ตลาดสมาร์ทโฟนยังคงเป็นสมรภูมิที่ดุเดือด และสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei และ Samsung ก็ยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญที่ขับเคี่ยวกันมาโดยตลอด แม้ว่า Huawei จะเผชิญกับข้อจำกัดบางประการในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ Samsung ยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า คำถามที่ผู้บริโภคหลายคนสงสัยคือ แบรนด์ไหนจะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่า เราจะมาเจาะลึกในแต่ละด้านเพื่อหาคำตอบไปด้วยกัน

บรรณาธิการ
Table of Contents
กล้อง Huawei กับ Samsung
การเปรียบเทียบกล้องถ่ายภาพระหว่าง Huawei และ Samsung เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ถูกค้นหาและถกเถียงกันมากที่สุดในโลกของสมาร์ทโฟน เนื่องจากทั้งสองแบรนด์ต่างก็ทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยีกล้องมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรุ่นเรือธงของปี 2025 อย่าง Huawei Pura 80 Ultra / Mate 70 Pro และ Samsung Galaxy S25 Ultra / Galaxy Z Fold7

(Image Credit: The Real Tech)
-
ภาพรวมคุณภาพของภาพ
- Huawei มีแนวโน้มที่จะให้ภาพที่มี ความเป็นธรรมชาติ สูงกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของแสงเงาและมิติภาพ มักจะให้ Dynamic Range ที่กว้างกว่าและควบคุม Noise ในที่แสงน้อยได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการภาพที่ดูสมจริงและพร้อมนำไปตกแต่งต่อ
- Samsung มีแนวโน้มที่จะให้ภาพที่มี ความสดใสและพร้อมใช้งานทันที ด้วยการประมวลผลที่เน้นสีสันที่จัดจ้านและคมชัด ทำให้ภาพดูน่าสนใจและเหมาะกับการแชร์ลงโซเชียลมีเดียทันที ฟีเจอร์ AI ของ Samsung ทำให้การตกแต่งภาพทำได้ง่ายและหลากหลาย
-
การซูม
- Samsung ยังคงเป็นผู้นำด้าน ระยะการซูมสูงสุด และ ความยืดหยุ่นของเลนส์ Telephoto ที่หลากหลาย ให้คุณซูมได้ไกลถึงระดับที่แทบจะเป็นไปไม่ได้บนสมาร์ทโฟนทั่วไป
- Huawei โดดเด่นที่ คุณภาพของภาพซูมในระยะที่ใช้งานจริง และความสามารถในการถ่าย Telephoto Macro ที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะกล้อง Periscope ที่มีกลไกสลับเลนส์ ซึ่งให้ภาพที่คมชัดและมีมิติ
-
วิดีโอ
- Samsung เหนือกว่าในด้าน คุณภาพของวิดีโอโดยรวม ทั้งความละเอียด (8K), ความนิ่งของภาพ (กันสั่น), และฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอที่หลากหลาย
- Huawei แม้จะพัฒนาขึ้นมาก แต่ในภาพรวมอาจยังไม่เทียบเท่า Samsung ในเรื่องของความเสถียรและฟีเจอร์วิดีโอขั้นสูง แต่ก็ให้วิดีโอที่มีคุณภาพดีในระดับหนึ่ง
-
AI และฟีเจอร์เสริม
- Samsung ก้าวล้ำกว่าอย่างเห็นได้ชัดด้วย Galaxy AI ที่ผนวกเข้ากับการถ่ายภาพและการแก้ไขภาพได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์และแก้ไขภาพได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
- Huawei มี AI สำหรับการปรับแต่งภาพที่ดี แต่เนื่องจากข้อจำกัดของ HarmonyOS และ AppGallery ฟีเจอร์ AI ที่เกี่ยวข้องกับบริการของ Google หรือแอปพลิเคชันภายนอกอาจยังไม่ครบครันเท่า
การเลือกกล้องที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับสไตล์การถ่ายภาพและความชอบส่วนบุคคล ทางที่ดีที่สุดคือลองไปสัมผัสเครื่องจริงและทดลองถ่ายภาพด้วยตัวเองเพื่อดูว่ากล้องของแบรนด์ไหนตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด
ชิปเซ็ต Huawei กับ Samsung
หากเน้นประสิทธิภาพสูงสุดในทุกด้านและการเล่นเกมที่หนักหน่วง Samsung ที่ใช้ Snapdragon มักเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากคุณให้ความสำคัญกับการบูรณาการฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ที่แน่นแฟ้นและประสบการณ์โดยรวมที่ราบรื่น Huawei ที่ใช้ Kirin และ HarmonyOS ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน
- Samsung (Snapdragon) ยังคงเป็นผู้นำด้าน ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้ง CPU และ GPU เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังสูงสุดในการเล่นเกม, การทำงานกราฟิก, และการใช้ฟีเจอร์ AI ที่หนักหน่วง
- Samsung (Exynos) เป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในด้าน "ประสิทธิภาพ GPU (Ray Tracing) และ AI" แม้ประสิทธิภาพ CPU โดยรวมอาจไม่เท่า Snapdragon แต่ด้วยการปรับแต่งซอฟต์แวร์ที่ดี ทำให้มอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมในชีวิตประจำวัน

(Image Credit: SamMobile)
- Huawei (Kirin) แม้จะเผชิญข้อจำกัดด้านการผลิต แต่ Huawei ยังคงพยายามอย่างมากในการพัฒนา Kirin และ "การปรับแต่งซอฟต์แวร์ (HarmonyOS) ที่ใกล้ชิด" กับฮาร์ดแวร์ช่วยให้ Kirin สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลสำหรับงานทั่วไปและการถ่ายภาพ อย่างไรก็ตาม ในด้านประสิทธิภาพดิบและเกมระดับ AAA Kirin ยังคงตามหลัง Snapdragon และ Exynos รุ่นล่าสุดอยู่เล็กน้อย
ระบบปฏิบัติการ Huawei กับ Samsung
ทั้ง Huawei และ Samsung มีระบบปฎิบัติการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ขึ้นอยู่กับความต้องการและลำดับความสำคัญของผู้ใช้งาน ทาง Huawei HarmonyOS เน้นระบบนิเวศอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างลื่นไหลและประสิทธิภาพเฉพาะทางโดยไม่มี Google Mobile Services ในขณะที่ Samsung One UI บน Android มอบแอปพลิเคชันที่ครบครัน ฟีเจอร์ Galaxy AI ล้ำสมัย และระบบนิเวศที่ใหญ่กว่าพร้อมการสนับสนุนจาก Google
1. Huawei ระบบปฎิบัติการ HarmonyOS (ระบบปิดของหัวเว่ย)
-
จุดเด่น
- เชื่อมต่ออุปกรณ์เป็นระบบ (Super Device) หัวใจหลักของ HarmonyOS คือการเชื่อมโยงอุปกรณ์ Huawei ทุกชิ้น (มือถือ, แท็บเล็ต, นาฬิกา, PC) ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ เช่น ลากไฟล์ข้ามอุปกรณ์, รับสายบนนาฬิกา, ใช้มือถือเป็นเว็บแคมให้ PC
- ลื่นไหลและเสถียร ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ทำงานเร็ว จัดการแบตเตอรี่และทรัพยากรได้ดีเยี่ยม แม้ใช้ไปนานๆ ก็ยังคงความเสถียร (และ HarmonyOS NEXT จะยิ่งเน้นเรื่องนี้)
- ความปลอดภัย เน้นการควบคุมความเป็นส่วนตัวและการป้องกันข้อมูลผู้ใช้ที่เข้มงวด
-
ข้อจำกัด
- ไม่มี Google (GMS) ไม่มีแอป Google (YouTube, Gmail, Google Maps, Play Store) โดยตรง ต้องพึ่งพา AppGallery ซึ่งแม้จะมีแอปสำคัญเยอะขึ้น แต่ก็ยังไม่ครบเท่า Google Play Store และอาจต้องหาแอปจากแหล่งอื่นเองสำหรับบางแอป
- แอปเฉพาะของ HarmonyOS (อนาคต) HarmonyOS NEXT จะไม่รองรับแอป Android ทำให้ต้องใช้แอปที่พัฒนามาเพื่อ HarmonyOS โดยเฉพาะ
-
เหมาะสำหรับ ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Huawei อื่นๆ อยู่แล้ว และต้องการระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง ไม่ติดการใช้งานแอป Google และชื่นชอบความลื่นไหลของระบบที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะ

(Image Credit: Gadgets 360)
2. Samsung ระบบปฎิบัติการ One UI บน Android (ระบบเปิดของ Google)
-
จุดเด่น
- แอปครบครัน (Google Mobile Services) เข้าถึง Google Play Store ที่มีแอปพลิเคชันนับล้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ แอป Google และแอปยอดนิยมอื่นๆ ใช้งานได้ทันที ไม่มีข้อจำกัด
- Galaxy AI ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เช่น แปลภาษาเรียลไทม์, แก้ไขรูปภาพด้วย AI, สรุปข้อความ, ฯลฯ
- ระบบนิเวศ Galaxy เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Samsung อื่นๆ (นาฬิกา, หูฟัง, แท็บเล็ต, PC) ได้อย่างง่ายดาย มีฟีเจอร์เฉพาะเช่น Samsung DeX (แปลงมือถือเป็นคอมพิวเตอร์), Quick Share
