ถ้ากำลังมองหาลำโพงที่ให้เสียงเบสหนักและพลังเสียงที่โดดเด่นอยู่ ลำโพงจากแบรนด์ JBL ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในตลาดตอนนี้ โดยเฉพาะรุ่น JBL Charge 5 และ JBL Boombox 3 ที่มีความนิยมอย่างสูงทั้งในเรื่องคุณภาพเสียงและความทนทาน แต่ทั้งสองรุ่นนี้ก็มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องขนาด พลังเสียง และการใช้งาน วันนี้เราจะมาดูกันว่า ลำโพงรุ่นไหนจะเหมาะกับคุณมากที่สุดระหว่าง JBL Charge 5 และ JBL Boombox 3 เพื่อให้สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการและไลฟ์สไตล์

บรรณาธิการ
Table of Contents
ประวัติ ลำโพง JBL Charge
ซีรีส์ JBL Charge เริ่มต้นในปี 2013 เมื่อ JBL เปิดตัวรุ่นแรกโดยเน้นที่แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 6000 mAh ซึ่งไม่เพียงแต่เล่นเพลงได้นานประมาณ 12 ชั่วโมง แต่ยังสามารถใช้เป็น Powerbank ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์อื่นได้ด้วย ในปีถัดมา JBL ออก Charge 2 ที่เพิ่มคุณภาพเสียงและรองรับการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกัน ก่อนจะมีรุ่น Charge 2+ ในปี 2015 ซึ่งปรับปรุงดีไซน์ให้กันน้ำได้และปรับจูนเสียงให้คมชัดขึ้น จากนั้นในปี 2016 ก็มี Charge 3 ตามมา โดยปรับวัสดุและการออกแบบให้แข็งแรงขึ้น พร้อมคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นอีกขั้น ในปี 2018 JBL เปิดตัว Charge 4 ที่ใช้แบตเตอรี่ 7500 mAh เล่นเพลงได้ประมาณ 20 ชั่วโมง เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C สำหรับชาร์จ และเพิ่มมาตรฐานกันน้ำ IPX7 จนมาถึง Charge 5 ซึ่งออกในปี 2021 โดยมาพร้อมแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 และรองรับฟีเจอร์ PartyBoost เพื่อเชื่อมต่อลำโพงหลายตัว ขณะที่ในปี 2024 JBL ปล่อย Charge 6 ที่ปรับปรุงเสียงให้มีความสมดุลขึ้น มีหูหิ้วสำหรับพกพาง่ายกว่าเดิม และอัปเกรดการกันน้ำเป็น IP68 ช่วยให้คุณพกพาไปใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายมากขึ้น

ประวัติ ลำโพง JBL Boombox
ซีรีส์ JBL Boombox เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 ด้วยจุดเด่นเป็นลำโพงขนาดใหญ่ที่เน้นเบสทรงพลังและแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 20000 mAh เล่นเพลงได้ต่อเนื่องกว่า 24 ชั่วโมง ตัวเครื่องของรุ่นแรกมีน้ำหนักกว่า 5 กิโลกรัม เหมาะสำหรับตั้งในบ้านหรือจัดปาร์ตี้กลางแจ้งที่ต้องการเสียงดังจัดจ้าน ต่อมาในช่วงปลายปี 2019 ถึงต้นปี 2020 JBL ปล่อย Boombox 2 ที่ปรับดีไซน์ให้โฉบเฉี่ยวขึ้น เพิ่มคุณภาพเสียงเบสและคงแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานเช่นเดิม อีกทั้งยังกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX7 และรองรับฟีเจอร์ PartyBoost