อุปกรณ์สำหรับการอ่านอย่าง E-reader และ Tablet กลายเป็นตัวเลือกยอดฮิตของคนรักการอ่าน แต่หลายคนยังสับสนว่าจะเลือกแบบไหนดี เพราะแม้จะทำหน้าที่คล้ายกัน แต่ทั้งสองมีข้อแตกต่างด้านเทคโนโลยี การใช้งาน และประสบการณ์การอ่านที่ไม่เหมือนกันเลย บทความนี้จะช่วยเจาะลึกจุดเด่น จุดด้อย และไกด์ไลน์การเลือกอุปกรณ์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์

บรรณาธิการ
Table of Contents
ความแตกต่างหลักระหว่าง E-reader และ Tablet
- เทคโนโลยีหน้าจอ
- E-reader ใช้จอ E Ink ให้ความรู้สึกเหมือนกระดาษจริง ไม่มีแสงสะท้อน อ่านกลางแดดได้ และไม่ปล่อยแสงสีฟ้าที่ทำให้ล้าตา
- Tablet ใช้จอ LCD หรือ OLED สีสันสด คมชัด เหมาะสำหรับดูหนังและเล่นเกม แต่แสงหน้าจออาจทำให้ปวดตาเมื่ออ่านนานๆ
- ประสบการณ์การอ่าน
- E-reader ถูกออกแบบมาเพื่อการอ่านโดยเฉพาะ จึงเหมาะกับการอ่านนานๆ มีฟังก์ชันอย่างการไฮไลต์ข้อความ จดโน้ต หรือโหมดปรับแสงอ่านกลางคืน
- Tablet แม้จะโหลดแอปอ่าน e-book ได้ แต่ไม่เหมาะกับการอ่านต่อเนื่องหลายชั่วโมง เพราะแสงจากหน้าจอ LCD/OLED อาจรบกวนสายตา
- ฟังก์ชันและการใช้งาน
- E-reader เน้นการอ่าน e-book, ไฟล์ PDF และบางรุ่นรองรับ audiobook แต่ไม่สามารถเล่นวิดีโอหรือเกมได้
- Tablet เป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ ใช้ได้ทั้งอ่านหนังสือ ท่องเว็บ เล่นเกม วาดภาพ หรือทำงานด้านมัลติมีเดีย

- อายุการใช้งานแบตเตอรี่
- E-reader ประหยัดพลังงานมาก ใช้งานได้เป็น สัปดาห์หรือเดือน ต่อการชาร์จครั้งเดียว
- Tablet ใช้พลังงานสูงกว่า โดยปกติอยู่ได้ 8–12 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
- น้ำหนักและความพกพา
- E-reader เบามาก (ประมาณ 200–300 กรัม) ถืออ่านมือเดียวได้สบาย และพกใส่กระเป๋าเล็กได้ง่าย
- Tablet หนักกว่า โดยเฉพาะรุ่นหน้าจอใหญ่ การถืออ่านนานๆ อาจเมื่อยมือ
- ราคาและความคุ้มค่า
- E-reader ราคาเริ่มต้นราว 3,000 – 8,000 บาท เน้นความคุ้มสำหรับนักอ่าน
- Tablet ราคาเริ่มที่ประมาณ 5,000 บาท ไปจนถึงรุ่นพรีเมียมเกิน 30,000 บาท
ตารางเปรียบเทียบ E-reader กับ Tablet
หัวข้อ | E-reader | Tablet |
---|---|---|
เทคโนโลยีหน้าจอ | จอ E Ink ให้ความรู้สึกเหมือนกระดาษจริง ไม่มีแสงสะท้อน | จอ LCD หรือ OLED สีสันสด เหมาะกับดูวิดีโอและงานมัลติมีเดีย |
การล้าตา | แทบไม่มีอาการล้าตาแม้อ่านนานๆ เพราะไม่มีแสงสีฟ้า | อาจล้าตาหรือปวดตาหลังอ่านต่อเนื่องนานๆ |
