Welcome Citizen!

บันทึกตอนนี้เลย แล้วซื้อทีหลัง เราจะแจ้งคุณถ้าราคาลด

Welcome Citizen!

Setup your account or continue reading!

Settings
เปรียบเทียบมือถือ Huawei กับ Samsung แบรนด์ไหนดีกว่ากัน

เปรียบเทียบมือถือ Huawei กับ Samsung แบรนด์ไหนดีกว่ากัน?

เจาะลึกมือถือ Huawei กับ Samsung แบบทุกด้าน ทั้งกล้อง ประสิทธิภาพ ซอฟต์แวร์ และนวัตกรรม พร้อมหาคำตอบว่าแบรนด์ไหนเหมาะกับคุณมากกว่า

ตลาดสมาร์ทโฟนยังคงเป็นสมรภูมิที่ดุเดือด และสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei และ Samsung ก็ยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญที่ขับเคี่ยวกันมาโดยตลอด แม้ว่า Huawei จะเผชิญกับข้อจำกัดบางประการในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ Samsung ยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า คำถามที่ผู้บริโภคหลายคนสงสัยคือ แบรนด์ไหนจะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่า เราจะมาเจาะลึกในแต่ละด้านเพื่อหาคำตอบไปด้วยกัน


บรรณาธิการ

Puifaii chevron_right

...

กล้อง Huawei กับ Samsung

การเปรียบเทียบกล้องถ่ายภาพระหว่าง Huawei และ Samsung เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ถูกค้นหาและถกเถียงกันมากที่สุดในโลกของสมาร์ทโฟน เนื่องจากทั้งสองแบรนด์ต่างก็ทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยีกล้องมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรุ่นเรือธงของปี 2025 อย่าง Huawei Pura 80 Ultra / Mate 70 Pro และ Samsung Galaxy S25 Ultra / Galaxy Z Fold7

(Image Credit: The Real Tech)

  • ภาพรวมคุณภาพของภาพ

    • Huawei มีแนวโน้มที่จะให้ภาพที่มี ความเป็นธรรมชาติ สูงกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของแสงเงาและมิติภาพ มักจะให้ Dynamic Range ที่กว้างกว่าและควบคุม Noise ในที่แสงน้อยได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการภาพที่ดูสมจริงและพร้อมนำไปตกแต่งต่อ
    • Samsung มีแนวโน้มที่จะให้ภาพที่มี ความสดใสและพร้อมใช้งานทันที ด้วยการประมวลผลที่เน้นสีสันที่จัดจ้านและคมชัด ทำให้ภาพดูน่าสนใจและเหมาะกับการแชร์ลงโซเชียลมีเดียทันที ฟีเจอร์ AI ของ Samsung ทำให้การตกแต่งภาพทำได้ง่ายและหลากหลาย
  • การซูม

    • Samsung ยังคงเป็นผู้นำด้าน ระยะการซูมสูงสุด และ ความยืดหยุ่นของเลนส์ Telephoto ที่หลากหลาย ให้คุณซูมได้ไกลถึงระดับที่แทบจะเป็นไปไม่ได้บนสมาร์ทโฟนทั่วไป
    • Huawei โดดเด่นที่ คุณภาพของภาพซูมในระยะที่ใช้งานจริง และความสามารถในการถ่าย Telephoto Macro ที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะกล้อง Periscope ที่มีกลไกสลับเลนส์ ซึ่งให้ภาพที่คมชัดและมีมิติ
  • วิดีโอ

    • Samsung เหนือกว่าในด้าน คุณภาพของวิดีโอโดยรวม ทั้งความละเอียด (8K), ความนิ่งของภาพ (กันสั่น), และฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอที่หลากหลาย
    • Huawei แม้จะพัฒนาขึ้นมาก แต่ในภาพรวมอาจยังไม่เทียบเท่า Samsung ในเรื่องของความเสถียรและฟีเจอร์วิดีโอขั้นสูง แต่ก็ให้วิดีโอที่มีคุณภาพดีในระดับหนึ่ง
  • AI และฟีเจอร์เสริม

    • Samsung ก้าวล้ำกว่าอย่างเห็นได้ชัดด้วย Galaxy AI ที่ผนวกเข้ากับการถ่ายภาพและการแก้ไขภาพได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์และแก้ไขภาพได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
    • Huawei มี AI สำหรับการปรับแต่งภาพที่ดี แต่เนื่องจากข้อจำกัดของ HarmonyOS และ AppGallery ฟีเจอร์ AI ที่เกี่ยวข้องกับบริการของ Google หรือแอปพลิเคชันภายนอกอาจยังไม่ครบครันเท่า

การเลือกกล้องที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับสไตล์การถ่ายภาพและความชอบส่วนบุคคล ทางที่ดีที่สุดคือลองไปสัมผัสเครื่องจริงและทดลองถ่ายภาพด้วยตัวเองเพื่อดูว่ากล้องของแบรนด์ไหนตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด


ชิปเซ็ต Huawei กับ Samsung

หากเน้นประสิทธิภาพสูงสุดในทุกด้านและการเล่นเกมที่หนักหน่วง Samsung ที่ใช้ Snapdragon มักเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากคุณให้ความสำคัญกับการบูรณาการฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ที่แน่นแฟ้นและประสบการณ์โดยรวมที่ราบรื่น Huawei ที่ใช้ Kirin และ HarmonyOS ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

  • Samsung (Snapdragon) ยังคงเป็นผู้นำด้าน ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้ง CPU และ GPU เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังสูงสุดในการเล่นเกม, การทำงานกราฟิก, และการใช้ฟีเจอร์ AI ที่หนักหน่วง
  • Samsung (Exynos) เป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในด้าน "ประสิทธิภาพ GPU (Ray Tracing) และ AI" แม้ประสิทธิภาพ CPU โดยรวมอาจไม่เท่า Snapdragon แต่ด้วยการปรับแต่งซอฟต์แวร์ที่ดี ทำให้มอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมในชีวิตประจำวัน

(Image Credit: SamMobile)

  • Huawei (Kirin) แม้จะเผชิญข้อจำกัดด้านการผลิต แต่ Huawei ยังคงพยายามอย่างมากในการพัฒนา Kirin และ "การปรับแต่งซอฟต์แวร์ (HarmonyOS) ที่ใกล้ชิด" กับฮาร์ดแวร์ช่วยให้ Kirin สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลสำหรับงานทั่วไปและการถ่ายภาพ อย่างไรก็ตาม ในด้านประสิทธิภาพดิบและเกมระดับ AAA Kirin ยังคงตามหลัง Snapdragon และ Exynos รุ่นล่าสุดอยู่เล็กน้อย

ระบบปฏิบัติการ Huawei กับ Samsung

ทั้ง Huawei และ Samsung มีระบบปฎิบัติการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ขึ้นอยู่กับความต้องการและลำดับความสำคัญของผู้ใช้งาน ทาง Huawei HarmonyOS เน้นระบบนิเวศอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างลื่นไหลและประสิทธิภาพเฉพาะทางโดยไม่มี Google Mobile Services ในขณะที่ Samsung One UI บน Android มอบแอปพลิเคชันที่ครบครัน ฟีเจอร์ Galaxy AI ล้ำสมัย และระบบนิเวศที่ใหญ่กว่าพร้อมการสนับสนุนจาก Google

