Welcome Citizen!

บันทึกตอนนี้เลย แล้วซื้อทีหลัง เราจะแจ้งคุณถ้าราคาลด

Welcome Citizen!

Setup your account or continue reading!

Settings
SuperVOOC และ VOOC คืออะไร? | เทคโนโลยีชาร์จไว OPPO ล่าสุด

SuperVOOC และ VOOC คืออะไร? | เทคโนโลยีชาร์จไว OPPO ล่าสุด

เจาะเบื้องหลังเทคโนโลยีชาร์จไว SuperVOOC และ VOOC ของ OPPO ที่ทั้งเร็ว ปลอดภัย และฉลาดกว่าที่คิด

ลองนึกภาพว่าเรามีเวลาแค่ 10 นาที ก่อนออกจากบ้าน แต่แบตเหลือแค่ 5% นี่แหละคือจุดที่เทคโนโลยีชาร์จเร็วของ OPPO อย่าง VOOC และ SuperVOOC เข้ามาเปลี่ยนเกมสมาร์ทโฟนแบบพลิกวงการ! ไม่ใช่แค่เร็วธรรมดา แต่เป็นเร็วแบบ “มีวิศวกรรม” รองรับความปลอดภัย ความเสถียร และสุขภาพของแบตในระยะยาว

ในบทความนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกตั้งแต่รากฐานของเทคโนโลยี Voltage Open Loop, หลักการทำงานของ Dual-Cell Battery, ไปจนถึงว่าทำไม SuperVOOC ถึงกล้าท้าชนกับชาร์จไวค่ายอื่นในปี 2025 ได้แบบไม่สะท้าน และถ้าคุณเป็นสาย realme หรือ OnePlus ก็มีอะไรให้คุณต้องรู้เช่นกัน

ถ้าคุณกำลังคิดจะซื้อหัวชาร์จใหม่ หรือแค่อยากเข้าใจเบื้องหลังการชาร์จเร็วที่ “ไวแต่ไม่ร้อน” บทความนี้จะช่วยให้คุณมองโลกของ Fast Charging แบบไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


บรรณาธิการ

Ing On chevron_right

...

VOOC Charge คืออะไร

VOOC Charge คือ เทคโนโลยีชาร์จไวที่ OPPO พัฒนาขึ้นเอง โดยคำว่า “VOOC” ย่อมาจาก Voltage Open Loop Multi-step Constant-Current Charging ซึ่งฟังดูอาจซับซ้อนนิดนึง แต่แก่นแท้คือ “การชาร์จด้วยแรงดันต่ำ กระแสสูง” เพื่อให้ชาร์จเร็วขึ้นโดยไม่เพิ่มอุณหภูมิของเครื่องจนร้อนเกินไป

เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 บน OPPO Find 7 เทคโนโลยี VOOC คือ ก้าวแรกของ OPPO ที่กล้าฉีกกรอบจากระบบชาร์จไวแบบดั้งเดิม เช่น Quick Charge ของ Qualcomm ที่เน้นเพิ่มแรงดันไฟ (Voltage) จนเกิดความร้อนสะสม VOOC เลือกทางกลับกัน ลดแรงดันเหลือเพียง 5V แต่เพิ่มกระแสสูงถึง 4A (รวมเป็น 20W) ทำให้มือถือสามารถชาร์จได้เร็วโดยที่เครื่องยังเย็นและปลอดภัย

ทำไม VOOC Charge ถึงน่าทึ่ง

  • ใช้ระบบ Fast Charging Technology ที่ออกแบบให้ ไม่เร่งไฟแรง แต่ใช้กระแสไฟไหลเร็ว (Current-based)
  • การออกแบบวงจรพิเศษในทั้งหัวชาร์จและมือถือ ทำให้การถ่ายพลังงานมีเสถียรภาพ
  • เทคโนโลยี Voltage Open Loop ทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบอุณหภูมิและความปลอดภัยแบบเรียลไทม์
  • ทำให้ OPPO กลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน เทคโนโลยีชาร์จไว OPPO ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งวงการ

ข้อควรรู้เพิ่มเติมก่อนใช้ VOOC Charge

หนึ่งในจุดที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือ VOOC ไม่สามารถใช้ร่วมกับหัวชาร์จทั่วไปได้เต็มประสิทธิภาพ คุณต้องใช้ หัวชาร์จ VOOC ของแท้ และสายที่รองรับเทคโนโลยีนี้โดยเฉพาะ มิฉะนั้น ความเร็วจะลดลงเหลือแค่ระดับชาร์จธรรมดา นอกจากนี้ realme เอง (ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ OPPO) ก็มีการนำเทคโนโลยีนี้ไปต่อยอดในชื่อว่า SuperDart Charge ซึ่งเป็นการดัดแปลงมาจาก VOOC เช่นกัน


SuperVOOC คืออะไร

SuperVOOC คืออะไร? คือ เทคโนโลยีชาร์จไวขั้นสุดของ OPPO ที่พัฒนาเหนือกว่า VOOC เดิมหลายระดับ ทั้งในเรื่องความเร็ว ความปลอดภัย และโครงสร้างภายในของแบตเตอรี่เอง โดยคำว่า “Super” ไม่ได้มาเล่น ๆ — นี่คือเทคโนโลยีที่สามารถชาร์จมือถือให้เต็ม 100% ภายในไม่ถึง 10 นาที (ในเวอร์ชัน 240W)

เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 บน OPPO Find X รุ่นพิเศษ เทคโนโลยีนี้ต่อยอดจาก VOOC Charge ดั้งเดิม โดยเปลี่ยนโครงสร้างแบตเตอรี่ภายในจาก Single-cell มาเป็น Dual-cell Battery พร้อมระบบควบคุมพลังงานแบบ Multi-Pump เพื่อให้สามารถปล่อยพลังงานสูงถึง 65W, 100W, 150W หรือแม้แต่ 240W ได้โดยไม่เสี่ยงร้อนหรือเสื่อมสภาพ

SuperVOOC 240W คืออะไร

ในปี 2023 OPPO เปิดตัว SuperVOOC 240W ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่แรงที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น ชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh ได้ เต็ม 100% ในเวลาเพียง 9 นาที โดยใช้หัวชาร์จและสายที่ได้รับการออกแบบมาพิเศษ ความเร็วระดับนี้มาพร้อมกับคำถามว่า “แล้วมันปลอดภัยไหม?” และนี่คือจุดที่ SuperVOOC โดดเด่นที่สุด

ความปลอดภัยที่มาพร้อมความเร็ว

เทคโนโลยี SuperVOOC ดียังไง ไม่ใช่แค่เรื่องความเร็ว แต่เป็นการควบคุมความร้อนและความปลอดภัยแบบละเอียด:

  • ระบบ Battery Health Engine ช่วยยืดอายุแบตให้ยังอยู่ในสภาพดีแม้จะผ่านการชาร์จหลายร้อยรอบ
  • AI Charging เรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ และปรับกำลังไฟอัตโนมัติเพื่อถนอมแบต
  • มีระบบ Heat Management และ 5-Layer Safety Protection ทั้งในสาย หัวชาร์จ และมือถือ
  • รองรับการตรวจจับความร้อนแบบเรียลไทม์เพื่อป้องกันความเสียหาย

ข้อควรรู้เพิ่มเติมก่อนใช้ VOOC Charge

แนะนำให้ใช้หัวชาร์จ SuperVOOC ของแท้ (รองรับแรงดันและกระแสสูง), สายชาร์จที่ผ่านมาตรฐาน SuperVOOC, สมาร์ทโฟนที่ รองรับ SuperVOOC เช่น OPPO Find X6 Pro, Reno11 Pro หรือ realme GT Neo5

OPPO SuperVOOC ใช้กับรุ่นไหน ขึ้นอยู่กับเวอร์ชัน (65W, 80W, 150W, หรือ 240W) ซึ่งต้องเช็คสเปกให้ตรงกับที่ระบุไว้ในกล่องผลิตภัณฑ์


เปรียบเทียบ VOOC vs SuperVOOC

จากชาร์จไว...สู่ชาร์จ "ไวที่สุด" แม้ว่า VOOC Charge และ SuperVOOC จะถูกพัฒนาขึ้นโดย OPPO ทั้งคู่ และใช้ชื่อใกล้เคียงกัน แต่ความจริงแล้วทั้งสองเทคโนโลยีมีความแตกต่างกันในระดับ “โครงสร้างภายใน” ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขวัตต์ที่สูงขึ้นเท่านั้น ลองนึกว่า VOOC คือเครื่องบินโดยสารที่เร็วและปลอดภัย ส่วน SuperVOOC คือเครื่องบินเจ็ต ที่เร็วกว่า แรงกว่า แต่ยังคงความเสถียรทุกขั้นตอน

ถ้า VOOC คือ “รถสปอร์ต” ที่ชาร์จได้เร็ว SuperVOOC ก็คือ “F1” ที่เร่งเต็มสปีดในทุกวินาที

คุณสมบัติ VOOC Charge (เช่น VOOC 4.0) SuperVOOC (เช่น 50W, 150W, 240W)
ปีเปิดตัว 2014 2018
เทคโนโลยีหลัก แบตเตอรี่เซลล์เดียว (Single-Cell) แบตเตอรี่เซลล์คู่ (Bi-Cell Architecture)
หลักการทำงาน แรงดันต่ำ กระแสสูง แรงดันสูงขึ้น ชาร์จ 2 เซลล์พร้อมกัน
โครงสร้างแบตเตอรี่ Single-cell Dual-cell battery
กำลังไฟ (Power) 20W – 30W 50W – 240W
แรงดันไฟ (Voltage) ต่ำ (5V) สูงขึ้นตามเวอร์ชัน (10V ขึ้นไป)
ความเร็วในการชาร์จ ~50% ใน 30 นาที | 30W เต็มใน ~70–80 นาที 65W เต็มใน ~30–35 นาที | 240W เต็มใน ~9 นาที
เทคโนโลยีควบคุม Voltage Open Loop AI Charging + Multi-layer Safety
สุขภาพแบตเตอรี่ ดี – เครื่องไม่ร้อนขณะชาร์จ ดีเยี่ยม – มี Battery Health Engine (BHE) เสริม
ความปลอดภัย สูง สูงมาก พร้อมระบบตรวจจับความร้อนแบบ real-time
กลุ่มผู้ใช้ สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น–กลาง สมาร์ทโฟนระดับกลาง–เรือธง (Flagship)
มือถือที่รองรับ OPPO Find 7, F Series (บางรุ่น) OPPO Find X, Reno Series, realme GT Series (บางรุ่น)
ต้องใช้สาย/หัวเฉพาะ ใช่ ใช่ (และควรตรงเวอร์ชันของ SuperVOOC ด้วย)

เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยใน VOOC และ SuperVOOC

แม้เทคโนโลยีชาร์จไวจะมีความเร็วเป็นจุดขายหลัก แต่สำหรับ VOOC Charge และ SuperVOOC ของ OPPO แล้ว “ความปลอดภัย” คือหัวใจที่ออกแบบควบคู่กันเสมอ โดยเฉพาะในรุ่นที่มีกำลังไฟสูงถึง 240W ที่ยังคงปลอดภัยและควบคุมได้แม่นยำทุกจุด

ปรัชญาพื้นฐาน: ชาร์จเร็ว แต่ไม่ให้เครื่องร้อน

OPPO ใช้แนวคิด “แรงดันต่ำ กระแสสูง” (Low Voltage, High Current) แทนการเพิ่มแรงดันเหมือนเทคโนโลยีชาร์จไวทั่วไป ซึ่งจะช่วยลดความร้อนที่ตัวเครื่อง
นอกจากนี้ยังย้าย วงจรแปลงแรงดันไฟ ไปไว้ที่หัวชาร์จแทน

ข้อดีหลัก:

  • เครื่องไม่ร้อน ชาร์จไปใช้งานไปได้ปลอดภัย
  • ถนอมแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้น
  • ลดความเสี่ยงแบตบวมหรือเสียหายจากความร้อน

ระบบป้องกัน 5 ชั้น (5-Layer Safety Protection)

ทั้ง VOOC และ SuperVOOC มาพร้อมระบบป้องกัน 5 จุดสำคัญ ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางไฟฟ้าจนถึงแบตเตอรี่ในเครื่อง

  1. อะแดปเตอร์: ป้องกันการจ่ายไฟเกิน ตัดไฟทันทีหากเกิดไฟฟ้าผิดปกติ
  2. การจับคู่หัว–สาย–เครื่อง: ใช้ชิป MCU ตรวจสอบก่อนเริ่มชาร์จ หากไม่รองรับ จะปรับเป็นชาร์จแบบปกติ
  3. พอร์ต USB-C ของมือถือ: มีระบบป้องกันกระแสและแรงดันไฟฟ้า
  4. แบตเตอรี่: ชิปควบคุมกระแสไฟเข้าเซลล์แบตโดยตรง
  5. ฟิวส์แบตเตอรี่: หากระบบอื่นล้มเหลว ฟิวส์จะตัดวงจรไฟทั้งหมดทันที

การควบคุมอุณหภูมิแบบเรียลไทม์

โดยเฉพาะใน SuperVOOC รุ่นใหม่ ๆ มีการติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับความร้อนมากถึง 13 จุด ภายในตัวเครื่อง

  • มีชิปควบคุมอัจฉริยะคอยประมวลผลอุณหภูมิตลอดเวลา
  • หากพบจุดใดร้อนผิดปกติ ระบบจะปรับลดกระแสไฟทันที
  • ช่วยให้ชาร์จได้ต่อเนื่องโดยไม่สะสมความร้อน

Battery Health Engine (BHE): ยืดอายุแบตได้จริง

SuperVOOC รุ่น 150W ขึ้นไป มาพร้อมเทคโนโลยี Battery Health Engine (BHE) ที่ช่วยดูแลแบตระยะยาว ประกอบด้วย 2 เทคโนโลยีสำคัญ:

  • Smart Battery Health Algorithm: ปรับกระแสให้สมดุล ลดความเสี่ยง "ลิเธียมตาย"
  • Battery Healing: ฟื้นฟูโครงสร้างแบต ป้องกันการเสื่อมคุณภาพของชั้น SEI

ผลลัพธ์: แบตเตอรี่ยังคงความจุได้ มากกว่า 80% หลังการชาร์จ 1,600 รอบ สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปถึง 2 เท่า

AI Charging: เรียนรู้เพื่อถนอมแบต

  • ระบบ AI Charging จะเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้ เช่น เวลานอน-เวลาตื่น
  • ปรับพลังงานให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เช่น ลดความเร็วเมื่อชาร์จข้ามคืน
  • ช่วยลดอุณหภูมิและยืดอายุแบตในระยะยาว

อุปกรณ์ที่รองรับ SuperVOOC และ VOOC

เนื่องจากเทคโนโลยี VOOC Charge และ SuperVOOC ได้รับการพัฒนาโดย OPPO และถูกนำไปใช้ในแบรนด์เครือญาติอย่าง realme (ในชื่อ Dart Charge / SuperDart) และ OnePlus (ในชื่อ Warp Charge / SuperVOOC) อุปกรณ์ที่รองรับจึงมีจำนวนมากและกระจายอยู่ในหลายช่วงราคา ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นจนถึงเรือธงระดับ Ultra ก่อนจะดูรายชื่อรุ่นที่รองรับ มาทำความเข้าใจพื้นฐานก่อน:

ข้อควรรู้ก่อนเลือกใช้อุปกรณ์ SuperVOOC/VOOC

  • SuperVOOC = เทคโนโลยีชาร์จไวระดับสูง (50W – 240W) ใช้ในมือถือระดับกลางถึงเรือธง
  • VOOC = เทคโนโลยีชาร์จไวพื้นฐาน (20W – 33W) ใช้ในรุ่นเริ่มต้นถึงระดับกลาง
  • ต้องใช้ ชุดแท้ครบ: มือถือ + สายชาร์จ VOOC/SuperVOOC + หัวชาร์จที่รองรับ
  • หากใช้อุปกรณ์ไม่ตรงรุ่น → ระบบจะลดความเร็วลงเพื่อความปลอดภัย

มือถือ OPPO ที่รองรับ VOOC และ SuperVOOC

SuperVOOC (65W – 240W)

ใช้ในรุ่นท็อป ดีไซน์พรีเมียม และเน้นประสิทธิภาพสูง

  • OPPO Find X Series: ซีรีส์เรือธงที่ได้รับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเสมอ เช่น: Find X8 Series (รุ่นล่าสุด), Find X7 Series (100W), Find X6 Pro (100W), Find X5 Pro (80W), Find X2 Pro (65W)
  • OPPO Reno Series (รุ่น Pro): ซีรีส์รองท็อปยอดนิยม เน้นกล้องและดีไซน์ เช่น: Reno12 Series (รุ่นล่าสุด), Reno11 Series (80W), Reno10 Pro+ (100W), Reno8 T 5G (67W)
  • OPPO A Series (รุ่นบน ๆ): รุ่นใหม่ ๆ เริ่มได้ชาร์จเร็วระดับ SuperVOOC เช่น: A98 5G (67W)

VOOC (20W – 33W)

พบในมือถือราคาประหยัด–ระดับกลาง

  • OPPO A Series: เป็นซีรีส์ที่พบ VOOC ได้บ่อยที่สุด เช่น: A79 5G (33W), A77s (33W), A57 (33W)
  • OPPO F Series (รุ่นเก่า): เช่น: F9, F11 Pro (VOOC 3.0)

มือถือ realme ที่ใช้ Dart / SuperDart Charge

realme ใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับ OPPO แต่เปลี่ยนชื่อเป็น Dart Charge (ระดับ VOOC) และ SuperDart Charge (ระดับ SuperVOOC)

SuperDart Charge (65W – 150W)

  • realme GT Series: ซีรีส์เรือธงและนักฆ่าเรือธงที่มักจะนำความเร็วชาร์จสูงสุดมาใส่ เช่น: GT 6 / GT 7 Series (รุ่นล่าสุด), GT Neo 5 (240W), GT Neo 3 (150W), GT 2 Pro (65W)
  • realme Number Series (Pro Models): เช่น: realme 13 Pro+ (คาดว่า 100W+), realme 9 Pro+ (60W), realme 7 Pro (65W)

Dart Charge (30W – 33W)

  • realme Number Series (ทั่วไป): เช่น: realme 11 (33W), realme 9 4G (33W), realme 8 (30W)
  • realme Narzo Series: เช่น: Narzo 50 Pro 5G (33W)

มือถือ OnePlus ที่ใช้ Warp Charge / SuperVOOC

OnePlus เริ่มจากชื่อ Warp Charge และในรุ่นหลังได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ SuperVOOC แบบเดียวกับ OPPO

SuperVOOC / Warp Charge (65W – 150W)

  • OnePlus Flagship Series: เช่น: OnePlus 13 (รุ่นล่าสุด), OnePlus 12 (100W), OnePlus 11 (100W), OnePlus 10 Pro (80W)
  • OnePlus T Series: รุ่นอัปเกรดประสิทธิภาพช่วงปลายปี เช่น: OnePlus 10T (150W), OnePlus 8T (65W)
  • OnePlus Nord Series: รุ่นกลางที่ได้รับฟีเจอร์ระดับเรือธง เช่น: Nord 5 / Nord 6 (รุ่นล่าสุด), Nord 2T (80W), Nord CE 3 Lite (67W)
สิ้นสุดบทความ