Welcome Citizen!

บันทึกตอนนี้เลย แล้วซื้อทีหลัง เราจะแจ้งคุณถ้าราคาลด

Welcome Citizen!

Setup your account or continue reading!

Settings
เช็กการนอนหลับ จากนาฬิกาออกกำลังกาย

วิธีเช็กการนอนหลับจากนาฬิกาออกกำลังกาย

เรียนรู้วิธีเช็คคุณภาพการนอนโดยใช้นาฬิกาออกกำลังกาย พร้อมเคล็ดลับการตั้งค่าและประโยชน์เพื่อปรับปรุงสุขภาพการนอน

การนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพกายและจิตใจ แต่หลายครั้งอาจไม่แน่ใจว่าการนอน เป็นไปตามเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่ ปัจจุบันนาฬิกาออกกำลังกายหรือสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่หลายยี่ห้อได้ใส่ฟังก์ชัน Sleep Tracking ซึ่งจะใช้เซ็นเซอร์วัดการเคลื่อนไหว อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือดของขณะนอนหลับ เพื่อแยกช่วงการนอนหลับออกเป็นหลับตื้น (Light Sleep) หลับลึก (Deep Sleep) และหลับฝัน (REM) พร้อมรายงานสถิติการนอนผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อให้สามารถตรวจสอบคุณภาพการนอนและปรับพฤติกรรมให้ดียิ่งขึ้นได้ทันที


บรรณาธิการ

Puifaii chevron_right

...

ประเภทของข้อมูลการนอนหลับ

  • หลับตื้น (Light Sleep) ในช่วงหลับตื้น อาจเคลื่อนไหวข้อมือน้อยและมีอัตราการเต้นของหัวใจต่ำเล็กน้อย แต่ไม่ลึกมาก การนอนในช่วงนี้จะช่วยเตรียมร่างกายและสมองเข้าสู่ช่วงหลับลึก
  • หลับลึก (Deep Sleep) เป็นช่วงสำคัญสำหรับการฟื้นฟูร่างกายและซ่อมแซมเซลล์ ระบบจะตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจที่น้อยลงและการเคลื่อนไหวแทบไม่มี หากระบบ Sleep Tracking วิเคราะห์ว่าอยู่ในช่วงหลับลึก จะบันทึกเวลาที่ใช้ในช่วงนี้เพื่อประเมินคุณภาพการนอน
  • หลับฝัน (REM Sleep) ช่วง REM (Rapid Eye Movement) เป็นช่วงที่สมองตื่นตัวเกือบเท่าตอนตื่น แต่กล้ามเนื้อไม่เคลื่อนไหว นาฬิกาจะประเมินฐานข้อมูลการเต้นของหัวใจ การเคลื่อนไหว และลักษณะการหายใจ เพื่อประเมินว่าอยู่ในช่วงหลับฝันหรือไม่ โดยช่วงนี้มีความสำคัญต่อความจำและการเรียนรู้
  • ระยะเวลาตื่น (Awake Time) นาฬิกาจะนับช่วงเวลาที่พลิกตัวหรือขยับข้อมือบ่อยๆ ว่าเป็นช่วงตื่น เช่น การตื่นขึ้นมาดื่มน้ำหรือเข้าห้องน้ำกลางดึก ซึ่งจะถูกคำนวณรวมในเวลาตื่นเพื่อให้ทราบว่าในคืนหนึ่งตื่นบ่อยแค่ไหน

หลักการทำงานของฟังก์ชัน Sleep Tracking

  • เซ็นเซอร์วัดการเคลื่อนไหว (Accelerometer) นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่ติดตั้ง Accelerometer เพื่อจับความเคลื่อนไหวเล็กๆ ขณะนอนหลับ เมื่อหลับลึก การเคลื่อนไหวน้อยลง ระบบจะเก็บข้อมูลการเร่ง (Acceleration) แล้วใช้ซอฟต์แวร์ประมวลผลแยกว่าเป็นช่วงหลับลึกหรือหลับตื้น
  • เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) ขณะที่หลับ อัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate) จะลดต่ำและนิ่งในช่วงหลับลึก แต่ในช่วงหลับตื้นหรือ REM หัวใจอาจเต้นเร็วขึ้นและไม่สม่ำเสมอ สมาร์ทวอทช์ที่มีเซ็นเซอร์วัด HR จะอ่านค่าตลอดคืน แล้วประเมินช่วงการนอนได้แม่นยำขึ้น
  • เซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂ Sensor) นาฬิกาบางรุ่นมีเซ็นเซอร์ SpO₂ ช่วยตรวจวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด หากมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) หรือมีการลดลงของออกซิเจนกลางดึก เครื่องจะแจ้งเตือนให้ทราบ เพื่อวางแผนตรวจสุขภาพต่อไป

