หูฟังครอบหู หรือ Over-Ear Headphones ยังคงเป็นไอเท็มโปรดของคนรักเสียงเพลง แม้ในยุคที่หูฟังไร้สายขนาดจิ๋วจะฮิตติดเทรนด์ แต่สำหรับใครที่อยากได้ “พลังเสียงเต็มอิ่ม ความสบายในการสวมใส่ และดีไซน์ที่มีสไตล์” หูฟังครอบหูยังคงตอบโจทย์ที่สุด ที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเสมอไป งบไม่เกิน 3,000 บาทมีตัวเลือกน่าสนใจมากมาย ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ฟีเจอร์จัดเต็มเหมือนรุ่นพรีเมียม บทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกแนะนำรุ่นยอดนิยม พร้อมเทียบฟังก์ชันการใช้งาน เหมาะสำหรับทั้งฟังเพลง ทำงาน หรือเล่นเกม
บรรณาธิการ
Table of Contents
ทำไมต้องเลือก หูฟังครอบหู ในงบ 3,000 บาท
1. คุณภาพเสียงที่เหนือกว่าในงบเดียวกัน หูฟังครอบหูมีจุดเด่นที่ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ จึงสามารถถ่ายทอดรายละเอียดเสียงทั้งเบส กลาง แหลมได้ครบถ้วน ให้เวทีเสียงกว้างกว่าอินเอียร์หรือเอียร์บัดในงบเดียวกัน ไม่ว่าจะฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกม ก็ได้อรรถรสที่สมจริงยิ่งขึ้น
2. ใส่สบายแม้ใช้งานนาน การออกแบบครอบหู (Over-Ear) ช่วยลดแรงกดที่ใบหู วัสดุส่วนใหญ่จะใช้ฟองน้ำและหนังเทียมนุ่มพิเศษ น้ำหนักเบา สวมใส่ได้นานโดยไม่เจ็บหู เหมาะสำหรับคนที่ต้องฟังเพลงระหว่างทำงานหรือนั่งเครื่องบินนานๆ
3. ตัดเสียงรบกวนได้ดี (Passive Noise Isolation) แม้จะไม่ได้มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancelling (ANC) ในรุ่นราคานี้ แต่ดีไซน์ครอบหูสามารถช่วยกั้นเสียงภายนอกได้ดีในระดับหนึ่ง ช่วยให้โฟกัสกับเสียงที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
4. คุ้มค่าฟีเจอร์ในงบ 3,000 บาท หูฟังครอบหูในช่วงราคานี้ ส่วนใหญ่จะให้ฟีเจอร์มาเยอะกว่าหูฟังอินเอียร์ ทำให้ งบ 3,000 กลายเป็น Sweet Spot สำหรับคนที่อยากได้คุณภาพเสียงและวัสดุในระดับที่ใช้งานจริงจังได้ เช่น
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า (รุ่นไร้สาย)
- มีไมโครโฟนในตัว
- บางรุ่นสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย
- งานประกอบแน่น วัสดุเกรดดี
5. ดีไซน์/ภาพลักษณ์เหนือกว่า หูฟังครอบหูยังคงให้ภาพลักษณ์ที่ดูจริงจัง สายโปรดักชัน หรือสายฟังเพลงแบบตั้งใจ เหมาะกับทั้งใช้งานในบ้านและนอกสถานที่ เพิ่มความโดดเด่นให้กับสไตล์ของคุณ
ข้อดี-ข้อเสีย หูฟังครอบหู ราคาไม่เกิน 3,000 บาท
ข้อดี ของหูฟังครอบหูในงบไม่เกิน 3,000 บาท
- คุณภาพเสียงที่คุ้มค่า แม้ราคาไม่สูง แต่ได้ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ ให้เสียงเบสแน่น รายละเอียดครบ และเวทีเสียงกว้างกว่าอินเอียร์ในงบเดียวกัน
- สวมใส่สบาย ใส่ได้นาน ฟองน้ำครอบหูนุ่ม ลดแรงกด ไม่บีบหู ใช้ฟังเพลงนานๆ หรือทำงานต่อเนื่องก็ยังไม่อึดอัด
- วัสดุดูดี งานประกอบแข็งแรง รุ่นใหม่ๆ ในปี 2025 ใช้วัสดุเกรดดีมากขึ้น เช่น หนังเทียมหรือฟองน้ำคุณภาพสูง งานประกอบแน่น ไม่ก๊องแก๊งเหมือนหูฟังราคาถูกในอดีต
- ฟีเจอร์เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป
- มีทั้งรุ่นมีสายและไร้สาย (Bluetooth)
- บางรุ่นรองรับไมค์ในตัว, พับเก็บได้, เชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน (30-90 ชม.)
- เหมาะสำหรับหลากหลายไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ทั้งฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม ประชุมออนไลน์ หรือใช้ในงานตัดต่อเสียงเบื้องต้น
ข้อเสีย ของหูฟังครอบหูในงบไม่เกิน 3,000 บาท
- คุณภาพเสียงยังไม่ถึงระดับ Audiophile หรือ Studio Pro รายละเอียดเสียงจะดีขึ้นมากเมื่อขยับงบไปที่ 5,000-10,000 บาทขึ้นไป รุ่นไม่เกิน 3,000 จะให้เบสและความกว้างเวทีเสียงดี แต่ความโปร่ง รายละเอียด หรือบาลานซ์อาจยังไม่สุด
- ฟีเจอร์พรีเมียมอาจขาดไป
- หูฟังระดับนี้มักไม่มี Active Noise Cancelling (ANC) หรือถ้ามี ประสิทธิภาพจะยังสู้รุ่นแพงกว่าไม่ได้
- ไม่มีเซ็นเซอร์หยุดเพลงอัตโนมัติ, ไม่มีระบบเสียงรอบทิศทาง หรือแอปปรับ EQ ขั้นสูง
- งานประกอบหรือวัสดุรองบางจุดอาจลดต้นทุน บางรุ่นแม้ภายนอกดูดี แต่พลาสติกหรือส่วนพับอาจไม่ทนทานเท่ารุ่นระดับสูง แนะนำให้ดูรีวิวจริงหรือจับสินค้าก่อนถ้าทำได้
- ขนาดใหญ่ พกพาอาจไม่คล่องตัวเท่าหูฟังเล็ก ถ้าเน้นพกไปนอกบ้าน หรือต้องการความคล่องตัวสูง อาจรู้สึกเทอะทะเมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายแบบ Earbuds
- ไมค์และการตัดเสียงไมค์ยังไม่เทพสำหรับสายประชุมออนไลน์จริงจัง ไมโครโฟนในรุ่นราคานี้ใช้งานได้ระดับพื้นฐาน เสียงชัดแต่ถ้าเทียบกับหูฟัง Call Center หรือ Conference ระดับโปรอาจยังไม่สุด
7 อันดับ หูฟังครอบหู ราคาไม่เกิน 3,000 บาท อัปเดตล่าสุด
- JBL Tune 720BT
ประเภท: หูฟังไร้สาย Bluetooth 5.3
จุดเด่น:
- ระบบเสียง JBL Pure Bass ให้เบสแน่น เสียงแนวสนุก
- น้ำหนักเบา ใส่สบาย
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 76 ชั่วโมง (โหมดปกติ), ชาร์จไว 5 นาที ฟังได้ 3 ชั่วโมง
- รองรับเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ (Multi-Point Connection)
- มีไมค์ในตัว เหมาะสำหรับประชุมออนไลน์
จุดด้อย:
- ไม่มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancelling (ANC)
- วัสดุบางจุดยังเป็นพลาสติก
เหมาะกับ:
- คนที่ต้องการหูฟังฟังเพลง ดูหนังทั่วไป ใช้งานได้ทั้งที่บ้านและนอกสถานที่
- คนที่ต้องเดินทางและต้องการแบตฯอึด
- Audio-Technica ATH-M20xBT
ประเภท: หูฟังไร้สาย Bluetooth 5.0
จุดเด่น:
- เสียงบาลานซ์ โปร่ง รายละเอียดครบ เหมาะกับฟังเพลงหลายแนว
- ไดรเวอร์ 40 มม. ต้นแบบเดียวกับรุ่น Studio Monitor
- งานประกอบแข็งแรง วัสดุทนทาน
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 60 ชั่วโมง
- รองรับการใช้งานแบบมีสายผ่านแจ็ค 3.5 มม.