- ปรับแต่งได้สูง One UI มีตัวเลือกการปรับแต่งหน้าจอ, ธีม, ไอคอน และฟีเจอร์ต่างๆ ให้เลือกเยอะมาก
-
ข้อจำกัด
- อาจมีแอปติดตั้งมาเยอะ (Bloatware) บางครั้งมีแอปของ Samsung หรือแอปพันธมิตรติดตั้งมาล่วงหน้าซึ่งผู้ใช้บางคนอาจไม่ได้ใช้
- ความลื่นไหลในระยะยาว แม้ One UI จะพัฒนาขึ้นมาก แต่ในบางครั้ง อาจไม่ลื่นไหลเท่าระบบที่ออกแบบมาเฉพาะฮาร์ดแวร์เหมือน HarmonyOS ในบางสถานการณ์ (แต่โดยรวมถือว่าดีมาก)
-
เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการแอปพลิเคชันที่ครบครัน ไม่ต้องกังวลเรื่องการติดตั้งแอป, ต้องการฟีเจอร์ AI ล้ำๆ ที่ช่วยชีวิตประจำวัน, และต้องการระบบนิเวศที่ใหญ่และมีอุปกรณ์ให้เลือกหลากหลาย

(Image Credit: Sammy Fans)
แบตเตอรี่ Huawei กับ Samsung
ถ้าให้ความสำคัญกับ ความเร็วในการชาร์จ และ ความจุแบตเตอรี่ที่ใหญ่เป็นพิเศษ Huawei มักจะเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นกว่า ด้วยเทคโนโลยี SuperCharge ที่เหนือกว่าและแบตเตอรี่ที่มักจะมีความจุสูงกว่าในรุ่นใกล้เคียงกัน ถ้าต้องการ ความสมดุล ในการใช้งานแบตเตอรี่ การจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ จากชิปเซ็ตที่ล้ำสมัย และ ความหลากหลายในรุ่นต่างๆ (โดยเฉพาะจอพับ) รวมถึง การรองรับมาตรฐานชาร์จไร้สายที่เป็นสากล Samsung จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
Huawei มักจะเป็นผู้นำในด้านความเร็วการชาร์จและมักจะใส่แบตเตอรี่ที่มีความจุสูงในสมาร์ทโฟนเรือธงของตน รวมถึงแท็บเล็ตบางรุ่นด้วย
-
ความจุแบตเตอรี่
- เรือธง โดยทั่วไปแล้ว โทรศัพท์เรือธงของ Huawei (เช่น Pura Series, Mate Series) มักจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในรุ่น Ultra หรือ Pro ที่อาจมีขนาด 5,000 mAh ขึ้นไป เพื่อรองรับการใช้งานที่ยาวนาน
- รุ่นอื่นๆ รุ่นกลางและรุ่นประหยัดก็มักจะให้แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh เป็นมาตรฐาน ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานตลอดวัน
-
เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว (Huawei SuperCharge)
- จุดแข็ง Huawei โดดเด่นอย่างมากในเรื่องความเร็วการชาร์จ โดยใช้เทคโนโลยี SuperCharge ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง
- ความเร็ว Huawei นำเสนอการชาร์จแบบมีสายที่เร็วมาก ตั้งแต่ 66W, 88W ไปจนถึง 100W หรือสูงกว่านั้น ในรุ่นท็อป ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ถึง 100% ได้ภายในเวลาไม่ถึง 40 นาที (บางรุ่นทำได้เร็วกว่านั้นมาก)
- การชาร์จไร้สาย Huawei ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการชาร์จไร้สายที่รวดเร็ว โดยรุ่นเรือธงอาจรองรับการชาร์จไร้สายที่ 50W, 66W หรือสูงกว่า ซึ่งเร็วกว่าการชาร์จมีสายของสมาร์ทโฟนบางรุ่น
- Reverse Wireless Charging ฟีเจอร์แบ่งปันพลังงานแบบไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่น (เช่น หูฟัง, สมาร์ทวอทช์) ก็เป็นอีกจุดที่ Huawei ให้มาด้วย
-
การจัดการพลังงาน
- แม้ชิปเซ็ต Kirin ของ Huawei อาจไม่ได้ล้ำสมัยเท่าคู่แข่งในด้านกระบวนการผลิต แต่ HarmonyOS ได้รับการปรับแต่งมาอย่างดีเพื่อทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการจัดการพลังงานและยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โดยรวม
Samsung เน้นความสมดุลระหว่างความจุแบตเตอรี่ ประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มสมาร์ทโฟนจอพับ
-
ความจุแบตเตอรี่
- เรือธง สมาร์ทโฟนเรือธงของ Samsung อย่าง Galaxy S Ultra Series มักจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ให้การใช้งานได้ตลอดวัน
- จอพับ (Galaxy Z Fold/Flip) รุ่นจอพับมักจะมีแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่า เนื่องจากข้อจำกัดด้านพื้นที่และดีไซน์ (เช่น Galaxy Z Flip6 อาจมีประมาณ 4,000 mAh ในขณะที่ Z Fold7 อาจใกล้เคียง 4,400-4,600 mAh) แต่ Samsung ก็มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ๆ เพื่อให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความจุที่ดี
- รุ่นกลางและประหยัด Galaxy A Series และ M Series หลายรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh หรือ 6,000 mAh ซึ่งเป็นจุดเด่นในเรื่องความอึดของแบตเตอรี่
-
เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว (Samsung Fast Charging)
- ความเร็ว Samsung มีความเร็วการชาร์จที่อยู่ในระดับดี แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่รวดเร็วเท่า Huawei ในรุ่นเรือธง Samsung Galaxy S25 Ultra คาดว่าจะยังคงรองรับการชาร์จเร็วที่ 45W ส่วนรุ่นอื่นๆ อาจอยู่ที่ 25W ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งาน แต่หากเทียบกับ Huawei ที่เร็วกว่ามาก อาจจะรู้สึกช้ากว่า
- การชาร์จไร้สาย Samsung รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi2 และมักจะให้กำลังชาร์จไร้สายที่ 15W หรือ 25W ในรุ่นเรือธง
- Wireless PowerShare ฟีเจอร์แบ่งปันพลังงานแบบไร้สาย (Reverse Wireless Charging) เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Samsung ที่มีมาให้ในรุ่นเรือธง
-
การจัดการพลังงาน
- ชิปเซ็ตและการปรับแต่ง ด้วยชิปเซ็ตที่ทรงพลัง (Snapdragon และ Exynos) ที่ผลิตบนกระบวนการที่ล้ำสมัยกว่า และการปรับแต่งซอฟต์แวร์ One UI ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ Samsung สามารถจัดการพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม และให้การใช้งานแบตเตอรี่ที่น่าพอใจ แม้ความจุจะไม่สูงเท่า Huawei ในบางรุ่น
- นวัตกรรมแบตเตอรี่ Samsung กำลังลงทุนในการพัฒนาแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น แบตเตอรี่ที่ใช้เทคโนโลยีซ้อนกัน (stacked battery) สำหรับสมาร์ทโฟนจอพับ ซึ่งมีเป้าหมายให้เครื่องบางลง เบาขึ้น และชาร์จได้เร็วขึ้นในอนาคต
บริการหลังการขาย Huawei กับ Samsung
โดยรวมแล้ว Samsung ยังคงมีข้อได้เปรียบในด้านบริการหลังการขายที่ ครอบคลุม เข้าถึงง่าย และมีความพร้อมของอะไหล่ มากกว่า Huawei ในประเทศไทย ด้วยขนาดของตลาดและโครงสร้างธุรกิจที่ใหญ่กว่า อย่างไรก็ตาม Huawei ก็พยายามอย่างเต็มที่ในการรักษามาตรฐานและมอบบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าของตนเอง โดยเฉพาะการมอบโปรแกรมพิเศษและบริการเสริมที่น่าสนใจ
สรุปภาพรวมโทรศัพท์ หัวเว่ย กับ ซัมซุง อันไหนดีกว่ากัน
- เลือก Huawei หากให้ความสำคัญกับ ประสบการณ์การถ่ายภาพที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง การเชื่อมโยงอุปกรณ์ Huawei ที่ไร้รอยต่อ และ ความลื่นไหลของระบบปฏิบัติการเฉพาะทาง แม้จะต้องแลกมากับการขาดบริการของ Google
- เลือก Samsung หากต้องการสมาร์ทโฟนที่ ครบเครื่องที่สุด ในทุกด้าน ทั้งกล้องประสิทธิภาพสูง (โดยเฉพาะ AI และการซูม) ชิปเซ็ตที่ทรงพลัง การเข้าถึงแอปพลิเคชันและบริการของ Google ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และอยู่ในระบบนิเวศ Galaxy ที่ใหญ่โต
บทส่งท้าย
ทั้งนี้ หัวเว่ย กับ ซัมซุง ต่างก็มีจุดเด่นและจุดแข็งที่แตกต่างกัน การเลือกแบรนด์ที่ "ดีกว่า" จึงขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคลและไลฟ์สไตล์การใช้งานของคุณเป็นหลัก หวังว่าข้อมูลเปรียบเทียบนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของคุณ หากสนใจโทรศัพท์ Huawei และต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นที่น่าสนใจ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ Huawei รุ่นไหนดี