใช้พิกเซลเยอะเป็นพิเศษ แต่ถ้าเป็นแค่ภาพกล้อง DSLR, Mirrorless ก็เอาอยู่แล้ว
- ขนาดเซนเซอร์ในกล้องมีความสำคัญอย่างไร?
บรรณสิริ มีศรี
ยิ่งถ้าเซนเซอร์กล้องใหญ่ ภาพก็จะยิ่งมีความละเอียดภาพสูง เพราะรับแสงได้เยอะกว่า ภาพจะชัดกว่า ซึ่งจะอยู่ตรงกลางกล้อง มี 2 แบบที่นิยมคือ APS-C และ full frame ซึ่ง full frame เซนเซอร์จะใหญ่กว่า APS-C ซึ่งพอใหญ่กว่า ขนาดก็จะใหญ่ขึ้นด้วยทั้งตัวกล้องตัวเลนส์ ทุกอย่างก็จะใหญ่ขึ้น แต่ข้อดีคือพอมันใหญ่ มันเก็บทุกอย่างได้ดีกว่า สามารถนำไปใช้ต่อได้ง่าย พวกงานที่คุณภาพสูง ๆ หรืองานขึ้นป้ายบิลบอร์ด อะไรที่ต้องปริ้นท์เยอะ ๆ แต่งสีง่าย เอาไปทำ bokeh ข้างหลังได้ง่ายกว่าด้วย
- เลือกอะไรดีระหว่าง APS-C และกล้อง full-frame ?
บรรณสิริ มีศรี
กล้อง Full frame ถ้าเราติดเลนส์ระยะ 50 เราจะเห็นภาพระยะ 50 เลย แต่ถ้าเราใช้ตัว APS-C ซึ่งเซนเซอร์ไม่ได้ใหญ่กว่าตัว full-frame เวลาเอามาต่อที่กล้องจะต้องคูณ 1.6 เท่า ก็คือจากเลนส์ 50 เราอาจจะเห็นเป็นเลนส์ระยะ 75 ซึ่งมุมมองจะแคบกว่า ดู crop กว่า ถ้าถ่ายในระยะเดียวกันกล้อง Full-frame จะกว้างกว่า แต่ตัว APS-C จะเหมือนเรา crop ภาพเข้าไปนิดนึง ทุกงานไม่จำเป็นต้องใช้ Full-frame อยู่ที่งบประมาณ แต่ถ้างบเหลือมากจริง ก็อาจจะใช้ full-frame เพราะเหมือนดีที่สุด ประสิทธิภาพมาสุดแล้ว ถ้ารับความหนักของมันได้ก็จัดไปเลย เพราะว่าถ้ามาเต็มยังไงก็ทำต่อได้ง่ายกว่า แต่ถ้าใช้งานทั่วไปหรือเริ่มต้นระดับกลาง ๆ ถ่ายงานทั่วไป เน้นเป็นฟรีแลนซ์ ไม่ได้อยู่ production house แต่เอาจริง ๆ ระดับ production house ไม่ต้องกล้องระดับ full frame ก็ใช้ได้เหมือนกัน
- กล้องที่ดีที่สุดสำหรับ vlogger หรือ YouTuber คืออะไร?
บรรณสิริ มีศรี
ถ้าอยากเป็นเลย ก็อาจจะไปลงทุนกับกล้องเลยจะง่ายกว่า เพราะวันหนึ่งโทรศัพท์เราอาจจะเมมเต็ม เริ่มย้ายข้อมูลนู่นนี่นั่น แต่การเลือกกล้องสำหรับ vlogger อาจจะต้องแยกออกเป็นสายกลางแจ้ง เดินถ่าย อาจจะแนะนำเป็น action camera ไปเลย จะง่ายกว่า กันน้ำได้ แต่ถ้าสมมติว่าเราอาจจะถ่ายนิ่ง ๆ ถ่ายแบบตั้งกล้อง อาจจะดูเป็น mirrorless หรือ compact ก็ได้ เพราะอาจจะไม่ได้จำเป็นขนาด DSLR ยกเว้นเราจะงบถึงมาก โปรดักชั่นเรายิ่งใหญ่ แต่ถ้าเริ่มต้นจริง ๆ กล้องคอมแพคเองเลยก็ยังได้ เพราะกล้องคอมแพคก็มีตั้งแต่ราคาไม่กี่พัน จนถึงหมื่นต้น ๆ ให้แบบเราลองใช้เอา เหมือนเราใช้โทรศัพท์แต่คุณภาพแบบกล้อง ถ้ามีงบขึ้นมาอาจจะขยับไปเป็น mirrorless กับ GoPro
- ควรเก็บรักษากล้องอย่างไรขณะเดินทางหรืออยู่ข้างนอก
บรรณสิริ มีศรี
ถ้าใช้งานแล้วเก็บ หรือเอากล้องไว้เพื่อไปข้างนอก จริง ๆ กระเป๋ากล้องนี่แหละตอบโจทย์ มีทั้งแบบคาดเอว แบบสะพายหลัง แบบสะพายข้าง ซึ่งถ้าให้เลือกก็ควรเลือกที่มันมีช่องแบ่งเยอะ ๆ พอมีช่องเยอะกล้องเราก็จะไม่ไหลไปไหลมา ให้มันอยู่ในช่องของตัวเอง ถ้าสมมติเรามีเลนส์หลายตัว ไม่ได้ใช้นาน อาจจะต้องเลือกเป็นกล่องเก็บกันความชื้น หรือถ้ามีงบเอาเป็นตู้กันความชื้นไปเลยก็ได้ ที่สามารถตั้งค่าได้ ช่างภาพบางคนที่โปรมาก ๆ เลนส์เยอะมาก ๆ เขาจะนิยมใช้วิธีนี้กัน มันดีกว่าเราปล่อยให้เลนส์เราขึ้นรา เพราะว่าพวกเลนส์พวกกล้องถ้าเราไม่ได้ใช้นาน ๆ ราจะขึ้น เพราะกระเป๋ากล้องทำจากผ้า ไม่ได้กันความชื้น ตรงขอบยางสีดำสามารถเกิดความชื้นได้ บางทีเราอาจจะอยู่ในบ้าน รู้สึกว่าประเทศไทยมันร้อน ฝนตกชื้น ห้องชื้น อากาศชื้น หรือแบบเป็นแอร์แล้วกล้องอยู่ในห้องแอร์ ต่อให้อยู่ในกระเป๋าก็ชื้นได้ พอราขึ้นแล้วมันขึ้นเลย ถ้าไม่เยอะก็อาจจะไม่ส่งผลมาก แต่ส่วนใหญ่ถ้าไปถ่ายงานให้ลูกค้า เราอาจต้องซื้อใหม่ เพราะบางทีจะขึ้นเป็นจุดฟุ้ง ๆ ในทุกภาพ ถ้าทำความสะอาดไม่ดีอาจลามไปถึงเซนเซอร์ได้ จนอาจจะต้องซื้อใหม่เลย
- อุปกรณ์เสริมใดบ้างที่จำเป็นสำหรับช่างภาพ (เช่น ขาตั้งกล้อง ฟิลเตอร์ แฟลชภายนอก)
บรรณสิริ มีศรี
นอกจากกล้องแล้วสิ่งที่จำเป็นรองลงมาคือ เมมโมรี่การ์ด รองลงมาอีกก็เป็นขาตั้งกล้อง จะเป็นประโยชน์มากถ้าเราต้องไปถ่ายภาพฉากทางช้างเผือก หรือตอนกลางคืนที่ต้องใช้ speed shutter น้อย ๆ ยิ่งน้อยยิ่งสั่น ซึ่งการที่เราวางไว้บนขาตั้งกล้อง จะทำให้ตัวกล้องนิ่ง ไม่ทำให้ภาพวูบวาบ ถ้าอุปกรณ์อีกอย่างที่น่าซื้อคือแบตเตอรี่สำรอง เพราะเคยไปถ่ายแล้วต้องคอยชาร์จแล้วมันไม่สะดวก แต่แบตของแท้ก็คือแพงมาก แต่ของเทียมก็ต้องกลัวอีกว่ามันจะพังมั้ย
- อะไรคือความแตกต่างระหว่างแฟลชหัวกล้องและแฟลชภายนอก?
บรรณสิริ มีศรี
แฟลชหัวกล้องคือแฟลชที่ให้มาอยู่แล้ว เหมือนเป็น option เสริม มันปรับค่าได้น้อยกว่า แสงก็จะได้แค่ทางเดียวคือแค่สาดตรง พวกงานอีเว้นท์ก็อาจจะพอถูไถใช้ได้อยู่ เพราะว่าต้องรีบต้องเห็นคน ไม่ต้องสวยมาก แต่ถ้าสมมติมีแฟลชภายนอก ต่อให้เราถ่ายงานอีเว้นท์เหมือนกัน แต่แฟลชตรงนั้นจะยิงแสงได้ไกลกว่ามาก และกว้างกว่ามาก สามารถปรับแสงได้ เราอาจจะไม่ต้องจ่อไฟเข้าหน้าเขาตรง ๆ อาจจะเงยขึ้นมานิดนึง หรือแบบหันข้างมานิดนึง แต่ถ้าเป็นแฟลชหัวกล้องเฉย ๆ ก็อาจจะได้มุมเดียว
- จะถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือกลางคืนได้ดีขึ้นได้อย่างไร?
บรรณสิริ มีศรี
กลางคืนจะยากเพราะเราต้องหาแหล่งกำเนิดแสง เช่น หลอดไฟ ไฟนีออน ถ้าปรับ ISO สูง ๆ ภาพก็จะเกิด noise ได้ ถ้าถ่ายกลางคืนอย่างแรกเลย คือ เราต้องไปหาแสงก่อน ถ้าเราไม่มีอุปกรณ์ ก็อาจจะไปหาพวกร้าน หรือเสาไฟ แล้วก็เลือกเลนส์ที่ f น้อย ๆ อย่าง 2.8 หรือถ้าน้อยยิ่งกว่านั้นก็จะช่วยเพิ่มแสงให้มากขึ้น และดัน ISO ขึ้นสูง ๆ แต่วิธีนี้ไม่ค่อยแนะนำมาก เพราะพอถ่ายออกมาแล้วรูปก็จะแตกอยู่ดี และมีอีกอย่างนึงก็คือ เราสามารถใช้ขาตั้งกล้อง และกด speed shutter ต่ำ ๆ และพอต่ำมาก ๆ แสงก็จะเข้ามาเยอะ ภาพก็จะไม่สั่น
- เลือกการ์ดหน่วยความจำให้เหมาะกับกล้องได้อย่างไร?
บรรณสิริ มีศรี
ตอบในฐานะช่างภาพ ส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 16GB จะไม่ค่อยเจอช่างภาพที่ใช้น้อยกว่า 8GB จริง ๆ 16GB นี่คือก็น้อย 32GB จะดีกว่า หรือบางคนก็เลือกซื้อใหม่เป็น 64GB หรือ 124GB ไปเลย เลยอยากแนะนำถ้าเป็นช่างภาพไม่อยากให้น้อยกว่า 16GB 16GB นี่อาจจะเป็นงานครึ่งเช้า การเอาไฟล์ไปอัพบนคลาวด์ไม่มีผลต่อความชัด แต่จะมีปัญหาตอนโหลดมาใช้ แต่ถ้าดึงจาก SD Card แล้วเข้า Lightroom จะสะดวกว่า
- ซอฟต์แวร์ใดที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ไขและปรับแต่งภาพถ่าย?
บรรณสิริ มีศรี
มี 3 โปรแกรม คือ Photoshop ง่ายเรื่องรีทัช ความชัดดีกว่า อีกอันคือ Lightroom เหมาะกับงานอีเว้นท์ ภาพรับปริญญา ต้องแต่งรูปที่เดียวเยอะ ดึงได้ทั้งภาพ RAW, Jpeg , มีแคตตาล็อก ดูภาพรวมได้ แต่มีอีกโปรแกรม คือ Capture One Pro แต่ราคาจะแพงนิดนึง เวลาถ่ายก็จะเห็นภาพได้พร้อมกันกับคน Operate ได้ จริง ๆ Lightroom ก็ทำได้แต่ไม่ค่อยเสถียร Capture One Pro จะเสถียรกว่า อย่างตอนทำธีสิส มีทีมก็เห็นด้วยกันหมด ไม่ต้องเห็นแค่ช่างภาพ ถ้าไม่มีโปรแกรมนี้ก็น่าจะวุ่นวายน่าดู
- กล้องคอมแพคคืออะไร? เหมาะสำหรับการถ่ายภาพระดับมืออาชีพหรือไม่?
บรรณสิริ มีศรี
คือกล้องที่เหมาะกับเริ่มต้นเท่านั้น ไม่เหมาะกับระดับมืออาชีพ
- กล้องถ่ายรูปกับกล้องสมาร์ทโฟนต่างกันอย่างไร?
