การบันทึกเสียงดนตรีให้มีคุณภาพสูงเป็นสิ่งที่นักดนตรีและโปรดิวเซอร์ทุกคนใส่ใจ โดยเฉพาะในการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม หนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญคือ "ไมค์จ่อเครื่องดนตรี" ซึ่งเป็นไมโครโฟนที่ใช้สำหรับการจับเสียงจากเครื่องดนตรีโดยตรง การเลือกไมค์ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้ได้เสียงที่ชัดเจนและสมจริง แต่ยังช่วยให้การบันทึกเสียงดนตรีเป็นไปอย่างมืออาชีพ บทความนี้จะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับไมค์จ่อเครื่องดนตรี รวมถึงชนิดต่างๆ ที่เหมาะสมกับการบันทึกเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ

บรรณาธิการ
Table of Contents
ไมค์จ่อเครื่องดนตรี คืออะไร?
ไมค์จ่อเครื่องดนตรี คือไมโครโฟนที่ถูกออกแบบมาเพื่อจับเสียงจากเครื่องดนตรีโดยตรง โดยทั่วไปจะใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการการบันทึกเสียงจากเครื่องดนตรีเฉพาะอย่าง เช่น กีต้าร์ เปียโน กลอง หรือเครื่องดนตรีที่มีเสียงเด่นชัด ไมค์ประเภทนี้ช่วยให้ได้เสียงที่มีความละเอียดและคุณภาพสูง ทั้งในสตูดิโอบันทึกเสียงหรือในการแสดงสด
การใช้ไมค์จ่อเครื่องดนตรีจะช่วยให้ได้เสียงที่ชัดเจนและคมชัด ซึ่งเหมาะสำหรับการบันทึกในงานผลิตเสียงดนตรี หรือแม้กระทั่งการเล่นสดในคอนเสิร์ต เพื่อให้เสียงจากเครื่องดนตรีไม่ถูกกลบหรือบิดเบือนจากเสียงรบกวนในสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ ไมค์จ่อเครื่องดนตรียังสามารถช่วยให้เสียงจากเครื่องดนตรีต่างๆ ถูกบันทึกได้ตามลักษณะเฉพาะของเครื่องดนตรีนั้นๆ อย่างชัดเจนและแม่นยำ
การเลือกไมค์จ่อเครื่องดนตรีที่เหมาะสมกับประเภทของเครื่องดนตรีที่ต้องการบันทึกจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการสร้างเสียงที่ดีที่สุด
ชนิดของไมค์จ่อเครื่องดนตรี
การเลือกไมค์จ่อเครื่องดนตรีที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ได้เสียงที่มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันไป สำหรับไมค์จ่อเครื่องดนตรีนั้น มีหลายชนิดที่เหมาะสมกับการบันทึกเสียงเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นหลักๆ ดังนี้
- ไมค์คอนเดนเซอร์ (Condenser Microphone)
คุณสมบัติ: ไมค์คอนเดนเซอร์เป็นไมโครโฟนที่มีความไวสูงและสามารถจับเสียงได้อย่างละเอียดและมีความโปร่งใสเหมาะสำหรับการบันทึกเสียงเครื่องดนตรีที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น กีต้าร์อะคูสติก, เปียโน, หรือเครื่องดนตรีที่มีการแสดงเสียงที่หลากหลาย
การใช้งาน: ใช้ในสตูดิโอบันทึกเสียงหรือในการบันทึกเสียงเครื่องดนตรีที่ต้องการรายละเอียดสูง เช่น กีต้าร์อะคูสติก, ไวโอลิน, และเครื่องลม
- ข้อดี:
- ช่วยให้เสียงเป็นธรรมชาติและคมชัด
- สามารถรับเสียงที่มีความละเอียดสูง
- เหมาะกับการใช้งานในสตูดิโอที่มีการควบคุมเสียงรบกวน
- ข้อเสีย:
- ความไวสูงอาจทำให้รับเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมได้ง่าย
- ไมค์ไดนามิก (Dynamic Microphone)
คุณสมบัติ: ไมค์ไดนามิกมักจะมีความทนทานสูงและเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการไมค์ที่ทนทานต่อเสียงแรงและไม่จำเป็นต้องมีความไวสูงมาก เช่น การบันทึกเสียงจากกลองหรือกีต้าร์ไฟฟ้า
การใช้งาน: ใช้ในการบันทึกเสียงเครื่องดนตรีที่เสียงมีความแรงหรือการแสดงสด เช่น กลอง, กีต้าร์ไฟฟ้า หรือเสียงเครื่องดนตรีที่มีการสั่นสะเทือนมาก
- ข้อดี:
- ทนทานและไม่เสียหายง่าย
- มีความสามารถในการรับเสียงที่มีแรงดันสูงได้ดี
- ราคาไม่แพงและใช้งานได้ง่าย
- ข้อเสีย:
- อาจไม่สามารถจับเสียงรายละเอียดหรือเสียงที่มีความละเอียดสูงได้เท่าไมค์คอนเดนเซอร์

- ไมค์ไฮบริด (Hybrid Microphone)
คุณสมบัติ: ไมค์ไฮบริดคือไมโครโฟนที่ผสมผสานคุณสมบัติของไมค์คอนเดนเซอร์และไมค์ไดนามิก โดยให้คุณสมบัติที่หลากหลาย สามารถใช้งานได้หลายประเภททั้งในสตูดิโอและการแสดงสด
การใช้งาน: เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การบันทึกเสียงเครื่องดนตรีที่ต้องการเสียงที่มีความละเอียดในบางช่วงและความทนทานในบางกรณี
- ข้อดี:
- สามารถใช้งานได้ในหลายสถานการณ์และกับเครื่องดนตรีหลากหลายประเภท
- มีคุณภาพเสียงที่ดีทั้งในสตูดิโอและในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน
- ข้อเสีย:
- อาจไม่เหมาะสำหรับการบันทึกเสียงเครื่องดนตรีที่ต้องการความละเอียดสูงสุด
- ไมค์ริบบอน (Ribbon Microphone)
คุณสมบัติ: ไมค์ริบบอนเป็นไมโครโฟนที่ใช้วัสดุริบบอนบางๆ ในการจับเสียง ทำให้เสียงที่ได้ออกมามีความเป็นธรรมชาติและอบอุ่น
การใช้งาน: มักจะใช้ในการบันทึกเสียงเครื่องดนตรีที่ต้องการเสียงที่อบอุ่นและนุ่มนวล เช่น กีต้าร์อะคูสติก หรือเครื่องลม
- ข้อดี:
- ให้เสียงที่อบอุ่นและนุ่มนวล
- เหมาะกับการบันทึกเสียงที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ
- ข้อเสีย:
- มีความทนทานต่ำและอาจเกิดความเสียหายได้ง่ายหากใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
ตารางไมค์จ่อเครื่องดนตรีตามประเภทของเครื่องดนตรี
ประเภทเครื่องดนตรี | ชนิดไมค์ที่แนะนำ | เหตุผล | ตำแหน่งการตั้งไมค์ |
---|---|---|---|
กีต้าร์อะคูสติก | ไมค์คอนเดนเซอร์ | จับรายละเอียดเสียงที่ละเอียดและอบอุ่น | วางไมค์ห่างจากกีต้าร์ 6-12 นิ้ว และตั้งไมค์ให้ตรงกับสะพานกีต้าร์หรือด้านข้างตัวเครื่อง |
กีต้าร์ไฟฟ้า | ไมค์ไดนามิก | ทนทานต่อเสียงดังและมีความดันสูง | ตั้งไมค์ใกล้ลำโพงแอมพลิฟายเออร์ (1-2 นิ้ว) |
กลอง | ไมค์ไดนามิก | ทนทานต่อเสียงที่มีความดันสูง | ตั้งไมค์ใกล้กับตัวกลองหรือที่เพลต (snare) หรือใช้ไมค์หลายตัวในการจับเสียงกลองชุด |
เครื่องลม (เช่น ทรัมเป็ต, ซอปราโนแซ็กโซโฟน) | ไมค์คอนเดนเซอร์ | จับรายละเอียดเสียงที่มีความละเอียดและเป็นธรรมชาติ | ตั้งไมค์ห่างจากปากเครื่องลมประมาณ 6-12 นิ้ว |
เปียโน | ไมค์คอนเดนเซอร์ | จับเสียงที่ละเอียดและสะท้อนก้อง | ใช้ไมค์ 2 ตัวในลักษณะสเตริโอหรือวางไมค์ที่บริเวณการเปิดของฝาปีกเปียโน |
ไวโอลิน | ไมค์คอนเดนเซอร์ | จับเสียงที่ละเอียดและอ่อนไหว | ตั้งไมค์ห่างจากตัวไวโอลินประมาณ 6-12 นิ้ว โดยตั้งไมค์ไปยังช่องเสียง |
เครื่องดนตรีสตริง (เช่น เชลโล, ฮาร์ป) | ไมค์คอนเดนเซอร์ | ให้เสียงที่ละเอียดและอบอุ่น | ตั้งไมค์ที่ข้างๆ ช่องเสียงของเครื่องดนตรี หรือส่วนท้ายของเชลโล |
บทส่งท้าย
การเลือกไมค์จ่อเครื่องดนตรีที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญในการบันทึกเสียงดนตรีให้มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกไมค์คอนเดนเซอร์ที่ให้รายละเอียดเสียงที่คมชัดและเป็นธรรมชาติ หรือไมค์ไดนามิกที่ทนทานและสามารถรับเสียงที่มีความดันสูงได้ดี การเลือกไมค์ที่เหมาะสมกับประเภทของเครื่องดนตรีและตำแหน่งการตั้งไมค์อย่างถูกต้องจะช่วยให้ได้เสียงที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะใช้ในการบันทึกในสตูดิโอหรือการแสดงสด หากกำลังมองหาไมค์อัดเสียงที่เหมาะสมกับการใช้งาน ลองอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือก ไมค์อัดเสียง รุ่นไหนดี