การนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพกายและจิตใจ แต่หลายครั้งอาจไม่แน่ใจว่าการนอน เป็นไปตามเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่ ปัจจุบันนาฬิกาออกกำลังกายหรือสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่หลายยี่ห้อได้ใส่ฟังก์ชัน Sleep Tracking ซึ่งจะใช้เซ็นเซอร์วัดการเคลื่อนไหว อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือดของขณะนอนหลับ เพื่อแยกช่วงการนอนหลับออกเป็นหลับตื้น (Light Sleep) หลับลึก (Deep Sleep) และหลับฝัน (REM) พร้อมรายงานสถิติการนอนผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อให้สามารถตรวจสอบคุณภาพการนอนและปรับพฤติกรรมให้ดียิ่งขึ้นได้ทันที

บรรณาธิการ
Table of Contents
ประเภทของข้อมูลการนอนหลับ
- หลับตื้น (Light Sleep) ในช่วงหลับตื้น อาจเคลื่อนไหวข้อมือน้อยและมีอัตราการเต้นของหัวใจต่ำเล็กน้อย แต่ไม่ลึกมาก การนอนในช่วงนี้จะช่วยเตรียมร่างกายและสมองเข้าสู่ช่วงหลับลึก
- หลับลึก (Deep Sleep) เป็นช่วงสำคัญสำหรับการฟื้นฟูร่างกายและซ่อมแซมเซลล์ ระบบจะตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจที่น้อยลงและการเคลื่อนไหวแทบไม่มี หากระบบ Sleep Tracking วิเคราะห์ว่าอยู่ในช่วงหลับลึก จะบันทึกเวลาที่ใช้ในช่วงนี้เพื่อประเมินคุณภาพการนอน
- หลับฝัน (REM Sleep) ช่วง REM (Rapid Eye Movement) เป็นช่วงที่สมองตื่นตัวเกือบเท่าตอนตื่น แต่กล้ามเนื้อไม่เคลื่อนไหว นาฬิกาจะประเมินฐานข้อมูลการเต้นของหัวใจ การเคลื่อนไหว และลักษณะการหายใจ เพื่อประเมินว่าอยู่ในช่วงหลับฝันหรือไม่ โดยช่วงนี้มีความสำคัญต่อความจำและการเรียนรู้
- ระยะเวลาตื่น (Awake Time) นาฬิกาจะนับช่วงเวลาที่พลิกตัวหรือขยับข้อมือบ่อยๆ ว่าเป็นช่วงตื่น เช่น การตื่นขึ้นมาดื่มน้ำหรือเข้าห้องน้ำกลางดึก ซึ่งจะถูกคำนวณรวมในเวลาตื่นเพื่อให้ทราบว่าในคืนหนึ่งตื่นบ่อยแค่ไหน
หลักการทำงานของฟังก์ชัน Sleep Tracking
- เซ็นเซอร์วัดการเคลื่อนไหว (Accelerometer) นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่ติดตั้ง Accelerometer เพื่อจับความเคลื่อนไหวเล็กๆ ขณะนอนหลับ เมื่อหลับลึก การเคลื่อนไหวน้อยลง ระบบจะเก็บข้อมูลการเร่ง (Acceleration) แล้วใช้ซอฟต์แวร์ประมวลผลแยกว่าเป็นช่วงหลับลึกหรือหลับตื้น
- เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) ขณะที่หลับ อัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate) จะลดต่ำและนิ่งในช่วงหลับลึก แต่ในช่วงหลับตื้นหรือ REM หัวใจอาจเต้นเร็วขึ้นและไม่สม่ำเสมอ สมาร์ทวอทช์ที่มีเซ็นเซอร์วัด HR จะอ่านค่าตลอดคืน แล้วประเมินช่วงการนอนได้แม่นยำขึ้น
- เซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂ Sensor) นาฬิกาบางรุ่นมีเซ็นเซอร์ SpO₂ ช่วยตรวจวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด หากมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) หรือมีการลดลงของออกซิเจนกลางดึก เครื่องจะแจ้งเตือนให้ทราบ เพื่อวางแผนตรวจสุขภาพต่อไป