จุดด้อย:
- ไม่มี ANC
- ดีไซน์อาจดูเป็นมืออาชีพ ไม่เน้นแฟชั่น
เหมาะกับ:
- คนที่ต้องการหูฟังคุณภาพเสียงดีสำหรับงานอัดเสียง ตัดต่อ หรือฟังเพลงจริงจัง
- ผู้ที่ใช้หูฟังหลายอุปกรณ์ (มีทั้ง Bluetooth/สาย)
- Soundcore Space One
ประเภท: หูฟังไร้สายไร้สาย Bluetooth 5.3 + Active Noise Cancelling
จุดเด่น:
- รองรับ LDAC (Hi-Res Audio)
- ตัดเสียงรบกวน ANC ดีมากเกินราคา
- แบตเตอรี่ใช้งานสูงสุด 55 ชั่วโมง (โหมดธรรมดา) / 40 ชั่วโมง (โหมด ANC)
- สามารถปรับ EQ ผ่านแอป Soundcore ได้
- สวมใส่สบาย หูฟองน้ำใหญ่
จุดด้อย:
- ดีไซน์จะใหญ่หน่อย พกพาอาจไม่คล่องที่สุด
- น้ำหนักมากกว่ารุ่นไม่มี ANC เล็กน้อย
เหมาะกับ:
- คนที่เดินทางบ่อย ทำงานในที่เสียงดัง ต้องการตัดเสียงรบกวน
- สายฟังเพลงคุณภาพสูง
- JBL Tune 520BT
ประเภท: หูฟังไร้สาย Bluetooth 5.3
จุดเด่น:
- เบสแน่นจุใจ เสียงชัด
- น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด
- แบตเตอรี่อึดสูงสุด 57 ชั่วโมง
- มีไมค์ในตัว และรองรับ Voice Assistant
จุดด้อย:
- ไม่รองรับ ANC
- วัสดุเน้นพลาสติก เหมาะกับใช้งานทั่วไป
เหมาะกับ:
- นักเรียน นักศึกษา ใช้ฟังเพลง เล่นเกม ดูหนังในชีวิตประจำวัน
- คนชอบหูฟังน้ำหนักเบา
- 1More Sonoflow Pro HQ51
ประเภท: หูฟังไร้สายไร้สาย + Active Noise Cancelling
จุดเด่น:
- ฟีเจอร์ ANC เงียบใช้ได้จริง
- แบตเตอรี่ใช้งานสูงสุด 100 ชั่วโมง (ปิด ANC) / 65 ชั่วโมง (เปิด ANC)
- ไดรเวอร์ 40 มม. ให้เสียงครบทุกย่าน
- มีแอปปรับเสียง ปรับ EQ และฟีเจอร์ใหม่ๆ รองรับ Multi-Point
- ดีไซน์ทันสมัย ฟองน้ำหนานุ่ม
จุดด้อย:
- ดีไซน์บางคนอาจว่าเรียบเกิน
- คุณภาพ ANC เป็นรองรุ่นหลักๆ ของ Sony/Bose แต่เทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มมาก
เหมาะกับ:
- คนที่ต้องการหูฟังฟีเจอร์ครบ ฟังเพลง+ตัดเสียง
- สายเดินทาง นักเรียน/คนทำงานในออฟฟิศ
- Sony MDR-ZX310AP
ประเภท: หูฟังมีสาย
จุดเด่น:
- น้ำหนักเบามาก พกพาง่าย
- เสียงใส เคลียร์ เหมาะดูหนัง ฟังเพลงทั่วไป
- ราคาประหยัด หาซื้อได้ง่าย
- สายแบบ Flat Cable ลดปัญหาสายพันกัน
จุดด้อย:
- วัสดุเป็นพลาสติก น้ำหนักเบาอาจไม่แข็งแรงเท่ารุ่นแพง
- เสียงเบสอาจไม่หนักแน่นเท่ารุ่นไดรเวอร์ใหญ่กว่า
เหมาะกับ:
- ผู้ที่ต้องการหูฟังฟังเพลง/ดูหนัง ในราคาสบายกระเป๋า
- ใช้งานกับมือถือ แท็บเล็ตทั่วไป
- OneOdio Pro-50 (หรือ Pro-10)
ประเภท: หูฟังมีสาย
จุดเด่น:
- ไดรเวอร์ขนาด 50 มม. เสียงเบสแน่น เสียงกลางชัด
- สายถอดเปลี่ยนได้ ใช้งานกับทั้ง DJ, งาน Studio, หรือฟังเพลงทั่วๆไป
- มีพอร์ตให้เลือกทั้ง 3.5 และ 6.3 มม.
- งานประกอบแข็งแรงกว่ารุ่นราคาใกล้เคียง
จุดด้อย:
- ดีไซน์ใหญ่ อาจไม่เหมาะกับการพกพา
- ไม่มีฟีเจอร์ไร้สาย/ไมค์ในตัว
เหมาะกับ:
- ดีเจ นักดนตรี มือใหม่สายตัดต่อเสียง
- คนที่ชอบฟังเพลงกับเครื่องเสียงบ้าน/PC
ตารางเปรียบเทียบ 7 หูฟังครอบหู ราคาไม่เกิน 3,000 บาท
| รุ่น | รูปแบบ | ไร้สาย/มีสาย | ANC | แบตสูงสุด | จุดเด่น | เหมาะกับใคร |
| JBL Tune 720BT | Over-Ear | ไร้สาย | ไม่มี | 76 ชม. | เบสแน่น, น้ำหนักเบา | ฟังเพลง ดูหนัง ใช้งานทั่วไป |
| ATH-M20xBT | Over-Ear | ไร้สาย+สาย | ไม่มี | 60 ชม. | เสียงบาลานซ์ งานโปร | ทำเพลง/ฟังจริงจัง |
| Soundcore Space One | Over-Ear | ไร้สาย | มี | 55 ชม. | ตัดเสียงรบกวน, LDAC | เดินทาง, สายเสียงคุณภาพ |
| JBL Tune 520BT | Over-Ear | ไร้สาย | ไม่มี | 57 ชม. | เบสแน่น, น้ำหนักเบา | นักเรียน/ฟังเพลงทั่วไป |
| 1More Sonoflow Pro | Over-Ear | ไร้สาย | มี | 100 ชม. | ANC ดี ฟีเจอร์ครบ | คนเดินทาง/ออฟฟิศ |
| Sony MDR-ZX310AP | On-Ear | มีสาย | ไม่มี | - | เบา พกง่าย | ฟังเพลง ดูหนัง มือถือ |
| OneOdio Pro-50 | Over-Ear | มีสาย | ไม่มี | - | เสียงเบสจัด, ไดรเวอร์ใหญ่ | ดีเจ/งานเสียง/ฟังเพลงบ้าน |
บทส่งท้าย
การเลือก หูฟังครอบหูราคาไม่เกิน 3,000 บาท ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะตอนนี้มีตัวเลือกดีๆ ให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ฟีเจอร์ทันสมัย งานประกอบแข็งแรง และคุณภาพเสียงเกินราคา ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่เน้นฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม หรือใช้ทำงาน ก็มีรุ่นที่ตอบโจทย์ในงบประมาณนี้แน่นอน หากต้องเลือกหูฟังครอบหูให้เหมาะกับสไตล์การใช้งานของคุณ หรืออยากรู้จักรุ่นยอดนิยม สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หูฟังครอบหู ยี่ห้อไหนดี