เช่นเดียวกับรุ่นแรก ส่วน Boombox 3 เปิดตัวในช่วงกลางปี 2022 ด้วยการปรับปรุงให้ตัวเครื่องทนทานขึ้น กันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP67 ปรับจูนไดรเวอร์ให้ได้เบสลึกจัด และให้พลังเสียงที่ทรงพลังกว่าเดิม พร้อมแบตเตอรี่ที่ยังคงเล่นได้นาน 24 ชั่วโมง และสามารถชาร์จอุปกรณ์ผ่านพอร์ต USB-C ได้ ซึ่งช่วยตอบโจทย์การใช้งานทั้งในบ้านและงานปาร์ตี้กลางแจ้งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ความแตกต่างระหว่าง ลำโพง JBL Charge 5 vs JBL Boombox 3
ภาพรวมทั่วไป
- JBL Charge 5 เป็นลำโพงขนาดพอดีมือ น้ำหนักเบา แค่หยิบใส่กระเป๋าก็ไปได้ทุกที่ แถมชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์อื่นได้ด้วย ส่วน JBL Boombox 3 คือยักษ์ใหญ่ของ JBL เน้นเสียงดัง เบสหนัก เหมาะกับปาร์ตี้หรือใช้ในพื้นที่กว้าง แต่พกพาลำบากกว่าเยอะ ทั้งสองรุ่นกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 เหมือนกัน จึงวางใจใช้กลางแจ้งได้สบายๆ แต่ Charge 5 จะดูคล่องตัวกว่าเมื่อคุณต้องเคลื่อนย้ายบ่อยๆ เสียมากกว่า ส่วน Boombox 3 ถ้าได้ตั้งไว้เฉยๆ จัดว่าแข็งแรงทนทานกว่า
การออกแบบตัวเครื่องและการพกพา
- JBL Charge 5 น้ำหนักราว 0.96 กิโลกรัม ทำให้คุณไม่รู้สึกเมื่อยแขนเวลาหิ้วไปไหนมาหา ขนาดประมาณฝ่ามือ ยาวไม่ถึง 23 ซม. พอดีวางในกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าสะพายได้เลย ฝาหลังใช้วัสดุแบบยางกันกระแทก ลุยน้ำลุยฝุ่นได้โดยไม่ต้องกลัว ทำให้คุณมั่นใจเวลาจะเอาไปเล่นริมหาดหรือเดินป่า
- JBL Boombox 3 น้ำหนักราว 6.7 กิโลกรัม ต้องใช้สองมือยกหรือมีสายรัดหูหิ้วที่แข็งแรงดีๆ ถึงจะขนไปไหนมาไหนได้บ้าง ตัวเครื่องยาวเกือบ 50 ซม. กว้างเกือบ 26 ซม. สูงเกือบ 20 ซม. ต้องเผื่อพื้นที่วางก่อนซื้อ วัสดุด้านนอกเป็นพลาสติกแข็งและตะแกรงโลหะ ทนทานต่อการขีดข่วน เหมาะกับการตั้งกลางแจ้งเวลาปาร์ตี้หรือทำกิจกรรมที่อาจมีการกระแทก
ประสิทธิภาพเสียงและโครงสร้างลำโพง
- JBL Charge 5 ใช้ไดรเวอร์หลัก 30W RMS (woofer) กับ 10W RMS (tweeter) และมี Dual passive radiators อยู่สองฝั่ง เพื่อช่วยขยายย่านเบสให้เด้งและลึกขึ้นในขนาดกะทัดรัด ย่านเสียงกว้างตั้งแต่ 60Hz – 20kHz ทำให้เสียงกลาง–สูงใสชัด ไม่แหลมจนบาดหู แต่ก็ให้เบสกระชับพอกระตุ้นอารมณ์ได้ เมื่อเปิดที่ระดับเสียงกลางๆ คุณจะได้เสียงที่สมดุล ฟังเพลงแนว Acoustic, Pop, EDM แบบบ้านๆ ก็เพียงพอ ส่วนถ้าเปิดสุดเบสอาจเริ่มแตกเล็กน้อย จึงเหมาะกับการใช้งานในห้องขนาดเล็กหรือปาร์ตี้เล็กๆ
- JBL Boombox 3 เป็นระบบลำโพงสามทาง (three-way) ประกอบด้วย Subwoofer 80W RMS, Midrange 2×40W RMS และ Tweeter 2×10W RMS รวมพลังเสียงสูงสุด 180W เมื่อเสียบไฟบ้าน (ส่วนแบตเตอรี่จะได้น้อยลงเหลือราว 136W) ย่านเสียงกว้างตั้งแต่ 40Hz – 20kHz จึงให้เบสที่ลึกกว่าและเต็มกว่า Charge 5 อย่างเห็นได้ชัด เสียงกลาง–สูงก็ยังคงใส ไม่มีอาการบาดหูเมื่อเปิดดังสุด เปิดใช้งานในพื้นที่โล่ง เช่น กลางแจ้งหรือห้องขนาดใหญ่ เสียงจะทอดไกลไปรอบๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมีวงดนตรีมาเล่นสดข้างๆ คุณ
แบตเตอรี่และการใช้งานต่อเนื่อง
- JBL Charge 5 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เล่นเพลงได้ประมาณ 20 ชั่วโมง (ถ้าฟังที่เสียงระดับกลางๆ) มีพอร์ต USB-A ให้คุณชาร์จมือถือหรือแท็บเล็ตได้เหมือน Powerbank ใครเดินทางไกลแล้วมือถือจอแตก อยากชาร์จแบตฯระหว่างทาง Charge 5 ตอบโจทย์สุดๆ ถ้าคุณเปิดเสียงดังแน่นๆ แบตฯ ก็จะลดเร็วขึ้นหน่อย อาจเหลือประมาณ 8–10 ชั่วโมง แต่ก็ยังถือว่าอึดพอตัวสำหรับลุยกิจกรรมทั้งวัน
- JBL Boombox 3 เล่นเพลงได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ที่เสียงระดับกลางๆ พอฟังในงานปาร์ตี้ได้ยันเช้า (ถ้าเปิดเสียงดังสูงสุด อาจเหลือราว 10–12 ชั่วโมง) ไม่มีฟีเจอร์ Powerbank คุณจะชาร์จมือถือจากผู้เดียวเลยไม่ได้ ถ้าต้องการชาร์จอีกเครื่องก็ต้องเตรียม Powerbank ไปด้วย ชาร์จแบตจนเต็มใช้เวลาราว 6–7 ชั่วโมง ยิ่งถ้าใช้ปลัก JBL Dual Charge (ถ้ามี) จะช่วยให้แบตเต็มเร็วขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับปลักที่ราคาแพงขึ้นหน่อย
การเชื่อมต่อและฟีเจอร์เสริม
- JBL Charge 5 ใช้ Bluetooth 5.1 เชื่อมต่อได้ไกลราว 10 เมตร ไม่ค่อยหลุด ไม่ดีเลย์มาก รองรับโปรไฟล์ A2DP / AVRCP ให้คุณควบคุมเพลงเรียกหยุดเล่นจากตัวลำโพงได้ PartyBoost สำหรับต่อกับลำโพง JBL รุ่นที่รองรับ PartyBoost อีกตัว เพื่อสร้างเสียงสเตอริโอหรือขยายพื้นที่เสียงให้กว้างขึ้น มีไมโครโฟนในตัว รับสายคุยโทรศัพท์หรือเรียก Google Assistant/Siri ได้ แต่คุณภาพไมโครโฟนอาจไม่ละเอียดเท่าไมค์ระดับโปร ถ้าคุณอยากปรับเสียงให้ใกล้เคียงสไตล์ที่ชอบ จะต้องติดตั้งแอป JBL Portable บนมือถือ แล้วปรับ EQ ตามโหมดที่ JBL เตรียมมาให้ เช่น โหมด Concert, Podcast, Bass Boost เป็นต้น
- JBL Boombox 3 ใช้ Bluetooth 5.3 รุ่นใหม่กว่า เสถียรกว่าเล็กน้อย ช่วงสัญญาณไกลกว่าเดิมพอควร เหมาะกับพื้นที่กว้างๆ รองรับ PartyBoost เช่นกัน ถ้าคุณมี Boombox 3 สองเครื่อง ก็จับมาวางสเตอริโอซะก็เก๋ไปอีกแบบ พอร์ต USB-C ให้คุณชาร์จมือถือได้ด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่ Powerbank แบบจ่ายไฟเต็ม แต่ก็พอจ่ายไฟชิลๆ ตอนฉุกเฉินได้บ้าง มีไมโครโฟนในตัว รับสายโทรศัพท์หรือคุยผ่าน Google Assistant/Siri ได้เหมือนกัน แต่เสียงจากไมค์อาจยังไม่เทียบกับอุปกรณ์พกพาเฉพาะทาง สามารถปรับ EQ ผ่านแอป JBL Portable ได้ เลือกโหมดเสียงตามสไตล์งานปาร์ตี้ เช่น Bass Boost, Voice, Ambient เป็นต้น
ข้อดี–ข้อเสีย JBL Charge 5 vs JBL Boombox 3
JBL Charge 5
- ข้อดี
- ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย แค่ถือหรือใส่กระเป๋าเป้ก็ไปได้ทุกที่
- น้ำหนักเบา (ประมาณ 0.96 กิโลกรัม) ไม่เมื่อยแขนเมื่อหิ้วนานๆ
- มีฟีเจอร์ Powerbank ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์อื่นผ่านพอร์ต USB-A ได้ทันที
- แบตเตอรี่อึด เล่นเพลงต่อเนื่องประมาณ 20 ชั่วโมง (ขึ้นกับเสียงที่ใช้)
- กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP67 หายห่วงถ้าเกิดฝนตก หรือน้ำกระเด็นเล่นงาน
- ราคาเข้าถึงง่าย (ราว 5,000–6,000 บาท) เมื่อเทียบกับคุณภาพเสียงพกพาได้ดี
- ข้อเสีย:
- เสียงไม่ดังเท่า Boombox 3 เมื่อใช้งานในพื้นที่กว้างหรือปาร์ตี้ใหญ่
- เบสอาจไม่ลึกและหนักพอสำหรับคนที่เน้นจังหวะเบสจัดจ้าน
- ตัวลำโพงไม่เหมาะกับการเปิดเสียงสุดพลังนานๆ เพราะเสียงจะเริ่มบิดเบือนเล็กน้อย
- ไมโครโฟนในตัวคุณภาพปานกลาง ยังไม่เหมาะกับการประชุมออนไลน์จริงจังนัก
JBL Boombox 3
- ข้อดี
- พลังเสียงจัดเต็ม เบสลึกกว่า (ย่านต่ำลงไปได้ประมาณ 40 Hz) ให้เสียงกระหึ่มได้ในพื้นที่กว้าง
- พลังขับสูงสุดถึง 180 W เมื่อเสียบไฟบ้าน (136 W เมื่อใช้แบตเตอรี่) ทำให้เสียงดังได้ไกล
- แบตเตอรี่เล่นเพลงต่อเนื่องราว 24 ชั่วโมง เหมาะสำหรับปาร์ตี้ยาว ๆ หรือใช้งานกลางแจ้ง
- กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP67 ทนต่อการใช้งานในสภาพเปียกหรือฝุ่นฟุ้งได้สบาย
- ใช้ Bluetooth 5.3 เสถียรกว่า เชื่อมต่อได้ไกลกว่ารุ่นเก่าเล็กน้อย
- โครงสร้างแข็งแรง เลือกวางตั้งใช้งานแล้วมั่นคง ไม่ส่ายง่าย
- ข้อเสีย
- น้ำหนักมาก (ประมาณ 6.7 กิโลกรัม) พกพาลำบาก ต้องใช้สองมือขนหรือมีคนช่วยยก
- ขนาดตัวเครื่องค่อนข้างใหญ่ ต้องเผื่อพื้นที่วางชัด ๆ จึงไม่เหมาะกับคนหอหรือห้องเล็ก
- ไม่มีฟีเจอร์ Powerbank ในตัว หากอยากชาร์จมือถือระหว่างใช้งาน ต้องพก Powerbank เพิ่ม
- ราคาแพงกว่า Charge 5 มาก (ราว 12,000–13,000 บาท) จัดว่าเป็นการลงทุนที่ต้องคิดเยอะ
สรุปเลือกลำโพง JBL Charge 5 หรือ JBL Boombox 3 ดี
หากชีวิตประจำวันชื่นชอบพกลำโพงไปเที่ยว ปิกนิก หรือใช้งานทั่วไปแบบคล่องตัว JBL Charge 5 จะคุ้มค่าที่สุด แต่ถ้าจัดปาร์ตี้บ่อย ต้องการเบสหนักๆ ให้โยกหัวกันได้เต็มที่ และไม่คิดเยอะเรื่องการเคลื่อนย้าย เลือก JBL Boombox 3 จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
บทส่งท้าย
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับลำโพง JBL Charge 5 และ JBL Boombox 3 จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมว่าทั้งสองรุ่นมีจุดเด่นแตกต่างกันอย่างไร หากต้องการเปรียบเทียบรุ่นอื่นๆ ของลำโพง JBL เพิ่มเติมและดูรีวิวเชิงลึก สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่ ลำโพง JBL รุ่นไหนดี เพื่อประกอบการตัดสินใจให้เหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุด