ในปี 2025 OPPO ได้เปิดตัว ColorOS 15 อย่างเป็นทางการ พร้อมนิยามใหม่ของระบบปฏิบัติการที่ผสานความฉลาดของ AI เข้ากับประสบการณ์การใช้งานที่ “เป็นคุณมากที่สุด” ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ UI ที่เรียบหรูขึ้น ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ลึกกว่าเดิม หรือฟังก์ชันเฉพาะที่ใช้ได้บนมือถือ OPPO เท่านั้น
ColorOS 15 ไม่ได้เป็นแค่อัปเดตเวอร์ชันธรรมดา แต่คือการยกระดับความสามารถของสมาร์ทโฟน OPPO ให้ “ฉลาดขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น และลื่นไหลขึ้น” โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับ Android 15 ที่เป็นพื้นฐานระบบใหม่ล่าสุดของ Google
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ ฟีเจอร์ใหม่ของ ColorOS 15, รุ่นที่ได้อัปเดต, เทียบกับ One UI และ HyperOS พร้อมเทคนิคการอัปเดตอย่างปลอดภัยและรีวิวจากผู้ใช้จริง
ถ้าคุณเป็นเจ้าของมือถือ OPPO หรือกำลังมองหาประสบการณ์ Android ที่ “ดีกว่าแค่สวย” ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด

บรรณาธิการ
Table of Contents
ColorOS 15 เปลี่ยนแปลงอะไรจาก ColorOS 14 บ้าง
ColorOS 15 คือระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดจาก OPPO ที่ทำงานบนพื้นฐานของ Android 15 โดยถือเป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญจาก ColorOS 14 ที่เน้นความเสถียรและดีไซน์ที่เรียบง่าย ในเวอร์ชันใหม่นี้ OPPO ได้ปรับปรุงทุกมิติของการใช้งาน โดยเฉพาะด้าน AI อัจฉริยะ, ประสิทธิภาพ, ฟีเจอร์ใหม่ๆ, และ ความปลอดภัยขั้นสูง เพื่อให้ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์ที่ “ฉลาดขึ้น ลื่นขึ้น และปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม”
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) – ColorOS 15 ก้าวสู่ยุค AI Phone
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นที่สุดของ ColorOS 15 คือการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานในระดับที่ “จับต้องได้” จริง เช่น ฟีเจอร์ AI Eraser ที่ช่วยลบวัตถุหรือคนที่ไม่ต้องการในภาพอย่างแนบเนียน, AI Reflection Remover สำหรับลบเงาสะท้อนจากกระจก, และ AI Clarity Enhancer ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดให้ภาพความละเอียดต่ำให้ดูคมชัดราวกับกล้องมือโปร

นอกจากนี้ยังมี AI Toolbox ซึ่งทำหน้าที่ช่วยสรุปเนื้อหาจากหน้าเว็บหรือเอกสาร และ AI Call Summary ที่ช่วยสรุปประเด็นสำคัญหลังจากการโทรศัพท์ โดยทั้งหมดนี้ไม่เคยมีใน ColorOS 14 มาก่อน ทำให้ ColorOS 15 ถูกยกให้เป็นระบบปฏิบัติการของ “AI Phone” อย่างแท้จริง
ประสิทธิภาพและความลื่นไหล – ระบบ Dual Engine ใหม่ ตอบสนองทันใจ

ColorOS 15 ได้อัปเกรดจาก Trinity Engine แบบเดิมใน ColorOS 14 ไปสู่ระบบ “Dual Engine” ที่ประกอบด้วย Trinity Engine เวอร์ชันอัปเกรด และ Luminous Rendering Engine ซึ่งช่วยให้การเคลื่อนไหวของภาพและแอนิเมชันในระบบเป็นธรรมชาติขึ้นถึง 18% การเปิด-ปิดแอปเร็วขึ้น การสลับแอปไม่กระตุก และ RAM management ที่ฉลาดขึ้น เหมาะกับผู้ใช้ที่ชอบเปิดหลายแอปพร้อมกันหรือเล่นเกมที่ต้องการความเร็วลื่นแบบ real-time
ฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้งานได้จริง – เพิ่มความสามารถให้มือถือ OPPO แบบรู้สึกได้
ColorOS 15 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ เช่น Fluid Cloud ที่พัฒนาต่อจาก Aqua Dynamics ให้ทำงานคล้าย Dynamic Island ของ Apple แสดงสถานะต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ เช่น นาฬิกาจับเวลา การอัดเสียง หรือสถานะการเรียกรถ

อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Touch to Share ที่สามารถส่งไฟล์ข้ามระบบไปยัง iPhone ได้ทันที เหมือนฟีเจอร์ AirDrop ของ Apple ซึ่งต่างจาก OPPO Share เดิมที่ใช้ได้เฉพาะระหว่าง Android ด้วยกัน และยังมี Full-Screen Multitasking ที่แบ่งหน้าจอใช้งานสองแอปได้อย่างคล่องตัวกว่าเดิม รวมถึง Lockscreen Customization ที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งหน้าจอล็อกได้อิสระและมีลูกเล่นมากกว่าใน ColorOS 14
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว – ยกระดับทั้งในเชิงซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
ในด้านความปลอดภัย ColorOS 15 ได้ใส่ฟีเจอร์ใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเดิม เช่น StrongBox ซึ่งเป็น "ตู้นิรภัยดิจิทัล" ที่ใช้ชิปฮาร์ดแวร์แยกต่างหากในการเก็บข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือข้อมูลชีวภาพ ต่างจาก ColorOS 14 ที่ใช้ระบบเข้ารหัสเพียงบนซอฟต์แวร์

นอกจากนี้ยังมี Payment Protection สำหรับตรวจจับความเสี่ยงจากการใช้งานแอปทางการเงิน, Auto Pixelate ที่เบลอข้อมูลสำคัญในภาพหน้าจอก่อนแชร์โดยอัตโนมัติ และ SOS ฉุกเฉินแบบอัปเกรด ที่สามารถแชร์ตำแหน่ง บันทึกวิดีโอ และโทรหาผู้ช่วยเหลือทันทีด้วยการกดปุ่ม Power 5 ครั้ง
ฟีเจอร์ใหม่ใน ColorOS 15 ที่คุณต้องลอง

ColorOS 15 ไม่ได้มาแค่อัปเกรดดีไซน์หรือปรับปรุงประสิทธิภาพ แต่ยังอัดแน่นไปด้วย ฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้งานได้จริง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยุค 2025 แบบรอบด้าน ไม่ว่าคุณจะเป็นสายทำงาน, สายแต่งรูป, หรือสายความปลอดภัย บอกเลยว่า ColorOS 15 มีอะไรให้ว้าวแน่นอน
- AI Eraser และ AI Reflection Remover หนึ่งในฟีเจอร์ที่ทุกคนพูดถึงคือ AI Eraser ที่สามารถลบคนหรือวัตถุในภาพได้เนียนกริบ พร้อมกับ AI Reflection Remover ที่ช่วยลบเงาสะท้อนในภาพถ่ายที่มีฉากกระจกได้อัตโนมัติ เหมาะมากกับสายแต่งรูปลงโซเชียลแบบไม่ต้องพึ่งแอปนอก
- AI Toolbox – ผู้ช่วยอัจฉริยะในทุกสถานการณ์ ColorOS 15 นำ AI มาใช้แบบเต็มรูปแบบผ่าน AI Toolbox ที่สามารถสรุปเนื้อหาเว็บไซต์หรือเอกสารได้ทันที ร่างข้อความตอบแชทตามโทนเสียงที่เลือกได้ (เช่น สุภาพ, ทางการ, ชิล ๆ) และช่วยจัดการงานประจำวันอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น
- Fluid Cloud – แคปซูลแจ้งเตือนแบบ Interactive ฟีเจอร์ใหม่นี้คือการพัฒนาต่อจาก Aqua Dynamics โดยทำงานคล้าย Dynamic Island ของ iPhone ซึ่งแสดงข้อมูลเรียลไทม์ เช่น เวลาในการจับ, การบันทึกเสียง, การโทร, หรือสถานะการส่งของ – ทั้งหมดนี้อยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ด้านบนหน้าจอที่ดูสวยงามและไม่รบกวนสายตา
- Touch to Share – ส่งไฟล์จาก OPPO ไป iPhone ง่ายเหมือน AirDrop ColorOS 15 มาพร้อม Touch to Share ที่ให้คุณส่งรูป วิดีโอ หรือไฟล์จากมือถือ OPPO ไปยัง iPhone ได้โดยตรง ไม่ต้องใช้แอปเสริม ไม่ต้องเข้าคลาวด์ ถือเป็นการลดกำแพงระหว่าง Android และ iOS ได้อย่างมีสไตล์
- StrongBox – ปลอดภัยขั้นสุดด้วยชิปเฉพาะ สำหรับสายความปลอดภัยต้องห้ามพลาด! StrongBox เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลทางชีวภาพ โดยใช้ฮาร์ดแวร์ระดับชิปแยกออกจากระบบปกติ ช่วยป้องกันการแฮกหรือโจมตีจากมัลแวร์ขั้นสูงได้ดีกว่าการเข้ารหัสธรรมดา
- Auto Pixelate – เบลอข้อมูลส่วนตัวอัตโนมัติในภาพ เวลาแคปหน้าจอแชทหรือข้อมูลส่วนตัว ColorOS 15 จะช่วยเบลอชื่อ, รูปโปรไฟล์ หรือหมายเลขต่าง ๆ ให้อัตโนมัติก่อนแชร์ เพื่อความเป็นส่วนตัวขั้นสูง ไม่ต้องเปิดแอปแต่งภาพก่อนโพสต์
- Adaptive Battery+ – ยืดแบตได้โดยไม่ลดประสิทธิภาพ ด้วย AI ระบบใหม่สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งาน แล้วปรับการจัดสรรพลังงานให้เหมาะสม เช่น หยุดแอปพื้นหลังที่ไม่จำเป็น และลดการซิงค์ที่ไม่ใช้งาน ซึ่งช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้นโดยไม่กระทบความลื่นไหล
- Full-screen Multitasking – ใช้งาน 2 แอปพร้อมกันได้ง่ายขึ้น การแบ่งหน้าจอเพื่อใช้หลายแอปในเวลาเดียวกันง่ายขึ้นมากใน ColorOS 15 คุณสามารถลากนิ้วเพื่อเปิดอีกแอปแบบ Pop-up หรือแบบแบ่งหน้าจอเต็ม ๆ พร้อมปรับขนาดได้แบบ real-time โดยไม่กระตุก
- Lockscreen Customization – ล็อกหน้าจอสไตล์คุณ ColorOS 15 ให้คุณปรับแต่งหน้าจอล็อกได้ลึกกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นฟอนต์, สไตล์นาฬิกา, วอลเปเปอร์แบบไดนามิก, หรือ widget ที่เพิ่มได้ตามความชอบ สร้างความเป็นตัวเองตั้งแต่จอก่อนเข้าเครื่อง
- SOS Emergency Upgrade – กด Power 5 ครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือ ฟีเจอร์ SOS ใน ColorOS 15 ถูกอัปเกรดให้ครอบคลุมมากขึ้น สามารถโทรอัตโนมัติ แชร์พิกัด GPS พร้อมเปิดกล้องเพื่อบันทึกเหตุการณ์ฉุกเฉินได้แบบ real-time เพิ่มความอุ่นใจสำหรับทุกสถานการณ์
ColorOS 15 ใช้กับมือถือรุ่นไหนได้บ้าง? (อัปเดตล่าสุดปี 2025)
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายปี 2024 ระบบปฏิบัติการ ColorOS 15 ได้เริ่มทยอยปล่อยอัปเดตให้กับมือถือ OPPO หลายรุ่น โดยแบ่งเป็นรอบการอัปเดตอย่างเป็นทางการทั้งในปี 2024 และช่วงต้นปี 2025 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่รุ่นเรือธงอย่าง Find Series ไปจนถึงรุ่นยอดนิยมอย่าง Reno และแม้แต่แท็บเล็ต OPPO Pad บางรุ่นก็ยังได้รับอัปเดตด้วยหากคุณสงสัยว่า มือถือรุ่นไหนรองรับ ColorOS 15, หรือว่า OPPO ของคุณจะได้อัปเดตหรือไม่, ตารางด้านล่างคือคำตอบล่าสุดจาก OPPO อย่างเป็นทางการ
ตารางการอัปเดต ColorOS 15 อย่างเป็นทางการ
พฤศจิกายน 2024 – รุ่นแรกที่ได้อัปเดตก่อนใคร
- OPPO Find N3
- OPPO Find N3 Flip
- OPPO Reno11 Pro 5G
ธันวาคม 2024 – กลุ่ม Reno12, Reno11 และแท็บเล็ต
- OPPO Reno12 Pro 5G
- OPPO Reno12 5G
- OPPO Reno12 FS 5G
- OPPO Reno12 F 5G
- OPPO Reno11 5G
- OPPO Reno11 F 5G
- OPPO Pad 3 Pro
- OPPO Pad 2
Q1 2025 – กลุ่ม Find N2 และ Reno10 Series
- OPPO Find N2 Flip
- OPPO Find X5 Pro
- OPPO Reno10 Pro+ 5G
- OPPO Reno10 Pro 5G
- OPPO Reno10 5G
Q2 2025 – รุ่นกลางและรุ่นยอดนิยม
- OPPO Reno8 T
- OPPO Reno8 T 5G
- OPPO Reno12 F
จะรู้ได้ยังไงว่า OPPO ของคุณจะได้อัปเดต ColorOS 15 ไหม?
- ให้เข้าไปที่ Settings > About device > ColorOS version
- ถ้ามีอัปเดตให้ดาวน์โหลด ระบบจะแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ
- หากยังไม่มี ให้ติดตามอัปเดตผ่านแอป HeyTap หรือศูนย์บริการ OPPO ใกล้บ้าน
- หมายเหตุเพิ่มเติม: การอัปเดตอาจมีความแตกต่างตามภูมิภาคและความพร้อมของรุ่น