1. Huawei ระบบปฎิบัติการ HarmonyOS (ระบบปิดของหัวเว่ย)

  • จุดเด่น

    • เชื่อมต่ออุปกรณ์เป็นระบบ (Super Device) หัวใจหลักของ HarmonyOS คือการเชื่อมโยงอุปกรณ์ Huawei ทุกชิ้น (มือถือ, แท็บเล็ต, นาฬิกา, PC) ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ เช่น ลากไฟล์ข้ามอุปกรณ์, รับสายบนนาฬิกา, ใช้มือถือเป็นเว็บแคมให้ PC
    • ลื่นไหลและเสถียร ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ทำงานเร็ว จัดการแบตเตอรี่และทรัพยากรได้ดีเยี่ยม แม้ใช้ไปนานๆ ก็ยังคงความเสถียร (และ HarmonyOS NEXT จะยิ่งเน้นเรื่องนี้)
    • ความปลอดภัย เน้นการควบคุมความเป็นส่วนตัวและการป้องกันข้อมูลผู้ใช้ที่เข้มงวด
  • ข้อจำกัด

    • ไม่มี Google (GMS) ไม่มีแอป Google (YouTube, Gmail, Google Maps, Play Store) โดยตรง ต้องพึ่งพา AppGallery ซึ่งแม้จะมีแอปสำคัญเยอะขึ้น แต่ก็ยังไม่ครบเท่า Google Play Store และอาจต้องหาแอปจากแหล่งอื่นเองสำหรับบางแอป
    • แอปเฉพาะของ HarmonyOS (อนาคต) HarmonyOS NEXT จะไม่รองรับแอป Android ทำให้ต้องใช้แอปที่พัฒนามาเพื่อ HarmonyOS โดยเฉพาะ
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Huawei อื่นๆ อยู่แล้ว และต้องการระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง ไม่ติดการใช้งานแอป Google และชื่นชอบความลื่นไหลของระบบที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะ

(Image Credit: Gadgets 360)

2. Samsung ระบบปฎิบัติการ  One UI บน Android (ระบบเปิดของ Google)

  • จุดเด่น

    • แอปครบครัน (Google Mobile Services) เข้าถึง Google Play Store ที่มีแอปพลิเคชันนับล้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ แอป Google และแอปยอดนิยมอื่นๆ ใช้งานได้ทันที ไม่มีข้อจำกัด
    • Galaxy AI ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เช่น แปลภาษาเรียลไทม์, แก้ไขรูปภาพด้วย AI, สรุปข้อความ, ฯลฯ
    • ระบบนิเวศ Galaxy เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Samsung อื่นๆ (นาฬิกา, หูฟัง, แท็บเล็ต, PC) ได้อย่างง่ายดาย มีฟีเจอร์เฉพาะเช่น Samsung DeX (แปลงมือถือเป็นคอมพิวเตอร์), Quick Share
    • ปรับแต่งได้สูง One UI มีตัวเลือกการปรับแต่งหน้าจอ, ธีม, ไอคอน และฟีเจอร์ต่างๆ ให้เลือกเยอะมาก
  • ข้อจำกัด

    • อาจมีแอปติดตั้งมาเยอะ (Bloatware) บางครั้งมีแอปของ Samsung หรือแอปพันธมิตรติดตั้งมาล่วงหน้าซึ่งผู้ใช้บางคนอาจไม่ได้ใช้
    • ความลื่นไหลในระยะยาว แม้ One UI จะพัฒนาขึ้นมาก แต่ในบางครั้ง อาจไม่ลื่นไหลเท่าระบบที่ออกแบบมาเฉพาะฮาร์ดแวร์เหมือน HarmonyOS ในบางสถานการณ์ (แต่โดยรวมถือว่าดีมาก)
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการแอปพลิเคชันที่ครบครัน ไม่ต้องกังวลเรื่องการติดตั้งแอป, ต้องการฟีเจอร์ AI ล้ำๆ ที่ช่วยชีวิตประจำวัน, และต้องการระบบนิเวศที่ใหญ่และมีอุปกรณ์ให้เลือกหลากหลาย

(Image Credit: Sammy Fans)


แบตเตอรี่ Huawei กับ Samsung

ถ้าให้ความสำคัญกับ ความเร็วในการชาร์จ และ ความจุแบตเตอรี่ที่ใหญ่เป็นพิเศษ Huawei มักจะเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นกว่า ด้วยเทคโนโลยี SuperCharge ที่เหนือกว่าและแบตเตอรี่ที่มักจะมีความจุสูงกว่าในรุ่นใกล้เคียงกัน ถ้าต้องการ ความสมดุล ในการใช้งานแบตเตอรี่ การจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ จากชิปเซ็ตที่ล้ำสมัย และ ความหลากหลายในรุ่นต่างๆ (โดยเฉพาะจอพับ) รวมถึง การรองรับมาตรฐานชาร์จไร้สายที่เป็นสากล Samsung จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

Huawei มักจะเป็นผู้นำในด้านความเร็วการชาร์จและมักจะใส่แบตเตอรี่ที่มีความจุสูงในสมาร์ทโฟนเรือธงของตน รวมถึงแท็บเล็ตบางรุ่นด้วย

  • ความจุแบตเตอรี่

    • เรือธง โดยทั่วไปแล้ว โทรศัพท์เรือธงของ Huawei (เช่น Pura Series, Mate Series) มักจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในรุ่น Ultra หรือ Pro ที่อาจมีขนาด 5,000 mAh ขึ้นไป เพื่อรองรับการใช้งานที่ยาวนาน
    • รุ่นอื่นๆ รุ่นกลางและรุ่นประหยัดก็มักจะให้แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh เป็นมาตรฐาน ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานตลอดวัน
  • เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว (Huawei SuperCharge)

    • จุดแข็ง Huawei โดดเด่นอย่างมากในเรื่องความเร็วการชาร์จ โดยใช้เทคโนโลยี SuperCharge ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง
    • ความเร็ว Huawei นำเสนอการชาร์จแบบมีสายที่เร็วมาก ตั้งแต่ 66W, 88W ไปจนถึง 100W หรือสูงกว่านั้น ในรุ่นท็อป ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ถึง 100% ได้ภายในเวลาไม่ถึง 40 นาที (บางรุ่นทำได้เร็วกว่านั้นมาก)
    • การชาร์จไร้สาย Huawei ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการชาร์จไร้สายที่รวดเร็ว โดยรุ่นเรือธงอาจรองรับการชาร์จไร้สายที่ 50W, 66W หรือสูงกว่า ซึ่งเร็วกว่าการชาร์จมีสายของสมาร์ทโฟนบางรุ่น
    • Reverse Wireless Charging ฟีเจอร์แบ่งปันพลังงานแบบไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่น (เช่น หูฟัง, สมาร์ทวอทช์) ก็เป็นอีกจุดที่ Huawei ให้มาด้วย
  • การจัดการพลังงาน

    • แม้ชิปเซ็ต Kirin ของ Huawei อาจไม่ได้ล้ำสมัยเท่าคู่แข่งในด้านกระบวนการผลิต แต่ HarmonyOS ได้รับการปรับแต่งมาอย่างดีเพื่อทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการจัดการพลังงานและยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โดยรวม

Samsung เน้นความสมดุลระหว่างความจุแบตเตอรี่ ประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มสมาร์ทโฟนจอพับ

  • ความจุแบตเตอรี่

    • เรือธง สมาร์ทโฟนเรือธงของ Samsung อย่าง Galaxy S Ultra Series มักจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ให้การใช้งานได้ตลอดวัน
    • จอพับ (Galaxy Z Fold/Flip) รุ่นจอพับมักจะมีแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่า เนื่องจากข้อจำกัดด้านพื้นที่และดีไซน์ (เช่น Galaxy Z Flip6 อาจมีประมาณ 4,000 mAh ในขณะที่ Z Fold7 อาจใกล้เคียง 4,400-4,600 mAh) แต่ Samsung ก็มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ๆ เพื่อให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความจุที่ดี
    • รุ่นกลางและประหยัด Galaxy A Series และ M Series หลายรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh หรือ 6,000 mAh ซึ่งเป็นจุดเด่นในเรื่องความอึดของแบตเตอรี่
  • เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว (Samsung Fast Charging)

