การเป็นพ่อแม่มือใหม่นั้นเต็มไปด้วยความสุขและความกังวล โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ลูกน้อยหลับหรืออยู่นอกสายตา กล้องดูลูก (Baby Monitor Camera) จึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเฝ้าดูเจ้าตัวเล็กได้อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะกำลังทำอะไรอยู่ในอีกห้องหนึ่ง หรือแม้กระทั่งเวลาที่ต้องทำงานบ้าน บทความนี้จะช่วยแนะนำวิธีการเลือกกล้องดูลูกที่ดีที่สุด พร้อมฟีเจอร์เด่นๆ และยี่ห้อที่ได้รับความนิยม เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและสบายใจยิ่งขึ้น

บรรณาธิการ
Table of Contents
ทำไมต้องมีกล้องดูลูก?
- ความปลอดภัยของลูกน้อย เฝ้าระวังตลอดเวลา กล้องดูลูกช่วยให้คุณสามารถสังเกตการณ์ลูกน้อยได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ในขณะที่คุณไม่ได้อยู่ในห้องเดียวกับลูก เช่น กำลังทำอาหาร ทำงานบ้าน หรือพักผ่อนอยู่ในอีกห้องหนึ่ง ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน หากลูกน้อยตื่นขึ้นมา ร้องไห้ ปีนเปล หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอื่น ๆ คุณจะสามารถรับรู้และเข้าไปดูแลได้ทันท่วงที ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ได้
- ความสบายใจและลดความกังวลของพ่อแม่ ลดความวิตกกังวล การเป็นพ่อแม่มือใหม่มักจะมาพร้อมกับความกังวลมากมาย โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของลูก กล้องดูลูกช่วยให้คุณคลายความกังวลลงได้มาก เพราะคุณสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาว่าลูกปลอดภัยดี มีเวลาส่วนตัว เมื่อคุณรู้ว่าสามารถดูลูกได้ผ่านกล้อง คุณก็จะสามารถมีเวลาทำกิจกรรมส่วนตัวอื่น ๆ ได้อย่างสบายใจมากขึ้น ไม่ต้องคอยวิ่งไปดูที่ห้องลูกบ่อย ๆ
- การสังเกตพฤติกรรมและการพัฒนาการ รูปแบบการนอนหลับ ช่วยให้คุณสังเกตพฤติกรรมการนอนหลับของลูกน้อยได้ เช่น ลูกหลับลึกแค่ไหน ตื่นบ่อยหรือไม่ หรือมีท่าทางการนอนที่ผิดปกติหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการปรับตารางการนอน การเรียนรู้พฤติกรรม คุณอาจได้เห็นช่วงเวลาที่ลูกเล่นคนเดียว คลาน หรือพยายามลุกขึ้นยืนเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น่ารักและสำคัญในการพัฒนาการของลูก
- การสื่อสารและการสร้างความผูกพัน ระบบเสียงสองทาง กล้องดูลูกหลายรุ่นมีฟังก์ชันเสียงสองทาง ทำให้คุณสามารถพูดคุยหรือร้องเพลงกล่อมลูกผ่านกล้องได้แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งช่วยให้ลูกรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้ยินเสียงคุณ ตอบสนองได้รวดเร็ว เมื่อลูกร้องไห้ คุณสามารถพูดคุยกับลูกผ่านกล้องได้ทันทีเพื่อปลอบโยน หรือบอกว่าคุณกำลังจะไปหา ซึ่งช่วยให้ลูกไม่รู้สึกโดดเดี่ยวนานเกินไป
- การแจ้งเตือนอัจฉริยะ ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเสียง กล้องดูลูกสมัยใหม่มักมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเสียง หากลูกตื่นหรือมีเสียงดังผิดปกติ กล้องจะส่งการแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟนของคุณทันที แจ้งเตือนอุณหภูมิห้อง บางรุ่นมีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิห้อง ซึ่งสำคัญมากในการรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อย หากอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป กล้องจะแจ้งเตือนให้คุณทราบ