ประโยชน์ของการติดตามการนอนหลับ

  • ช่วยปรับปรุงพฤติกรรมการนอน เมื่อทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับช่วงเวลาหลับต่างๆ สามารถปรับตารางเวลานอนและกิจวัตรก่อนนอน (เช่น เลี่ยงหน้าจอมือถือ ปิดไฟห้องก่อนเข้านอน) เพื่อเพิ่มระยะเวลาหลับลึกและ REM ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายและสมองฟื้นฟูตัวเอง
  • ตรวจจับปัญหาสุขภาพเบื้องต้น หากอัตราการเต้นของหัวใจมีความผิดปกติ หรือระดับ SpO₂ ลดต่ำลงบ่อยๆ สมาร์ทวอทช์จะส่งสัญญาณเตือนว่าอาจมี ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) หรือปัญหาหัวใจบางอย่าง สามารถนำข้อมูลนี้ไปปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและแก้ไขต่อไปได้ทันที
  • ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง การนอนหลับมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ระบบเผาผลาญ และอารมณ์ เมื่อปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้ดีขึ้น จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และภาวะซึมเศร้าได้อย่างเป็นรูปธรรม

วิธีการเช็กการนอนหลับจากนาฬิกาออกกำลังกาย

Apple Watch

  1. ลงแอป Health (สุขภาพ) หรือ Sleep (การนอน) บน iPhone

  2. ตั้ง ตารางการนอน (Bedtime) กำหนดเวลานอนและเวลาตื่นในเมนู Sleep

  3. ตั้ง Sleep Goal ระบุจำนวนชั่วโมงที่ต้องการนอนต่อคืน

  4. เมื่อถึงเวลาเข้านอน สมาร์ทวอทช์จะเข้าสู่โหมด Sleep ทำงานร่วมกับ iPhone เพื่อบันทึกข้อมูล หลังตื่นขึ้น จะเห็นสรุปภาพรวมช่วงหลับตื้น หลับลึก และ REM ในแอป Health

Garmin

  1. ติดตั้งและเปิดแอป Garmin Connect บนสมาร์ทโฟน

  2. สวมใส่นาฬิกา Garmin ตลอดทั้งวันและขณะนอนหลับ เพื่อให้เซ็นเซอร์อ่านข้อมูลได้ครบ

  3. ข้อมูลจะถูกซิงค์กับแอปโดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อ Bluetooth

  4. เข้าเมนู Sleep ใน Garmin Connect เพื่อดูสถิติเวลาหลับตื้น หลับลึก REM และคะแนนคุณภาพการนอน (Sleep Score)

Fitbit

  1. เปิดแอป Fitbit แล้วเชื่อมต่อกับสมาร์ทวอทช์หรือแทร็กเกอร์

  2. Fitbit จะตรวจจับการนอนเองอัตโนมัติ หากสวมใส่ครบ 3-4 ชั่วโมงติดกัน

  3. เมื่อซิงค์ข้อมูลขึ้นแอป จะเห็นกราฟการนอนแบ่งเป็น Light, Deep, REM รวมถึงเวลาตื่นกลางดึกและเวลาที่อยู่ในเตียง

  4. Fitbit ยังมีการประเมิน Sleep Stages และ Sleep Score ช่วยให้ปรับปรุงคุณภาพการนอนได้ง่ายขึ้น

Xiaomi / Amazfit

  1. เปิดแอป Zepp (ก่อนหน้านี้ชื่อ Mi Fit) แล้วเชื่อมต่อกับนาฬิกา Amazfit หรือแทร็กเกอร์ Xiaomi

  2. สวมใส่ขณะนอนเพื่อให้เซ็นเซอร์จับสัญญาณการเคลื่อนไหวและอัตราการเต้นหัวใจ

  3. ข้อมูลจะอัปโหลดขึ้นแอปโดยอัตโนมัติ หลังตื่นนอน สามารถดูสถิติหลับตื้น หลับลึก และ REM พร้อม Sleep Score ได้ทันที


บทส่งท้าย

การใช้ฟังก์ชันติดตามการนอนหลับในนาฬิกาออกกำลังกายช่วยให้เห็นภาพการนอนของคุณได้ชัดขึ้น ทั้งหลับตื้น หลับลึก และช่วง REM รวมถึงข้อมูลอัตราการเต้นหัวใจและค่า SpO₂ ระหว่างคืน ข้อมูลพวกนี้จะช่วยให้ปรับพฤติกรรมก่อนนอนและติดตามพัฒนาการได้ดีขึ้น ถ้ากำลังมองหานาฬิกาออกกำลังกายที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Tracking แบบครบๆ ลองเข้าไปดูรายละเอียดและเปรียบเทียบรุ่นต่างๆ ได้ที่ นาฬิกาออกกำลังกาย ยี่ห้อไหนดี

สิ้นสุดบทความ