หน้าจอคือส่วนสำคัญที่เชื่อมต่อเรากับโลกดิจิทัล และเมื่อหน้าจอ Huawei สุดที่รักของคุณเกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นรอยร้าว รอยแตก หรือภาพแสดงผลผิดปกติ ก็ย่อมสร้างความกังวลใจเป็นอย่างมาก บทความนี้จะเจาะลึกทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนหน้าจอ Huawei ตั้งแต่ราคาโดยประมาณสำหรับรุ่นยอดนิยมไปจนถึงคำแนะนำในการเลือกศูนย์ซ่อมที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้กลับมาใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง

บรรณาธิการ
Table of Contents
ราคาโดยประมาณในการเปลี่ยนหน้าจอ Huawei รุ่นใหม่ล่าสุด
ราคาเปลี่ยนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ Huawei มีความผันผวนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความซับซ้อนของหน้าจอ (AMOLED, OLED, LCD) เทคโนโลยีเฉพาะของแต่ละรุ่น (เช่น จอโค้ง, จอพับ) ความพร้อมของอะไหล่ในตลาด และค่าบริการของศูนย์ซ่อมหรือร้านซ่อมอิสระ
- Huawei Pura 70 Series (Pura 70, Pura 70 Pro, Pura 70 Ultra) เนื่องจากเป็นซีรีส์เรือธงล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว (บางรุ่นอาจมีจำหน่ายในไทยแล้ว หรือกำลังจะวางจำหน่าย) และมาพร้อมเทคโนโลยีหน้าจอขั้นสูง (LTPO OLED, ความสว่างสูง) คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วงสูงสุด ราคาประมาณ 8,000 - 15,000+ บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและความซับซ้อนของหน้าจอ)
- Huawei Mate 60 Series (Mate 60, Mate 60 Pro) เป็นซีรีส์เรือธงอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มาพร้อมหน้าจอคุณภาพสูง ราคาประมาณ 7,000 - 12,000+ บาท (จากข้อมูลที่พบในตลาดออนไลน์บางแห่ง ราคาอะไหล่ Mate 60 Pro อาจสูงถึง 11,000 - 13,000 บาทสำหรับอะไหล่แท้)
- Huawei P60 Series (P60 Pro, P60 Art, P60) ซีรีส์เรือธงของปีที่ผ่านมา ยังคงมีราคาหน้าจอที่ค่อนข้างสูง ราคาประมาณ 5,500 - 9,000 บาท (มีข้อมูลอะไหล่ P60 Pro ในตลาดออนไลน์อยู่ที่ประมาณ 5,200 บาทสำหรับอะไหล่แท้ ซึ่งยังไม่รวมค่าบริการ)
- Huawei Nova Series (Nova 11 Pro, Nova 11, Nova 10 Pro, Nova 10) รุ่นที่เน้นดีไซน์และประสิทธิภาพในระดับกลางถึงสูง ราคาหน้าจอจะลดหลั่นลงมา Nova 11 Pro/Nova 11 ประมาณ 3,500 - 6,000 บาท และ Nova 10 Pro/Nova 10 ประมาณ 3,000 - 5,500 บาท
- Huawei Y Series / Entry-Level Models (เช่น Nova Y73, Y70) สำหรับรุ่นประหยัด ราคาหน้าจอจะถูกกว่ามาก เนื่องจากหน้าจอเป็นประเภท LCD หรือมีสเปกไม่สูงเท่ารุ่นเรือธง ราคาประมาณ 1,500 - 3,000 บาท (มีข้อมูลอะไหล่ Nova Y70 อยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท)

ราคาโดยประมาณในการเปลี่ยนหน้าจอ Huawei รุ่นเก่า
-
Huawei P Series
- P50 Pro/P50 ประมาณ 4,500 - 7,000 บาท
- P40 Pro/P40 ประมาณ 4,000 - 6,500 บาท
- P30 Pro/P30 ประมาณ 3,500 - 5,500 บาท
- P20 Pro/P20 ประมาณ 3,000 - 5,000 บาท
-
Huawei Mate Series
- Mate 50 Pro/Mate 50 ประมาณ 5,000 - 8,000 บาท
- Mate 40 Pro/Mate 40 ประมาณ 4,500 - 7,500 บาท
- Mate 30 Pro/Mate 30 ประมาณ 4,000 - 6,000 บาท
-
Huawei Nova Series
- Nova 9/Nova 8i ประมาณ 2,500 - 4,500 บาท
-
Huawei Y Series / MatePad Series (แท็บเล็ต)
- รุ่นประหยัด (Y Series) ประมาณ 1,500 - 3,500 บาท
- แท็บเล็ต ราคาจะแตกต่างกันมากตามขนาดและรุ่น อาจเริ่มต้นที่ 3,000 - 8,000+ บาท
แนวทางปฏิบัติก่อนเปลี่ยนหน้าจอ Huawei
การเตรียมตัวที่ดีก่อนนำโทรศัพท์ Huawei ไปเปลี่ยนหน้าจอจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยง และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
1. สำรองข้อมูลสำคัญ (Backup Data) คือข้อที่สำคัญที่สุดและควรทำเป็นอันดับแรก เพราะมีความเสี่ยงที่ข้อมูลภายในเครื่องอาจสูญหายได้ระหว่างกระบวนการซ่อมแซม ไม่ว่าจะเป็นการรีเซ็ตเครื่อง หรือความผิดพลาดทางเทคนิคใดๆ
- สิ่งที่ควรสำรอง รูปภาพ, วิดีโอ, รายชื่อติดต่อ, ข้อความ, บันทึกการโทร, โน้ต, ไฟล์เอกสาร, และข้อมูลจากแอปพลิเคชันสำคัญ (เช่น ไลน์, แชทต่างๆ, รหัสผ่านที่บันทึกไว้ในแอปพลิเคชัน)
- วิธีการสำรองข้อมูล
- ใช้ Huawei Cloud (แนะนำ) หากมีบัญชี Huawei และได้เปิดใช้งาน Huawei Cloud สามารถสำรองข้อมูลส่วนใหญ่ไปยังคลาวด์ได้ทันที นี่เป็นวิธีที่สะดวกและครอบคลุมสำหรับผู้ใช้ Huawei
- ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > เข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Huawei (Sign in with Huawei ID) > Cloud
- เลือก สำรองข้อมูล (Cloud Backup) และเปิดใช้งาน เพื่อสำรองข้อมูลสำคัญต่างๆ
- โอนย้ายไปยังคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย USB เลือกโหมด "ถ่ายโอนไฟล์" (File Transfer) แล้วคัดลอกรูปภาพ, วิดีโอ, และเอกสารสำคัญต่างๆ ไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
- ใช้ External Storage (เช่น NM Card หรือ USB OTG) หากโทรศัพท์ของคุณรองรับหน่วยความจำเสริม (NM Card) หรือสามารถเชื่อมต่อ USB OTG ได้ สามารถย้ายข้อมูลบางส่วนไปเก็บไว้ภายนอกได้
- สำรองข้อมูลแอปพลิเคชันเฉพาะ บางแอปพลิเคชันมีฟังก์ชันสำรองข้อมูลของตัวเอง (เช่น Line, WhatsApp สามารถสำรองประวัติแชทไปที่ Google Drive หรือ Huawei Cloud ได้) ควรตรวจสอบการตั้งค่าของแต่ละแอปพลิเคชันที่ใช้งาน
- จดรหัสผ่าน/ข้อมูลสำคัญ หากมีรหัสผ่านสำคัญที่บันทึกไว้ในเครื่อง หรือข้อมูล Log-in ของแอปพลิเคชันบางตัวที่ต้องเข้าสู่ระบบใหม่ ควรจดบันทึกไว้ในที่ปลอดภัย
- ใช้ Huawei Cloud (แนะนำ) หากมีบัญชี Huawei และได้เปิดใช้งาน Huawei Cloud สามารถสำรองข้อมูลส่วนใหญ่ไปยังคลาวด์ได้ทันที นี่เป็นวิธีที่สะดวกและครอบคลุมสำหรับผู้ใช้ Huawei
2. ลบข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ (ถ้าจำเป็น) หากกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว หรือหน้าจอเสียหายจนไม่สามารถสำรองข้อมูลได้ทั้งหมด และต้องส่งซ่อมที่ร้านที่ไม่ใช่ศูนย์บริการหลัก อาจพิจารณาลบข้อมูลที่สำคัญมากๆ ออกจากเครื่องก่อนส่งซ่อม (แต่โดยทั่วไปหากสำรองข้อมูลแล้ว การลบข้อมูลอาจไม่จำเป็น หากหน้าจอไม่แตกจนไม่สามารถเข้าถึงเครื่องได้)
3. ถอดอุปกรณ์เสริมออก
- ซิมการ์ด (SIM Card) ควรถอดซิมการ์ดออกจากเครื่องเพื่อป้องกันความเสียหายและการสูญหาย
- การ์ดหน่วยความจำ (NM Card/MicroSD Card) หากใช้งานอยู่ ควรถอดออกด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันการสูญหายและให้ข้อมูลปลอดภัย
- เคส/ฟิล์มกันรอย ถอดเคสและฟิล์มกันรอย (ถ้ามี) ออกจากเครื่องก่อนส่งซ่อม
4. ชาร์จแบตเตอรี่ให้เพียงพอ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์มีปริมาณเพียงพอ (อย่างน้อย 50% ขึ้นไป) เพื่อให้ช่างสามารถทดสอบการทำงานของเครื่องหลังการเปลี่ยนหน้าจอได้ทันที โดยไม่ต้องรอชาร์จ
5. เตรียมข้อมูลและอธิบายอาการให้ชัดเจน
- แจ้งรุ่นโทรศัพท์ Huawei ให้ถูกต้องและครบถ้วน (เช่น Huawei Pura 70 Ultra, Mate 60 Pro, Nova 11 Pro)
- อาการเสียที่พบ อธิบายอาการของหน้าจอที่เสียให้ละเอียดและชัดเจน เช่น แตกละเอียด, จอเป็นเส้นสี, จอดับแต่เครื่องทำงาน, ทัชสกรีนไม่ได้บางส่วน, มีรอยร้าวเล็กน้อยแต่ภาพยังขึ้น
- สาเหตุที่เกิด (ถ้าทราบ) เล่าเหตุการณ์ที่ทำให้หน้าจอเสียหาย เช่น ตกกระแทก, โดนทับ, จู่ๆ ก็เป็นเอง (แม้ว่าการแจ้งสาเหตุอาจไม่ส่งผลต่อราคาซ่อมโดยตรง แต่จะช่วยให้ช่างวินิจฉัยและซ่อมได้แม่นยำขึ้น)
6. ถ่ายรูปสภาพเครื่องก่อนส่งซ่อม (เป็นทางเลือก) เป็นทางเลือกเพื่อความสบายใจของคุณเอง โดยการถ่ายรูปสภาพด้านหน้า ด้านหลัง และรอบๆ เครื่องก่อนส่งซ่อม เพื่อเป็นหลักฐานว่าเครื่องของคุณไม่มีรอยขีดข่วนหรือความเสียหายอื่นๆ เพิ่มเติมก่อนส่งให้ช่าง
7. สอบถามรายละเอียดการซ่อมและการรับประกันอีกครั้ง แม้จะสอบถามเบื้องต้นแล้ว แต่เมื่อไปถึงศูนย์บริการหรือร้านซ่อม ควรสอบถามรายละเอียดเหล่านี้อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ:
- ยืนยันราคารวมทั้งหมด ค่าอะไหล่ + ค่าบริการ
- ประเภทอะไหล่ที่ใช้ แท้ หรือ เทียบเท่า
- ระยะเวลาการซ่อม จะได้รับเครื่องคืนเมื่อไหร่
- เงื่อนไขการรับประกัน อะไหล่ที่เปลี่ยนมีประกันนานเท่าไหร่ และครอบคลุมอะไรบ้าง
การเลือกศูนย์ซ่อมโทรศัพท์ Huawei
การเลือกศูนย์ซ่อมโทรศัพท์ Huawei ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และงบประมาณของคุณ หากต้องการคุณภาพสูงสุด ความมั่นใจ และการรับประกันที่ชัดเจน ศูนย์บริการ Huawei อย่างเป็นทางการ คือตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้ามีงบจำกัดและต้องการความรวดเร็ว ร้านซ่อมทั่วไป ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ต้องเลือกอย่างรอบคอบและศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจเสมอ

(Image Credit: HUAWEI Global)
1. ศูนย์บริการ Huawei อย่างเป็นทางการ (Huawei Customer Service Center)
นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจสูงสุดในคุณภาพและมาตรฐานการซ่อม
-
ข้อดี
- อะไหล่แท้ 100% เป็นแหล่งเดียวที่รับประกันการใช้อะไหล่แท้จาก Huawei ซึ่งหมายความว่าหน้าจอใหม่จะมีคุณภาพการแสดงผล สีสัน ความสว่าง และการตอบสนองของทัชสกรีนเทียบเท่ากับหน้าจอเดิม
- ช่างผู้เชี่ยวชาญ ช่างที่ศูนย์บริการได้รับการฝึกอบรมโดยตรงจาก Huawei มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางกับผลิตภัณฑ์ Huawei และเข้าใจโครงสร้างภายในของเครื่องเป็นอย่างดี
- เครื่องมือและกระบวนการมาตรฐาน ใช้เครื่องมือและกระบวนการซ่อมที่ได้มาตรฐานของ Huawei ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายเพิ่มเติมกับส่วนอื่นๆ ของเครื่อง
- การรับประกันหลังการซ่อม โดยทั่วไป ศูนย์บริการจะมีการรับประกันงานซ่อมและอะไหล่ที่เปลี่ยนให้เป็นระยะเวลาหนึ่ง (เช่น 90 วัน) หากเกิดปัญหาขึ้นอีกภายในระยะเวลารับประกัน คุณสามารถนำกลับไปแก้ไขได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- รักษาสถานะการรับประกันเดิมของเครื่อง หากโทรศัพท์ของคุณยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน (และหน้าจอเสียหายโดยอุบัติเหตุซึ่งไม่ครอบคลุมในประกันเดิม) การนำไปซ่อมที่ศูนย์บริการจะช่วยรักษาสถานะการรับประกันสำหรับส่วนอื่นๆ ของเครื่องไว้ ซึ่งแตกต่างจากการซ่อมนอกที่อาจทำให้ประกันเดิมขาด
- ความน่าเชื่อถือสูง มีความโปร่งใสในเรื่องราคาและบริการ
-
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่า ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหน้าจอที่ศูนย์บริการมักจะสูงกว่าร้านซ่อมทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากใช้อะไหล่แท้และมีมาตรฐานการบริการที่สูงกว่า
- อาจใช้เวลา ในบางกรณี อาจต้องใช้เวลารอคิว หรือรออะไหล่หากรุ่นนั้นๆ ไม่มีอะไหล่ในสต็อก ซึ่งอาจใช้เวลาหลายวัน
- จำนวนสาขาจำกัด ศูนย์บริการ Huawei อาจมีจำนวนสาขาไม่มากนักในบางพื้นที่ ทำให้การเดินทางไปใช้บริการอาจไม่สะดวก
-
เหมาะสำหรับ
- โทรศัพท์รุ่นใหม่ หรือรุ่นเรือธง เช่น Huawei Pura 70 Series, Mate 60 Series ซึ่งมีราคาสูงและเทคโนโลยีซับซ้อน การซ่อมที่ศูนย์จะช่วยรักษามูลค่าและประสิทธิภาพของเครื่อง
- ผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและอะไหล่แท้ ต้องการให้เครื่องกลับมาสมบูรณ์แบบที่สุด
- ผู้ที่ต้องการความสบายใจและมีการรับประกันที่ชัดเจน ไม่ต้องการเสี่ยงกับปัญหาที่อาจตามมา
- เครื่องที่ยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน เพื่อรักษาสิทธิ์การรับประกันส่วนอื่นๆ ของเครื่องไว้
วิธีการค้นหาศูนย์บริการ Huawei อย่างเป็นทางการ
- เว็บไซต์ Huawei เข้าไปที่เว็บไซต์ Huawei Consumer ประเทศไทย (
) > หัวข้อ "บริการช่วยเหลือ" (Support) > "ค้นหาศูนย์บริการ" (Service Center) คุณสามารถระบุจังหวัดเพื่อค้นหาสาขาที่ใกล้ที่สุดได้consumer.huawei.com/th - แอปพลิเคชัน My HUAWEI ในโทรศัพท์ Huawei ของคุณ จะมีแอปพลิเคชัน My HUAWEI (หรือ Support) อยู่แล้ว คุณสามารถใช้แอปนี้เพื่อค้นหาศูนย์บริการ, ตรวจสอบราคาอะไหล่, และนัดหมายบริการได้
2. ร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือทั่วไป / ร้านซ่อมอิสระ
เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและราคาที่ย่อมเยาลงมา
-
ข้อดี
- ราคาถูกกว่า ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหน้าจอมักจะถูกกว่าศูนย์บริการ เนื่องจากมีตัวเลือกอะไหล่ที่หลากหลายและค่าบริการที่ยืดหยุ่นกว่า
- สะดวกรวดเร็ว หลายร้านสามารถเปลี่ยนหน้าจอได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หรืออาจจะรอรับได้เลย
- มีทางเลือกอะไหล่ อาจมีตัวเลือกทั้งอะไหล่แท้ (ที่หามาเอง) และอะไหล่เทียบเท่า (OEM/Copy) ซึ่งราคาจะแตกต่างกันมาก
-
ข้อเสีย:
- คุณภาพอะไหล่ไม่แน่นอน นี่คือข้อเสียหลักของร้านซ่อมทั่วไป อะไหล่เทียบเท่าอาจมีคุณภาพแตกต่างกันมาก ทั้งในเรื่องของสีสัน ความสว่าง การตอบสนองของทัชสกรีน และความทนทานในระยะยาว
- ฝีมือช่างและประสบการณ์ไม่เท่ากัน คุณภาพของงานซ่อมขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ของช่างแต่ละร้าน บางร้านอาจมีช่างที่ชำนาญมาก แต่บางร้านอาจไม่มี
- การรับประกันจำกัด การรับประกันหลังการซ่อมมักจะมีระยะเวลาสั้นกว่าศูนย์บริการ หรืออาจไม่มีการรับประกันเลยสำหรับอะไหล่บางประเภท
- อาจทำให้ประกันเครื่องเดิมหมด หากเครื่องยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน การนำไปซ่อมที่ร้านนอกศูนย์บริการอาจทำให้การรับประกันเดิมของเครื่องสิ้นสุดลงทันที
- ความน่าเชื่อถือ ต้องอาศัยการพิจารณาเป็นพิเศษ ควรเลือกร้านที่มีชื่อเสียงและรีวิวที่ดี
-
เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
- โทรศัพท์รุ่นเก่า ที่อาจหาอะไหล่แท้จากศูนย์ได้ยากขึ้น หรือราคาอะไหล่แท้สูงเกินคุ้ม
- ผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว ต้องการซ่อมและรับเครื่องคืนได้ภายในวันเดียว
- ผู้ที่ไม่ได้กังวลเรื่องการรับประกันของเครื่อง หรือเครื่องหมดประกันไปแล้ว
แนวทางในการเลือกร้านซ่อมทั่วไป (ถ้าจำเป็นต้องเลือก)
หากคุณตัดสินใจเลือกร้านซ่อมทั่วไป ควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้อย่างละเอียด
- ชื่อเสียงและรีวิว ค้นหารีวิวร้านใน Google Maps, Facebook Page, หรือเว็บบอร์ดต่างๆ (เช่น Pantip) เลือกร้านที่มีรีวิวดีและมีลูกค้าแนะนำ
- ประสบการณ์ของช่าง สอบถามว่าช่างมีประสบการณ์ในการซ่อม Huawei รุ่นของคุณมากน้อยแค่ไหน
- ความโปร่งใสเรื่องราคาและอะไหล่ ร้านที่ดีจะสามารถแจ้งราคาที่ชัดเจน และอธิบายได้ว่าใช้อะไหล่ประเภทใด (แท้/เทียบเท่า) และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
- การรับประกัน สอบถามระยะเวลาและเงื่อนไขการรับประกันหลังการซ่อมให้ชัดเจน เช่น รับประกันหน้าจอที่เปลี่ยนกี่วัน/เดือน ครอบคลุมอาการอะไรบ้าง
- การดูแลเครื่องระหว่างซ่อม สอบถามถึงความปลอดภัยของข้อมูล และการดูแลเครื่องระหว่างที่อยู่ในมือช่าง
บทส่งท้าย
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเลือกซ่อมที่ไหน สิ่งสำคัญคือการ สำรองข้อมูลสำคัญก่อนส่งซ่อม และสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน ทั้งเรื่องราคา ประเภทอะไหล่ และการรับประกัน เพื่อให้โทรศัพท์ของคุณกลับมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง และใช้งานได้อย่างสบายใจในระยะยาว หรือกำลังมองหา Huawei รุ่นไหนดีอยู่ล่ะก็ ลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย โทรศัพท์ Huawei รุ่นไหนดี