- บันทึกความทรงจำ กล้องดูลูกบางรุ่นสามารถบันทึกวิดีโอได้ ทำให้คุณสามารถเก็บภาพความทรงจำที่น่ารักของลูกน้อยได้ เช่น ลูกหัวเราะคิกคักในเปล หรือช่วงเวลาที่ลูกนอนหลับอย่างน่าเอ็นดู

ฟีเจอร์สำคัญที่กล้องดูลูกควรมี
- การมองเห็นในที่มืด เป็นฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะลูกน้อยส่วนใหญ่มักจะหลับในเวลากลางคืนหรือในห้องที่มืด การมองเห็นในที่มืดจะช่วยให้คุณสามารถเห็นภาพลูกได้อย่างชัดเจนแม้ในสภาพแสงน้อยหรือมืดสนิท ส่วนใหญ่จะใช้เทคโนโลยีอินฟราเรด (Infrared) ทำให้ภาพที่เห็นเป็นขาวดำ แต่ชัดเจนเพียงพอที่จะสังเกตการณ์ลูกได้
- ระบบเสียงสองทาง ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับลูกน้อยได้จากระยะไกล คุณสามารถพูดคุย ปลอบโยน หรือร้องเพลงกล่อมลูกผ่านไมโครโฟนบนสมาร์ทโฟนหรือจอแสดงผล และลูกน้อยก็จะสามารถได้ยินเสียงของคุณผ่านลำโพงของกล้อง ช่วยให้ลูกรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้ยินเสียงพ่อแม่ และคุณสามารถตอบสนองต่อการร้องไห้หรือเสียงของลูกได้ทันที
- เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเสียง กล้องจะส่งการแจ้งเตือน (Notification) ไปยังสมาร์ทโฟนของคุณทันทีเมื่อตรวจพบการเคลื่อนไหวหรือเสียงผิดปกติ เช่น ลูกตื่น ร้องไห้ หรือพลิกตัว คุณไม่จำเป็นต้องเฝ้าดูหน้าจอตลอดเวลา กล้องจะแจ้งเตือนคุณเมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้น ทำให้คุณสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
- การแจ้งเตือนอุณหภูมิห้อง อุณหภูมิห้องที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพและการนอนหลับของทารก กล้องที่มีฟีเจอร์นี้จะช่วยแจ้งเตือนหากอุณหภูมิในห้องลูกสูงหรือต่ำเกินไปจากค่าที่คุณตั้งไว้ ช่วยให้คุณรักษาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อยได้ตลอดเวลา
- การเชื่อมต่อที่เสถียรและปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือการเชื่อมต่อแบบเฉพาะ (FHSS/DECT) ความเสถียรของสัญญาณเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับภาพและเสียงที่ต่อเนื่อง ไม่สะดุด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อมีความปลอดภัยเพื่อป้องกันการถูกแฮกหรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต (โดยเฉพาะกล้องที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต)
- การเข้าถึงผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ กล้อง Wi-Fi ส่วนใหญ่มาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับสมาร์ทโฟน ช่วยให้คุณสามารถดูภาพสด บันทึกวิดีโอ หรือควบคุมฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ทำงาน ช้อปปิ้ง หรือกำลังทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็สามารถเช็คลูกได้
- ความคมชัดของภาพ เลือกกล้องที่มีความคมชัดระดับ HD (720p หรือ 1080p) เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนและสามารถมองเห็นรายละเอียดของลูกน้อยได้อย่างชัดเจน ภาพที่คมชัดจะช่วยให้คุณสังเกตพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลูกได้ดีขึ้น