ประโยชน์ของการติดตามการนอนหลับ
- ช่วยปรับปรุงพฤติกรรมการนอน เมื่อทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับช่วงเวลาหลับต่างๆ สามารถปรับตารางเวลานอนและกิจวัตรก่อนนอน (เช่น เลี่ยงหน้าจอมือถือ ปิดไฟห้องก่อนเข้านอน) เพื่อเพิ่มระยะเวลาหลับลึกและ REM ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายและสมองฟื้นฟูตัวเอง
- ตรวจจับปัญหาสุขภาพเบื้องต้น หากอัตราการเต้นของหัวใจมีความผิดปกติ หรือระดับ SpO₂ ลดต่ำลงบ่อยๆ สมาร์ทวอทช์จะส่งสัญญาณเตือนว่าอาจมี ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) หรือปัญหาหัวใจบางอย่าง สามารถนำข้อมูลนี้ไปปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและแก้ไขต่อไปได้ทันที
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง การนอนหลับมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ระบบเผาผลาญ และอารมณ์ เมื่อปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้ดีขึ้น จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และภาวะซึมเศร้าได้อย่างเป็นรูปธรรม
วิธีการเช็กการนอนหลับจากนาฬิกาออกกำลังกาย
Apple Watch
-
ลงแอป Health (สุขภาพ) หรือ Sleep (การนอน) บน iPhone
-
ตั้ง ตารางการนอน (Bedtime) กำหนดเวลานอนและเวลาตื่นในเมนู Sleep
-
ตั้ง Sleep Goal ระบุจำนวนชั่วโมงที่ต้องการนอนต่อคืน
-
เมื่อถึงเวลาเข้านอน สมาร์ทวอทช์จะเข้าสู่โหมด Sleep ทำงานร่วมกับ iPhone เพื่อบันทึกข้อมูล หลังตื่นขึ้น จะเห็นสรุปภาพรวมช่วงหลับตื้น หลับลึก และ REM ในแอป Health

Garmin
-
ติดตั้งและเปิดแอป Garmin Connect บนสมาร์ทโฟน
-
สวมใส่นาฬิกา Garmin ตลอดทั้งวันและขณะนอนหลับ เพื่อให้เซ็นเซอร์อ่านข้อมูลได้ครบ
-
ข้อมูลจะถูกซิงค์กับแอปโดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อ Bluetooth
-
เข้าเมนู Sleep ใน Garmin Connect เพื่อดูสถิติเวลาหลับตื้น หลับลึก REM และคะแนนคุณภาพการนอน (Sleep Score)

Fitbit
-
เปิดแอป Fitbit แล้วเชื่อมต่อกับสมาร์ทวอทช์หรือแทร็กเกอร์
-
Fitbit จะตรวจจับการนอนเองอัตโนมัติ หากสวมใส่ครบ 3-4 ชั่วโมงติดกัน
-
เมื่อซิงค์ข้อมูลขึ้นแอป จะเห็นกราฟการนอนแบ่งเป็น Light, Deep, REM รวมถึงเวลาตื่นกลางดึกและเวลาที่อยู่ในเตียง
-
Fitbit ยังมีการประเมิน Sleep Stages และ Sleep Score ช่วยให้ปรับปรุงคุณภาพการนอนได้ง่ายขึ้น

Xiaomi / Amazfit
-
เปิดแอป Zepp (ก่อนหน้านี้ชื่อ Mi Fit) แล้วเชื่อมต่อกับนาฬิกา Amazfit หรือแทร็กเกอร์ Xiaomi
-
สวมใส่ขณะนอนเพื่อให้เซ็นเซอร์จับสัญญาณการเคลื่อนไหวและอัตราการเต้นหัวใจ
-
ข้อมูลจะอัปโหลดขึ้นแอปโดยอัตโนมัติ หลังตื่นนอน สามารถดูสถิติหลับตื้น หลับลึก และ REM พร้อม Sleep Score ได้ทันที

บทส่งท้าย
การใช้ฟังก์ชันติดตามการนอนหลับในนาฬิกาออกกำลังกายช่วยให้เห็นภาพการนอนของคุณได้ชัดขึ้น ทั้งหลับตื้น หลับลึก และช่วง REM รวมถึงข้อมูลอัตราการเต้นหัวใจและค่า SpO₂ ระหว่างคืน ข้อมูลพวกนี้จะช่วยให้ปรับพฤติกรรมก่อนนอนและติดตามพัฒนาการได้ดีขึ้น ถ้ากำลังมองหานาฬิกาออกกำลังกายที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Tracking แบบครบๆ ลองเข้าไปดูรายละเอียดและเปรียบเทียบรุ่นต่างๆ ได้ที่ นาฬิกาออกกำลังกาย ยี่ห้อไหนดี