หากคุณกำลังจะเริ่มต้นหรืออัปเกรดเครื่องสำหรับเขียนโปรแกรม คำถามแรกที่มักจะเกิดขึ้นคือ MacBook Air หรือ MacBook Pro รุ่นไหนดีกว่ากัน? โดยเฉพาะในยุค Apple ที่ MacBook ทุกรุ่นต่างมีประสิทธิภาพเหลือล้น ทั้ง M2, M3 ไปจนถึง ชิปรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง M4 ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2025 ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดแข็งแตกต่างกันออกไป บทความนี้จะพาไปเจาะลึกข้อดีข้อเสียของแต่ละรุ่นในมุมมองของ "นักพัฒนา" อย่างแท้จริง พร้อมอัปเดตข้อมูลสำหรับ MacBook Air M4 รุ่นล่าสุดด้วย

บรรณาธิการ
Table of Contents
MacBook Air vs MacBook Pro เปรียบเทียบสำหรับนักเขียนโปรแกรม
1. ประสิทธิภาพ
รุ่น | ชิป | เหมาะกับงานประเภท |
---|---|---|
MacBook Air (M2) | M2 | Web development, Frontend, งานทั่วไป |
MacBook Air (M3) | M3 | Web, Mobile, Frontend ที่ต้องการประสิทธิภาพดีขึ้น |
MacBook Air (M4) | M4 | นักพัฒนาเว็บ, mobile, หรือ full-stack ที่ต้องการประสิทธิภาพดีเยี่ยม ในเครื่องที่ยังคงเบา บาง |
MacBook Pro 14" | M3 / M3 Pro | Full-stack, Backend, Docker, VM |
MacBook Pro 16" | M3 Max | AI/ML, Data engineering, DevOps |
MacBook Air M4 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักพัฒนาในปี 2025 เพราะประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจาก M3 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่อง efficiency cores และ Neural Engine ที่เหมาะกับงาน ML เบื้องต้น, การ build project ขนาดกลาง, หรือรันโปรแกรมหลายตัวพร้อมกัน
2. แบตเตอรี่
- MacBook Air (M2/M3/M4) ใช้งานจริงประมาณ 15–18 ชั่วโมง
- MacBook Pro 14"/16" อยู่ในช่วง 12–15 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับ workload)
MacBook Air ยังได้เปรียบเรื่องแบตเตอรี่ โดยเฉพาะ MacBook Air M4 ที่ Apple ปรับปรุงด้านพลังงานให้ดียิ่งขึ้นอีกขั้น ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งวันสบายๆ แม้เปิดโปรแกรมพัฒนาเว็บหรือรัน simulator บ้างเป็นครั้งคราว
3. น้ำหนักและการพกพา
รุ่น | น้ำหนัก |
---|---|
MacBook Air 13" (M2/M3/M4) | 1.24 กก. |
MacBook Air 15" (M2/M3/M4) | 1.51 กก. |
MacBook Pro 14" | 1.6 กก. |
MacBook Pro 16" | 2.2 กก. |
MacBook Air รุ่น M4 ยังคงน้ำหนักเบาเหมือนเดิม แต่ได้ประสิทธิภาพระดับใกล้เคียง MacBook Pro รุ่นเริ่มต้น เหมาะมากกับคนที่ต้องการสมดุลระหว่าง “แรง” กับ “เบา”
4. หน้าจอ
- MacBook Air Liquid Retina 13–15 นิ้ว, 500 nits

- MacBook Pro Liquid Retina XDR, สูงสุด 1000 nits, ProMotion 120Hz

MacBook Pro ให้คุณภาพหน้าจอที่เหนือกว่า เหมาะสำหรับคนที่ทำงานสายกราฟิก, video, หรือใช้จอความละเอียดสูงนานๆ
5. พอร์ตเชื่อมต่อ
- MacBook Air (M2/M3/M4): USB-C 2 ช่อง + MagSafe
- MacBook Pro: USB-C 3 ช่อง + HDMI + SD Card + MagSafe
ถ้ามี workflow ที่ต้องต่อหลายจอ ใช้การ์ด SD หรือ external drive บ่อยๆ MacBook Pro จะสะดวกกว่า ไม่ต้องพึ่ง dongle เพิ่ม
6. ราคาและความคุ้มค่า
รุ่น | ราคาโดยประมาณ (บาท) |
---|---|
MacBook Air M2 (8GB/256GB) | 39,900 |
MacBook Air M3 (8GB/256GB) | 45,900 |
MacBook Air M4 (8GB/256GB) | เริ่มต้น 49,900 (โดยประมาณ) |
MacBook Pro 14" M3 | 66,900 |
MacBook Pro 14" M3 Pro | 74,900 |
MacBook Pro 16" M3 Max | เริ่มต้น 110,000+ |
MacBook Air M4 คือรุ่นที่เหมาะกับ dev ที่ต้องการความแรงในเครื่องบางเบา ในราคาที่ไม่ถึง 50K เหมาะกับงาน dev ทุกระดับที่ไม่ใช้ workload หนักตลอดเวลา
ตารางเปรียบเทียบ MacBook Air กับ MacBook Pro สำหรับเขียนโปรแกรม
รายการ | MacBook Air (M2/M3/M4) | MacBook Pro (M3 / M3 Pro / M3 Max) |
---|---|---|
กลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะสม | นักศึกษา, Developer ทั่วไป, Freelance | Full-stack, Backend, DevOps, AI/ML |
ประสิทธิภาพ | ดีมาก (Air M4 เทียบเท่า M3 Pro ในบางงาน) | เหมาะกับงานหนัก เช่น Compile, ML, Docker |
ขนาดหน้าจอ | 13.6” หรือ 15.3” (Liquid Retina) | 14.2” หรือ 16.2” (XDR + ProMotion) |
ชิปประมวลผล | M2 / M3 / M4 | M3 / M3 Pro / M3 Max |
RAM สูงสุด | 24GB | สูงสุด 128GB |
ความจุสูงสุด | 2TB SSD | สูงสุด 8TB SSD |
พอร์ตเชื่อมต่อ | USB-C 2 ช่อง + MagSafe | USB-C 3 ช่อง + HDMI + SD Card + MagSafe |
แบตเตอรี่ | สูงสุด ~18 ชม. | ประมาณ 12–15 ชม. |
น้ำหนัก | 1.24–1.51 กก. | 1.6–2.2 กก. |
ระบบระบายความร้อน | ไม่มีพัดลม (passive cooling) | มีพัดลม (active cooling) |
ความเงียบ | เงียบ 100% | มีเสียงพัดลมเมื่อใช้งานหนัก |
ราคาโดยประมาณ | 39,900 – 49,900 บาท | 66,900 – 110,000+ บาท |
ข้อดีเด่น | เบา แบตอึด พกพาง่าย คุ้มราคา | แรงมาก หน้าจอเยี่ยม ทำงานพร้อมกันหลายอย่างได้ดี |
ข้อจำกัด | พอร์ตน้อย, ไม่เหมาะกับงานหนักต่อเนื่อง | ราคาเริ่มสูง, น้ำหนักมากกว่า |
สรุปเลือก MacBook Air หรือ MacBook Pro สำหรับเขียนโปรแกรม
หากคุณ... | ให้เลือก... | เหตุผล |
---|---|---|
เป็นนักเรียน / นักพัฒนาเริ่มต้น | MacBook Air (M2, M3 หรือ M4) | M4 เหมาะกับคนที่ต้องการประสิทธิภาพดีในราคาไม่สูง |
เป็น Freelance dev / ทำงาน Web, Mobile App | MacBook Air M4 (15") หรือ Pro 14" M3 | M4 ทำงานลื่นขึ้นชัดเจน จอใหญ่ ทำงานได้สบาย |
ทำ Full-stack, Backend, Docker/VMs | MacBook Pro 14" (M3 Pro) | รองรับการ multitask และโหลดงานหนักได้ต่อเนื่อง |
ทำ AI, ML, Data Science | MacBook Pro 14" หรือ 16" (M3 Pro/Max) | ต้องการ GPU แรง, RAM สูง, เร็วต่อการเทรนโมเดล |
พกไปทำงานนอกบ้านบ่อย | MacBook Air M4 13" | เบา, แบตทน, แรงพอสมควร ใช้งานได้เต็มวัน |
ทำงานบนหลายจอ / ใช้อุปกรณ์เสริมเยอะ | MacBook Pro ทุกรุ่น | มีพอร์ตเยอะ ไม่ต้องพึ่ง dongle เพิ่ม |
บทส่งท้าย
การเลือก MacBook สำหรับเขียนโปรแกรมไม่มีคำตอบเดียวที่เหมาะกับทุกคน เพราะขึ้นอยู่กับลักษณะงาน งบประมาณ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน หากเน้นพกพา ใช้งานทั่วไป เช่น เขียนเว็บ ทำแอป หรือเรียนเขียนโค้ด MacBook Air คือทางเลือกที่ลงตัว ทั้งในเรื่องน้ำหนัก ราคา และแบตเตอรี่ แต่ถ้างานของคุณต้องการพลังในการ compile, build, ทำงานกับหลาย container พร้อมกัน หรือเน้นประสิทธิภาพระยะยาว MacBook Pro จะให้ประสบการณ์การทำงานที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน สุดท้าย การเลือกโน๊ตบุ๊คที่เหมาะกับงานเขียนโปรแกรม ไม่ได้จำกัดแค่ Mac เท่านั้น หากยังเปิดกว้างกับตัวเลือกอื่น หรืออยากเปรียบเทียบหลายรุ่นในงบประมาณที่หลากหลาย อ่านต่อได้ที่นี่ โน๊ตบุ๊คสําหรับเขียนโปรแกรม รุ่นไหนดี