- การควบคุมการแพน/เอียง/ซูม กล้องบางรุ่นสามารถควบคุมการหมุน (Pan) การเอียง (Tilt) ของเลนส์ และการซูม (Zoom) ได้จากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันหรือจอแสดงผล ช่วยให้คุณมองเห็นพื้นที่ในห้องได้กว้างขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และสามารถซูมดูรายละเอียดของลูกน้อยได้ใกล้ขึ้นโดยไม่ต้องเข้าไปในห้อง
- การเล่นเพลงกล่อมเด็กและแสงไฟ ฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลายและหลับง่ายขึ้น กล้องบางรุ่นมีเพลงกล่อมเด็กในตัว หรือมีแสงไฟอ่อน ๆ ที่ช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัยในที่มืด ลดความจำเป็นในการซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน หากเลือกกล้องที่มีจอแสดงผลเฉพาะ ควรตรวจสอบระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของจอ เพื่อให้สามารถพกพาไปใช้งานในบ้านได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลา
- การติดตั้งและการใช้งานง่าย ควรเลือกกล้องที่ติดตั้งได้ไม่ยุ่งยาก และมีอินเทอร์เฟซการใช้งานบนแอปพลิเคชันหรือจอแสดงผลที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการเริ่มต้นใช้งาน
ประเภทของกล้องดูลูก
- กล้องดูลูกแบบใช้จอแสดงผลเฉพาะ (Dedicated Baby Monitor / Digital Baby Monitor)
- ลักษณะการทำงาน กล้องประเภทนี้จะมาพร้อมกับจอแสดงผล (Parent Unit) โดยเฉพาะ ซึ่งเชื่อมต่อกับตัวกล้อง (Baby Unit) โดยตรงผ่านสัญญาณวิทยุดิจิทัล (เช่น FHSS - Frequency Hopping Spread Spectrum หรือ DECT - Digital Enhanced Cordless Telecommunications) ไม่ได้เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ต
- ข้อดี
- ความเสถียรของสัญญาณ มักจะมีการเชื่อมต่อที่เสถียรและเชื่อถือได้สูงกว่า เพราะใช้คลื่นความถี่เฉพาะ ไม่ต้องแข่งขันกับอุปกรณ์ Wi-Fi อื่นๆ ในบ้าน
- ความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่าในการถูกแฮกข้อมูล
- ใช้งานง่าย มักจะมีปุ่มควบคุมที่เข้าใจง่าย และไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน
- ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน จอแสดงผลมีแบตเตอรี่ในตัวและสามารถใช้งานได้นานกว่า
- ไม่มีการรบกวนจากแอปพลิเคชันอื่น คุณสามารถเปิดจอทิ้งไว้ได้ตลอดโดยไม่มีการแจ้งเตือนจากแอปอื่นมารบกวน
- ข้อจำกัด
- ระยะการใช้งานจำกัด สัญญาณจะครอบคลุมได้ในระยะที่จำกัด ขึ้นอยู่กับสิ่งกีดขวางและรุ่นของกล้อง
- ไม่สามารถดูได้จากนอกบ้าน คุณจะต้องอยู่ในระยะสัญญาณของกล้องเท่านั้น
- ฟีเจอร์อาจไม่หลากหลายเท่า บางรุ่นอาจมีฟีเจอร์อัจฉริยะน้อยกว่ากล้อง Wi-Fi
- กล้องดูลูกแบบ Wi-Fi (Wi-Fi Baby Monitor / Smart Baby Monitor)
- ลักษณะการทำงาน กล้องประเภทนี้จะเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ภายในบ้านของคุณ และคุณสามารถดูภาพสดจากกล้องผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของคุณได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต
- ข้อดี
- ดูได้จากทุกที่: สามารถดูภาพลูกน้อยได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตราบใดที่มีอินเทอร์เน็ต
- ฟีเจอร์หลากหลาย: มักจะมาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย เช่น การตรวจจับการเคลื่อนไหว/เสียง การแจ้งเตือนอุณหภูมิ การควบคุม PTZ การบันทึกวิดีโอ การเล่นเพลงกล่อมเด็ก
- ภาพคมชัดสูง: หลายรุ่นมีความละเอียดของภาพสูง (HD 720p หรือ Full HD 1080p)
- ใช้สมาร์ทโฟนที่มีอยู่แล้ว: ไม่ต้องซื้อจอแสดงผลเพิ่มเติม
- ข้อจำกัด
- ความเสถียรขึ้นอยู่กับ Wi-Fi หากสัญญาณ Wi-Fi ไม่ดี หรือมีอุปกรณ์เชื่อมต่อจำนวนมาก อาจทำให้สัญญาณสะดุด
- ความปลอดภัยของข้อมูล จำเป็นต้องมีการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันการถูกแฮก
- กินแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน การเปิดแอปดูภาพสดเป็นเวลานานจะทำให้แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหมดเร็ว
- อาจมีการแจ้งเตือนจากแอปอื่น การใช้สมาร์ทโฟนเป็นจอแสดงผลอาจทำให้การแจ้งเตือนจากแอปอื่นรบกวนได้

- กล้องดูลูกแบบแพน/เอียงได้ (Pan/Tilt Camera)
- ลักษณะการทำงาน กล้องประเภทนี้สามารถควบคุมการหมุนในแนวนอน (Pan) และการเอียงในแนวตั้ง (Tilt) ของเลนส์ได้จากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันหรือจอแสดงผล ทำให้คุณสามารถปรับมุมมองเพื่อติดตามลูกน้อยได้ทั่วทั้งห้อง
- เป็นฟีเจอร์เสริม โดยทั่วไปแล้ว กล้อง Pan/Tilt มักจะเป็นส่วนหนึ่งของกล้อง Wi-Fi หรือกล้องที่มีจอแสดงผลบางรุ่น ไม่ได้เป็นประเภทที่แยกออกมาโดยสิ้นเชิง แต่เป็นคุณสมบัติเด่นที่ควรพิจารณา
- ข้อดี
- ครอบคลุมพื้นที่กว้าง สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งห้อง ไม่ว่าลูกจะคลานไปส่วนไหน
- ไม่ต้องปรับตำแหน่งกล้องบ่อย เพียงแค่ควบคุมจากระยะไกลก็สามารถเปลี่ยนมุมมองได้
- ข้อจำกัด
- ราคาสูงกว่า กล้องที่มีฟังก์ชัน PTZ มักจะมีราคาสูงกว่ากล้องแบบ Fix Lens
- อาจมีเสียงดัง กลไกการหมุนอาจมีเสียงดังรบกวนลูกน้อยได้ในบางรุ่น (แม้ส่วนใหญ่จะเงียบมากแล้ว)
- กล้องดูลูกอัจฉริยะขั้นสูง (Smart / Advanced Baby Monitors)
- ลักษณะการทำงาน กล้องเหล่านี้เป็นประเภท Wi-Fi ที่มีฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติมที่เหนือกว่ากล้องทั่วไป เน้นการให้ข้อมูลเชิงลึกและการติดตามสุขภาพของลูกน้อย
- ตัวอย่างฟีเจอร์
- การติดตามการหายใจ เช่น Nanit Pro ที่ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาพเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของการหายใจของลูกน้อย
- การวิเคราะห์การนอนหลับ ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคุณภาพการนอนหลับของลูก
- การแจ้งเตือนเมื่อลูกถูกปกคลุม บางรุ่นมีเซ็นเซอร์ตรวจจับว่าใบหน้าลูกถูกสิ่งของปกคลุมหรือไม่
- การบันทึกและสร้างไฮไลท์วิดีโอ บันทึกช่วงเวลาสำคัญและสร้างเป็นคลิปสั้นๆ
- ข้อดี
- ข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมและสุขภาพการนอนหลับของลูกได้ดีขึ้น
- ความปลอดภัยสูงสุด มีฟีเจอร์การแจ้งเตือนขั้นสูงสำหรับความปลอดภัยของลูก
- ข้อจำกัด:
- ราคาสูงมาก มักจะเป็นกล้องที่มีราคาแพงที่สุด
- อาจต้องสมัครสมาชิก บางฟีเจอร์อาจต้องมีการสมัครสมาชิกรายเดือนเพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก
5 กล้องดูลูก ยี่ห้อไหนดี
- Saker BABY MONITOR (เซเกอร์) กล้องดูลูกแบบใช้จอแสดงผลเฉพาะ (Dedicated Monitor) และ สามารถเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ได้ในบางรุ่น (รุ่น Professional Edition) Saker เน้นความคุ้มค่าด้วยฟีเจอร์ที่จัดเต็มเทียบเท่าแบรนด์ราคาสูง โดยเฉพาะรุ่น Professional Edition ที่ปรับปรุงทั้งคุณภาพภาพ สัญญาณ และฟังก์ชันการใช้งาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกล้องที่มีจอแสดงผลเฉพาะที่เสถียรและครบครัน