    • ความเร็ว Samsung มีความเร็วการชาร์จที่อยู่ในระดับดี แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่รวดเร็วเท่า Huawei ในรุ่นเรือธง Samsung Galaxy S25 Ultra คาดว่าจะยังคงรองรับการชาร์จเร็วที่ 45W ส่วนรุ่นอื่นๆ อาจอยู่ที่ 25W ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งาน แต่หากเทียบกับ Huawei ที่เร็วกว่ามาก อาจจะรู้สึกช้ากว่า
    • การชาร์จไร้สาย Samsung รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi2 และมักจะให้กำลังชาร์จไร้สายที่ 15W หรือ 25W ในรุ่นเรือธง
    • Wireless PowerShare ฟีเจอร์แบ่งปันพลังงานแบบไร้สาย (Reverse Wireless Charging) เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Samsung ที่มีมาให้ในรุ่นเรือธง
  • การจัดการพลังงาน

    • ชิปเซ็ตและการปรับแต่ง ด้วยชิปเซ็ตที่ทรงพลัง (Snapdragon และ Exynos) ที่ผลิตบนกระบวนการที่ล้ำสมัยกว่า และการปรับแต่งซอฟต์แวร์ One UI ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ Samsung สามารถจัดการพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม และให้การใช้งานแบตเตอรี่ที่น่าพอใจ แม้ความจุจะไม่สูงเท่า Huawei ในบางรุ่น
    • นวัตกรรมแบตเตอรี่ Samsung กำลังลงทุนในการพัฒนาแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น แบตเตอรี่ที่ใช้เทคโนโลยีซ้อนกัน (stacked battery) สำหรับสมาร์ทโฟนจอพับ ซึ่งมีเป้าหมายให้เครื่องบางลง เบาขึ้น และชาร์จได้เร็วขึ้นในอนาคต

บริการหลังการขาย Huawei กับ Samsung

โดยรวมแล้ว Samsung ยังคงมีข้อได้เปรียบในด้านบริการหลังการขายที่ ครอบคลุม เข้าถึงง่าย และมีความพร้อมของอะไหล่ มากกว่า Huawei ในประเทศไทย ด้วยขนาดของตลาดและโครงสร้างธุรกิจที่ใหญ่กว่า อย่างไรก็ตาม Huawei ก็พยายามอย่างเต็มที่ในการรักษามาตรฐานและมอบบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าของตนเอง โดยเฉพาะการมอบโปรแกรมพิเศษและบริการเสริมที่น่าสนใจ


สรุปภาพรวมโทรศัพท์ หัวเว่ย กับ ซัมซุง อันไหนดีกว่ากัน

  • เลือก Huawei หากให้ความสำคัญกับ ประสบการณ์การถ่ายภาพที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง การเชื่อมโยงอุปกรณ์ Huawei ที่ไร้รอยต่อ และ ความลื่นไหลของระบบปฏิบัติการเฉพาะทาง แม้จะต้องแลกมากับการขาดบริการของ Google
  • เลือก Samsung หากต้องการสมาร์ทโฟนที่ ครบเครื่องที่สุด ในทุกด้าน ทั้งกล้องประสิทธิภาพสูง (โดยเฉพาะ AI และการซูม) ชิปเซ็ตที่ทรงพลัง การเข้าถึงแอปพลิเคชันและบริการของ Google ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และอยู่ในระบบนิเวศ Galaxy ที่ใหญ่โต

บทส่งท้าย

ทั้งนี้ หัวเว่ย กับ ซัมซุง ต่างก็มีจุดเด่นและจุดแข็งที่แตกต่างกัน การเลือกแบรนด์ที่ "ดีกว่า" จึงขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคลและไลฟ์สไตล์การใช้งานของคุณเป็นหลัก หวังว่าข้อมูลเปรียบเทียบนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของคุณ หากสนใจโทรศัพท์ Huawei และต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นที่น่าสนใจ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ Huawei รุ่นไหนดี

สิ้นสุดบทความ