ประสบการณ์การอ่าน | ออกแบบมาเพื่อการอ่านโดยเฉพาะ มีโหมดปรับแสงอ่านกลางคืน | อ่านได้ แต่ไม่สบายตาเมื่ออ่านหลายชั่วโมง |
ฟังก์ชันการใช้งาน | อ่าน e-book, ไฮไลต์ข้อความ, จดโน้ต, บางรุ่นรองรับ Audiobook | ใช้งานได้อเนกประสงค์ เช่น ดูหนัง เล่นเกม ทำงาน วาดภาพ |
แบตเตอรี่ | ประหยัดพลังงานมาก ใช้งานได้หลาย สัปดาห์/เดือน ต่อการชาร์จ | ใช้งานได้ 8–12 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ ขึ้นกับการใช้งาน |
น้ำหนัก | เบามาก (200–300 กรัม) พกสะดวก ใช้มือเดียวอ่านได้ | หนักกว่า (400 กรัมขึ้นไป) ถืออ่านนานๆ อาจเมื่อยมือ |
การอ่านกลางแดด | อ่านได้ชัด ไม่สะท้อนแสง | จอสะท้อนแสงมาก ทำให้มองยากกลางแดด |
ราคา | ราคากลาง-คุ้มค่า (เริ่มต้น 3,000–8,000 บาท) | ราคาหลากหลาย บางรุ่นแพงกว่า (5,000–30,000+ บาท) |
ความบันเทิงอื่นๆ | จำกัดการใช้งาน เน้นการอ่านเท่านั้น | รองรับวิดีโอ เพลง เกม และแอปพลิเคชันอื่นๆ |
ความจุ | ส่วนใหญ่ 8GB–32GB เพียงพอสำหรับ e-book หลายพันเล่ม | ความจุหลากหลาย ตั้งแต่ 32GB–1TB รองรับไฟล์ใหญ่ๆ |
สรุปเลือก E-reader หรือ Tablet ดี?
เลือก E-reader ถ้า…
- อ่าน e-book หรือไฟล์ PDF เป็นหลัก และอ่านนานๆ
- ต้องการอุปกรณ์ที่ ไม่ล้าตา และ ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านหนังสือจริง
- อยากได้ แบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานหลายสัปดาห์ โดยไม่ต้องชาร์จบ่อย
- ชอบอุปกรณ์ที่ เบา พกง่าย และไม่มีสิ่งรบกวนสมาธิ
E-reader เหมาะกับนักอ่านตัวจริง ที่อ่านเป็นงานอดิเรกหลักหรือใช้เวลาอ่านต่อเนื่องหลายชั่วโมง
เลือก Tablet ถ้า…
- อยากได้อุปกรณ์ สารพัดประโยชน์ ทั้งอ่านหนังสือ ดูหนัง เล่นเกม และทำงาน
- ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่อง ล้าตา และอ่านหนังสือในช่วงเวลาสั้นๆ
- ต้องการแอปหลากหลายและการใช้งานมากกว่าแค่การอ่าน
Tablet เหมาะกับคนที่อยากได้อุปกรณ์ครบจบในเครื่องเดียว
บทส่งท้าย
สุดท้ายแล้ว การเลือก E-reader หรือ Tablet ขึ้นอยู่กับความต้องการและพฤติกรรมการใช้งานของคุณ ถ้าคุณต้องการอุปกรณ์สำหรับ การอ่าน e-book แบบจริงจัง สบายตา และแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานหลายสัปดาห์ การเลือก E-reader จะคุ้มค่าที่สุด แต่ถ้าคุณต้องการอุปกรณ์ที่ ทำได้หลายอย่าง ทั้งอ่านหนังสือ เล่นเกม ท่องเว็บ และความบันเทิงเต็มรูปแบบ Tablet จะตอบโจทย์มากกว่า สำหรับคนที่สนใจ เลือกซื้อ E-reader รุ่นไหนดี ลองอ่านบทความ e-reader ยี่ห้อไหนดี