จุดเด่น
- ภาพคมชัดและมุมกว้าง จอภาพคมชัดระดับ HD (รุ่นใหม่ 4.5 นิ้ว) และกล้องหมุนได้ 360 องศา ครอบคลุมทุกมุมห้อง
- Night Vision คมชัด มองเห็นได้ในที่มืดสนิทได้ถึง 10 เมตร ด้วยภาพที่คมชัด
- สัญญาณเสถียรและปลอดภัย อัพเกรดสัญญาณให้ไกลขึ้น (300 เมตรในที่โล่ง) และเน้นความปลอดภัยต่อสุขภาพของลูกน้อย (มีใบแล็บเทสจากสถาบันระดับโลก)
- Two-Way Audio สื่อสารสองทาง พูดคุยโต้ตอบกับลูกได้
- ฟีเจอร์ครบครัน
- แจ้งเตือนเสียงดังเมื่อห้องร้อนเกินไป (ป้องกันฮีทสโตรก)
- แจ้งเตือนการให้นม
- แจ้งเตือนเมื่อลูกร้องไห้
- มีเพลงกล่อมเด็ก 8 เพลง
- บันทึกวิดีโอลง Micro SD Card (รองรับสูงสุด 32GB)
- แบตเตอรี่จออึดขึ้น ใช้งานได้นานขึ้น
- ไม่ต้องใช้ Wi-Fi (สำหรับรุ่นจอเฉพาะ) สามารถใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องมีอินเทอร์เน็ต
- ดีไซน์สวยงาม ดีไซน์ตัวเครื่องและกล้องดูดี ทันสมัย
- Artex home Baby Monitor ส่วนใหญ่เป็นกล้องดูลูกแบบใช้จอแสดงผลเฉพาะ (Dedicated Monitor) และบางรุ่นอาจเป็นกล้อง Wi-Fi ที่สามารถใช้เป็น Baby Monitor ได้ Artex Home ดูเหมือนจะเน้นไปที่ความสะดวกในการใช้งานแบบ Plug & Play ไม่ต้องยุ่งยากกับการตั้งค่า Wi-Fi เหมาะสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการความเรียบง่ายและไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต

จุดเด่น
- มินิไร้สาย ไม่ต้องใช้ Wi-Fi เน้นการใช้งานที่ง่ายและสะดวก ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือบลูทูธ
- ใช้งานง่าย เน้นความสะดวกในการติดตั้งและใช้งาน
- สนทนาผ่านกล้องได้ มีฟังก์ชัน Two-Way Audio
- ใส่เมมการ์ดได้ สามารถบันทึกวิดีโอลง Micro SD Card ได้
- Neero Baby Monitor กล้องดูลูกแบบใช้จอแสดงผลเฉพาะ (Dedicated Monitor) Neero เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากไม่ต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi และมีแบตเตอรี่จอที่ใช้งานได้นาน ฟีเจอร์พื้นฐานครบครันพร้อมภาพที่คมชัด

จุดเด่น
- ปลอดภัย ไม่ต้องใช้ Wi-Fi เน้นความปลอดภัยจากแฮกเกอร์ เนื่องจากใช้เทคโนโลยี 2.4GHz FHSS ที่เข้ารหัสสูง ไม่ต้องพึ่งพา Wi-Fi
- จอภาพคมชัด จอภาพความละเอียดสูง 5.5 นิ้ว (HD 720P)
- Night Vision คมชัด ใช้หลอดไฟ LED อินฟราเรด 940 นาโนเมตร ที่มองไม่เห็นด้วยตา (ไม่รบกวนการนอนของทารก) มองเห็นชัดในที่มืด 3-5 เมตร
- Two-Way Audio สามารถปลอบโยนและสื่อสารกับลูกน้อยได้จากระยะไกล
- Long Standby Time แบตเตอรี่จอภาพใช้งานได้นานถึง 24 ชั่วโมงในโหมดสแตนด์บาย (แบตเตอรี่ 5000mAh)
- Digital Zoom ซูมดิจิทัลเพื่อดูรายละเอียดลูกน้อยได้
- สามารถเพิ่มกล้องเสริมได้ รองรับการเชื่อมต่อกล้องเสริมได้สูงสุด 4 ตัว
- Hubble Connect Nursery Pal Deluxe Baby Monitor กล้องดูลูกแบบมีจอแสดงผล (Dedicated Monitor) ที่เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ (Hybrid) Hubble Connect Nursery Pal Deluxe เป็นกล้องอัจฉริยะที่ครบครันทั้งฟังก์ชันพื้นฐานและฟีเจอร์เสริม ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานแบบมีจอแสดงผลและการดูผ่านแอปมือถือ เหมาะสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการเทคโนโลยีและฟังก์ชันที่หลากหลาย ทั้งการดูแลลูกและฟีเจอร์ด้านความบันเทิง/พัฒนาการ