บรรณสิริ มีศรี
จริง ๆ กล้องถ่ายรูปกับกล้องมือถือยังแทนกันไม่ได้ กล้องถ่ายรูปเกิดมาเพื่อถ่ายรูป แต่มือถือเหมาะกับงานหลาย ๆ แบบมากกว่า แค่มือถืออาจไม่พอ เช่นเราต้องเอางานขึ้นบิลบอร์ด แม้จะรองรับไฟล์ RAW แต่ก็ยังไม่มีเหมือนถ่ายกับกล้องถ่ายรูปอยู่ดี แต่ต่อไปมือถืออาจจะชัดเท่ากับกล้องถ่ายรูปก็ได้ แต่บางคนอาจจะมองว่ากล้องมือถือสวย แต่จริง ๆ กล้องมือถืออาจมีการปรับมาแล้ว
- แสงสำคัญกับภาพอย่างไร
บรรณสิริ มีศรี
เวลาถ่ายภาพควรได้แสงที่ดีตั้งแต่แรก เซตแสงให้เรียบร้อย เพราะว่าถ้ามาปรับแสงเอาทีหลังผ่านโปรแกรมต่าง ๆ ภาพอาจจะช้ำได้ จากที่จะชัดก็อาจจะไม่ชัดและการจัดแสงก็สำคัญ แสดงอารมณ์ความรู้สึก เช่น สีแดงแสดงถึงความร้อนแรง เราจะต้องมีโจทย์ ถ้าเราอยากให้งานมันออกมู้ดเศร้า ก็ต้องไปดูว่าแสงแบบไหนให้ความรู้สึกเศร้า ก็จะเป็นแสงหม่น เห็นหน้าน้อย ๆ คนอยู่ในเงาตกเยอะ ๆ อะไรแบบนี้ค่ะ มีผลคล้ายกับถ่ายหนังเลย หรือจะเอาเป็นมู้ดนึงแบบสดใสก็สาดแฟลชมาเลย แต่ถ้าโจทย์เป็นมู้ดเศร้าแล้วเราสาดแฟลช มันก็อาจจะไม่เสริมภาพเท่าไหร่
บทส่งท้าย
มีใครเป็นแบบไรท์บ้าง อ่านบทความ 10 กล้องถ่ายรูป จบแล้วแทบจะลุกไปทุบกระปุกหมูแล้วพุงตัวไปจับจองสักรุ่น สองรุ่น ก็นะ ในบางครั้งแค่กล้องโทรศัพท์ที่อยู่ในมือมันยังไม่พอ ยังไม่ตอบโจทย์อะเนอะ ไรท์เข้าใจ ท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ สนใจรุ่นไหน ก็ตัดสินใจให้ดี แล้วกดซื้อแบบไม่ต้องรอช้าได้เลย ขอให้เพลินเพลินกับการเลือกกล้องถ่ายรูปที่ถูกใจ เหมาะกับมือ และสบายกระเป๋าตังค์กันนะคะ
บรรณสิริ มีศรี
อาจจะต้องเริ่มที่ถามตัวเองก่อนว่าเราอยากถ่ายแบบไหน ถ้าง่าย ๆ เลยไม่ต้องเซทอะไรมาก ก็อาจจะเป็นกล้อง Digital Compact ซึ่งบางรุ่นก็สามารถถ่ายออโต้ได้เลย พกพาไปไหนก็ได้ เราไม่ต้องมานั่งคิดเยอะ ให้กล้องมันคิดแทนเราไปเลย และราคาจะถูกกว่าด้วย
แต่ถ้าอยากมีความจริงจังขึ้นมานิดนึง คิดไว้ว่าวันนึงอาจจะรับงาน หรือทำคลิปที่มันคุณภาพสูงขึ้น ก็อาจจะขยับมาเป็นกล้อง Mirrorless ไม่ต้องไปเล่นถึง DSLR ก็ได้ เพราะทุกวันนี้ mirrorless ก็คือทำได้เหมือนกันหมดเลยแต่ราคาถูกกว่า แต่ถ้าแบบตัวเดียวอยู่ก็ DSLR ไปเลย ไม่ต้องคิดเยอะ แก้ได้ทุกอย่าง และเรื่องราคา ถ้างบน้อยก็ไปที่ digital compact หรือ mirrorless แต่กล้อง Digital Compact ก็ยังแบ่งออกได้สองแบบ คือแบบถูกและ hi-end เราก็ไปดูได้ว่างบเราพอกับตัวไหน ถ้างบสองหมื่นกว่าก็สามารถซื้อกล้องดี ๆ ได้ แต่จริง ๆ ราคาหมื่นนึงก็ทำอะไรได้เยอะแล้ว แต่จะขาดบางอย่าง เช่น ถ่ายกลางคืน