การทำ Podcast ในยุคนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยเรื่องส่วนตัว การแชร์ความรู้ หรือแม้แต่การสร้างคอนเทนต์เพื่อธุรกิจ การมีอุปกรณ์ที่ดีในการบันทึกเสียงจึงสำคัญไม่น้อย ซึ่งไมค์สำหรับทำ Podcast เป็นหนึ่งในอุปกรณ์หลักที่จะช่วยให้เสียงที่ออกมาคมชัดและน่าสนใจที่สุด การเลือกไมค์ที่เหมาะสมสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในคุณภาพของ Podcast ในบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับไมค์ทำ Podcast ที่มีคุณสมบัติตัดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม พร้อมแนะนำไมค์ที่ดีที่สุดสำหรับการบันทึกเสียงที่คมชัดและมีคุณภาพสูง ทั้งแบบที่เหมาะกับมือใหม่และมืออาชีพ

บรรณาธิการ
Table of Contents
ไมค์สำหรับ Podcast คืออะไร?
ไมค์สำหรับทำ Podcast คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการบันทึกเสียงในลักษณะต่าง ๆ ทั้งการพูดคนเดียวหรือการสัมภาษณ์ พวกมันจะมีคุณสมบัติที่ช่วยให้เสียงของคุณถูกบันทึกอย่างละเอียดและคมชัด ไม่ว่าจะเป็นไมค์ที่ใช้ในการสัมภาษณ์แบบหลายคน หรือไมค์สำหรับการบันทึกเสียงในสตูดิโอที่ต้องการคุณภาพสูง
คุณสมบัติที่สำคัญของไมค์สำหรับ Podcast
การเลือกไมค์สำหรับทำ Podcast ไม่ใช่แค่เรื่องของราคาหรือความสวยงาม แต่มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดสำหรับการบันทึกและเผยแพร่ Podcast ของคุณ นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญที่คุณควรคำนึงถึงเมื่อเลือกไมค์สำหรับ Podcast
-
คุณภาพเสียง (Sound Quality)
-
ไมค์ที่ดีจะต้องสามารถบันทึกเสียงได้คมชัดและมีความละเอียดสูง ทั้งในด้านความถี่และการจับรายละเอียดของเสียงจากผู้พูด
-
การเลือกไมค์ที่มีความสามารถในการรับเสียงในช่วงกว้าง (wide frequency response) จะช่วยให้เสียงที่บันทึกมีความสมจริงมากขึ้น
-
-
การตัดเสียงรบกวน (Noise Cancellation)
-
ไมค์ที่มีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน (Noise Cancellation) หรือการลดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมจะช่วยให้เสียงที่บันทึกไม่มีเสียงรบกวนจากพื้นหลัง เช่น เสียงเครื่องปรับอากาศ เสียงจราจร หรือเสียงรบกวนอื่นๆ
-
ไมค์ที่มี Polar Pattern เช่น Cardioid หรือ Supercardioid จะช่วยรับเสียงจากทิศทางที่ต้องการ (จากหน้าไมค์) และลดเสียงจากด้านข้างหรือด้านหลัง
-
-
ความไว (Sensitivity)
-
ความไวของไมค์คือความสามารถในการรับเสียงที่มีความเบาหรือเบาของเสียงไมค์ บางไมค์ที่มีความไวสูงอาจจับเสียงละเอียดแม้กระทั่งเสียงที่เบา แต่หากคุณบันทึกในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนมากอาจจะไม่เหมาะสม
-
ไมค์ที่มีความไวต่ำเหมาะสำหรับการบันทึกในสภาพแวดล้อมที่ไม่เงียบเกินไป เพราะจะช่วยลดเสียงรบกวน
-
-
ประเภทไมค์ (Microphone Type)
-
ไมค์คอนเดนเซอร์ (Condenser Microphone): ไมค์คอนเดนเซอร์มักมีความไวสูงและให้เสียงที่ละเอียด เหมาะสำหรับการบันทึกเสียงในสตูดิโอที่มีการควบคุมเสียงรบกวน
-
ไมค์ไดนามิก (Dynamic Microphone): ไมค์ไดนามิกมีความทนทานและรับเสียงจากทิศทางที่จำกัด ทำให้มันดีสำหรับการบันทึกเสียงในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนหรือสถานที่ที่เสียงไม่ควบคุม
-
ไมค์ไฮบริด (USB / XLR): ไมค์แบบ USB เหมาะสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ทำ Podcast บนคอมพิวเตอร์โดยตรง ขณะที่ไมค์ XLR มักจะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าและสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้หลากหลาย
-
-
การใช้งานง่าย (Ease of Use)
-
การเลือกไมค์ที่มีการเชื่อมต่อที่สะดวกและง่ายในการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการตั้งค่าหรือปรับแต่งเสียง
-
ไมค์ USB เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้นเพราะสามารถเสียบใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้การ์ดเสียงเพิ่มเติมหรืออุปกรณ์อื่นๆ
-
-
ความทนทานและวัสดุ (Durability and Build Quality)
-
ไมค์ที่ดีจะต้องมีวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน และสามารถใช้งานได้ยาวนาน
-
วัสดุที่ใช้สร้างไมค์ควรมีคุณภาพดีเพื่อให้สามารถใช้งานในระยะยาวได้โดยไม่เกิดปัญหาหรือเสียงผิดปกติจากการเสื่อมสภาพ
-
-
ราคา (Price)
-
ราคาเป็นปัจจัยที่สำคัญไม่น้อย ไมค์บางตัวอาจมีคุณสมบัติสูงแต่ราคาก็สูงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ก็มีไมค์ที่ให้คุณภาพเสียงดีในราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่า
-
ควรเลือกไมค์ที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการใช้งาน
-
-
ความยืดหยุ่น (Flexibility)
-
ไมค์ที่มีความยืดหยุ่นในการตั้งค่าหรือการใช้งานหลากหลายสถานการณ์ เช่น สามารถปรับทิศทางของไมค์ได้ หรือรองรับการใช้งานหลายๆ แบบ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคนเดียวหรือการสัมภาษณ์หลายคน
-

แนะนำ 5 ไมค์ทำ Podcast เสียงดี ตัดเสียงรบกวน
1. Shure SM7B
-
ประเภท: ไมค์ไดนามิก (Dynamic Microphone)
-
การเชื่อมต่อ: XLR
-
คุณสมบัติเด่น:
-
ไมค์ระดับมืออาชีพที่ได้รับความนิยมสูงจาก Podcaster และนักร้อง
-
เสียงที่ละเอียดและคมชัด พร้อมการตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีเยี่ยม
-
การรับเสียงแบบ Cardioid ช่วยให้รับเสียงจากด้านหน้าไมค์และลดเสียงจากด้านข้างหรือด้านหลัง
-
เหมาะสำหรับการใช้งานในสตูดิโอที่มีเสียงรบกวนภายนอก
-
-
เหมาะสำหรับ: Podcaster มืออาชีพที่ต้องการคุณภาพเสียงยอดเยี่ยมและเสียงที่มีมิติ
-
ราคา: ค่อนข้างสูง แต่คุ้มค่ากับคุณภาพที่ได้รับ
2. Shure MV7
-
ประเภท: ไมค์ไดนามิก (Dynamic Microphone)
-
การเชื่อมต่อ: USB-C และ XLR
-
คุณสมบัติเด่น:
-
ความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้ได้ทั้งในโหมด USB (เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์) และ XLR (สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสียงแบบมืออาชีพ)
-
เทคโนโลยี Auto Level Mode ที่ช่วยปรับระดับเสียงอัตโนมัติให้เหมาะสม
-
รองรับการใช้ในการสัมภาษณ์หลายคนและเสียงรบกวนที่ลดลงอย่างมาก
-
-
เหมาะสำหรับ: มือใหม่หรือ Podcaster ที่ต้องการไมค์ที่ใช้งานง่าย และสามารถอัปเกรดเป็นมืออาชีพได้ในอนาคต
-
ราคา: ปานกลางถึงสูง
3. Audio-Technica AT2020
-
ประเภท: ไมค์คอนเดนเซอร์ (Condenser Microphone)
-
การเชื่อมต่อ: XLR
-
คุณสมบัติเด่น:
-
ให้คุณภาพเสียงที่คมชัดและละเอียด เหมาะสำหรับการบันทึกเสียงที่ต้องการความละเอียดสูง
-
รับเสียงแบบ Cardioid ที่ลดเสียงรบกวนจากด้านข้างและด้านหลัง
-
เหมาะสำหรับการใช้ในสตูดิโอที่เงียบและมีการควบคุมเสียงรบกวน
-
ราคาค่อนข้างคุ้มค่าหากเทียบกับคุณภาพ
-
-
เหมาะสำหรับ: ผู้เริ่มต้นหรือ Podcaster ที่มีงบประมาณจำกัดและต้องการคุณภาพเสียงดี
-
ราคา: ปานกลาง
4. Rode NT1-A
-
ประเภท: ไมค์คอนเดนเซอร์ (Condenser Microphone)
-
การเชื่อมต่อ: XLR
-
คุณสมบัติเด่น:
-
มีการรับเสียงที่ละเอียดสูงมาก เหมาะสำหรับการบันทึกเสียงที่คมชัดและสมจริง
-
การรับเสียงแบบ Cardioid ที่ทำให้ตัดเสียงรบกวนจากด้านข้างได้ดี
-
ไมค์นี้มีค่า self-noise ต่ำสุด ซึ่งช่วยให้เสียงที่บันทึกมามีความบริสุทธิ์
-
เหมาะสำหรับการใช้งานในสตูดิโอที่เงียบและควบคุมเสียงได้
-
-
เหมาะสำหรับ: Podcaster ที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงในงบประมาณที่สมเหตุสมผล
-
ราคา: ปานกลางถึงสูง
5. Maono PD400X
-
ประเภท: ไมค์ไดนามิก (Dynamic Microphone)
-
การเชื่อมต่อ: USB-C และ XLR
-
คุณสมบัติเด่น:
-
ไมค์ที่มีคุณสมบัติตัดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม พร้อมฟีเจอร์ Noise Cancelling
-
รองรับการเชื่อมต่อทั้ง USB และ XLR ทำให้เหมาะกับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ที่ต้องการอัปเกรดการตั้งค่าพอดแคสต์
-
รองรับการใช้ในการสัมภาษณ์หลายคนและบันทึกเสียงในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน
-
การบันทึกเสียงที่คมชัดและมีความละเอียดสูง
-
-
เหมาะสำหรับ: ผู้เริ่มต้นที่ต้องการคุณภาพเสียงดีและใช้งานง่าย
-
ราคา: ราคาค่อนข้างคุ้มค่าเมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ได้รับ
ตารางเปรียบเทียบไมค์ทำ Podcast
ไมค์ | ประเภทไมค์ | การเชื่อมต่อ | คุณสมบัติเด่น | เหมาะสำหรับ | ราคา |
---|---|---|---|---|---|
Shure SM7B | ไมค์ไดนามิก (Dynamic) | XLR | - เสียงคมชัด มีมิติ- ตัดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม- เหมาะสำหรับสตูดิโอ | มืออาชีพ, Podcaster ที่ต้องการคุณภาพสูง | สูง |
Shure MV7 | ไมค์ไดนามิก (Dynamic) | USB-C, XLR | - ใช้ได้ทั้ง USB และ XLR- ฟังก์ชัน Auto Level Mode- ตัดเสียงรบกวน | มือใหม่และมืออาชีพที่ต้องการความยืดหยุ่น | ปานกลางถึงสูง |
Audio-Technica AT2020 | ไมค์คอนเดนเซอร์ (Condenser) | XLR | - ให้เสียงที่คมชัดและละเอียด- รับเสียงแบบ Cardioid- ค่าราคาไม่สูง | ผู้เริ่มต้นที่ต้องการคุณภาพเสียงดี | ปานกลาง |
Rode NT1-A | ไมค์คอนเดนเซอร์ (Condenser) | XLR | - ค่าความไวต่ำสุด (self-noise ต่ำ)- เสียงที่ละเอียด- เหมาะกับสตูดิโอเงียบ | Podcaster ที่ต้องการเสียงละเอียดสูง | ปานกลางถึงสูง |
Maono PD400X | ไมค์ไดนามิก (Dynamic) | USB-C, XLR | - ฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน- ใช้ได้ทั้ง USB และ XLR- ราคาคุ้มค่า | ผู้เริ่มต้นและผู้ที่ต้องการราคาคุ้มค่า |
ปานกลาง |
บทส่งท้าย
การเลือกไมค์สำหรับทำ Podcast ที่มีคุณภาพเสียงดีและสามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เสียง Podcast ของคุณคมชัดและมืออาชีพ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือมืออาชีพที่ต้องการอัปเกรดอุปกรณ์ ไมค์ที่เหมาะสมจะช่วยยกระดับประสบการณ์การฟังของผู้ฟังได้อย่างมาก จากที่เราได้แนะนำไมค์ต่างๆ ที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของการตัดเสียงรบกวนและคุณภาพเสียงที่ดี ไม่ว่าจะเป็น Shure SM7B, Shure MV7, Audio-Technica AT2020, Rode NT1-A, หรือ Maono PD400X การเลือกไมค์ที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของคุณจะช่วยให้คุณสร้าง Podcast ที่โดดเด่นและมีคุณภาพสูง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกไมค์อัดเสียงที่ดีที่สุด สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ ไมค์อัดเสียง รุ่นไหนดี