จุดเด่น
- หน้าจอสัมผัส HD ขนาด 5 นิ้ว คุณภาพภาพคมชัด และหน้าจอเป็นแบบสัมผัสใช้งานง่าย
- กล้องไร้สายแบบพกพา มีแบตเตอรี่ในตัวกล้อง ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายกล้องได้สะดวก
- Remote Pan, Tilt, และ Zoom สามารถควบคุมการหมุน เอียง และซูมกล้องได้จากระยะไกล (ระยะสูงสุด 300 เมตรจากจอแสดงผล)
- Two-Way Talk สื่อสารสองทางกับลูกน้อย
- ฟีเจอร์เพื่อความบันเทิง จอแสดงผลสามารถเป็น "Interactive Viewer" สำหรับเด็กได้ โดยมีวิดีโอ หนังสือภาพ และเกมที่โหลดไว้ล่วงหน้า
- ฟีเจอร์ Smart Home
- เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิห้อง
- Infrared Night Vision (Night Color)
- เสียงธรรมชาติกล่อมเด็ก และเพลงกล่อม
- รองรับ Amazon Alexa และ Google Assistant
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi ส่วนตัวและปลอดภัย
- บันทึกวิดีโอและแจ้งเตือนผ่านแอป HubbleClub (ฟรี 24 ชม. สำหรับกิจกรรมบันทึก)
- มี HubbleGrip สำหรับติดตั้งกล้องได้หลากหลาย
- Sleep Trainer ฟีเจอร์ช่วยฝึกการนอนหลับของลูก (ในบางรุ่น/การสมัครสมาชิก)
- Prince & Princess Safe & Sound Plus กล้องดูลูกแบบ Wi-Fi (Smart Baby Monitor) Prince & Princess Safe & Sound Plus เป็นกล้องดูลูกแบบ Wi-Fi ที่มีฟีเจอร์ครบครันตามมาตรฐานกล้อง Smart Home ในราคาที่เข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับพ่อแม่ที่เน้นความสะดวกสบายในการดูผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกที่ทุกเวลา

จุดเด่น
- เชื่อมต่อผ่านแอปบนมือถือ เน้นการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน "YI Iot" บนสมาร์ทโฟน (iOS/Android) ทำให้ดูได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต
- ภาพคมชัดสูง Full HD 1080P (บางรุ่นระบุ 2K Extra Wide)
- มุมมองกว้างและหมุนได้ หมุนได้ 355 องศา และขึ้น-ลงได้ 110 องศา เห็นได้ทั่วทุกมุมห้อง
- Night Vision อัจฉริยะ ระบบอินฟราเรดอัตโนมัติ มองเห็นชัดแม้ในที่มืดได้ไกลถึง 10 เมตร
- Two-Way Audio สื่อสารสองทางได้คมชัด Real-Time
- ระบบตรวจจับอัจฉริยะ
- Movement Detection (ตรวจจับความเคลื่อนไหว)
- BABY CRYING DETECTION (ตรวจจับเสียงร้องไห้) พร้อมแจ้งเตือนผ่านมือถือทันที
- การบันทึกภาพ รองรับ Micro SD Card (สูงสุด 128GB) และบันทึกผ่านระบบ Cloud (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
- ใช้งานง่าย ควบคุมง่ายผ่านแอปพลิเคชัน
- แชร์การใช้งาน สามารถแบ่งปันให้สมาชิกในครอบครัวดูพร้อมกันได้สูงสุด 4 Account
บทส่งท้าย
การเลือกกล้องดูลูกที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายความกังวลและมีเวลาส่วนตัวมากขึ้นได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์จัดเต็มหรือรุ่นพื้นฐานที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป สิ่งสำคัญคือการเลือกกล้องที่สามารถให้ความอุ่นใจและช่วยให้คุณดูแลลูกน้อยได้อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง หากคุณกำลังมองหากล้องวงจรปิดสำหรับดูแลความปลอดภัยโดยรวมของบ้าน หรือต้องการเปรียบเทียบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูข้อมูลได้ที่บทความของเรา กล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดี