Welcome Citizen!

บันทึกตอนนี้เลย แล้วซื้อทีหลัง เราจะแจ้งคุณถ้าราคาลด

Welcome Citizen!

Setup your account or continue reading!

Settings
ประเภทจอมือถือมีกี่แบบ เปรียบเทียบ OLED, LCD, Mini-LED เข้าใจง่าย

ประเภทจอมือถือมีกี่แบบ เปรียบเทียบ OLED, LCD, Mini-LED เข้าใจง่าย 2025

ทำความรู้จักประเภทจอมือถือตั้งแต่ LCD, OLED ไปจนถึง Mini-LED พร้อมคำแนะนำรุ่นมือถือที่ใช้งานจริง

ทุกครั้งที่หยิบมือถือขึ้นมา สิ่งแรกที่สะดุดตาแทบทุกครั้งก็คือ “หน้าจอ” พื้นที่ที่นิ้วสัมผัสมากที่สุด ทั้งแชท เล่นเกม ดูซีรีส์ หรือแม้แต่แต่งรูป แต่รู้ไหมว่า จอมือถือ จริง ๆ แล้วมีหลายแบบมาก แต่ละแบบก็มีสไตล์เฉพาะตัว ทั้งด้านสี ความคมชัด มุมมอง และการกินแบต

บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ จอมือถือแต่ละประเภท, วิธีแยกความต่างระหว่าง LCD กับ AMOLED, และเปิดโลกเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง LTPO, จอโค้ง, หรือแม้แต่ กล้องใต้จอ ที่มือถือรุ่นเรือธงกำลังใส่มาแข่งกันแบบดุเดือด

ใครกำลังจะซื้อมือถือใหม่ หรืออยากเข้าใจว่า ทำไมจอบางเครื่องถึงดู “ว้าว” กว่าชาวบ้าน ทั้งที่สเปคบนกระดาษคล้ายกัน บทความนี้อธิบายให้แบบชัด ๆ ไม่ต้องเป็นสายเทคก็อ่านรู้เรื่องแน่นอน


บรรณาธิการ

Ing On chevron_right

...

ประเภทของหน้าจอมือถือที่ใช้กันในปัจจุบัน

จอมือถือไม่ได้มีแค่ "สวยหรือไม่สวย" แต่เบื้องหลังยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อประสบการณ์ใช้งานแทบทุกด้าน ทั้งความชัด สี ความลื่นไหล การกินพลังงาน และแม้แต่สุขภาพสายตา ซึ่งจอมือถือในปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ที่ยังพบได้ในปี 2025 ได้แก่ LCD, OLED, Mini-LED / Micro-LED, และ E-Ink

LCD (Liquid Crystal Display)

From linsnled.com

เทคโนโลยีจอมือถือแบบดั้งเดิมที่ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในมือถือกลุ่มเริ่มต้นถึงระดับกลาง เหมาะกับคนที่เน้นความคุ้มค่า ใช้งานทั่วไป ไม่เน้นสีจัดจ้านหรือจอหรู ใช้แสงจากแผง backlight ช่วยแสดงภาพ จึงไม่สามารถแสดง “สีดำสนิท” ได้เหมือน OLED แต่ก็มีข้อดีเรื่องความทนทานและราคาประหยัด

ประเภทย่อย:

  • TFT LCD เน้นราคาถูก มุมมองแคบ สีเพี้ยนง่าย เหมาะกับมือถือราคาย่อมเยา
  • IPS LCD พัฒนาต่อให้แสดงสีแม่นยำขึ้น มุมมองกว้าง สว่างดี ไม่เกิด burn-in

ตัวอย่างมือถือที่ใช้จอ LCD:

  • Redmi 12 (IPS LCD)
  • realme C55 (IPS LCD)
  • Nokia G42 (IPS LCD)

OLED (Organic Light Emitting Diode)

From allelcoelec.com

จอที่สามารถเปล่งแสงในแต่ละพิกเซลได้เองโดยไม่ต้องใช้ backlight ทำให้แสดง “สีดำสนิท” ได้จริง ภาพมี contrast สูง สีสันสดใส ตอบสนองเร็ว และสามารถดัดโค้งได้ เหมาะกับการดูหนัง เล่นเกม หรือแต่งภาพ เหมาะกับคนที่ต้องการจอภาพสวย สีสด ตอบสนองเร็ว ลื่นไหลเวลาใช้งานทุกแอป แต่ต้องระวังเรื่อง burn-in หากใช้งานภาพค้างนาน ๆ

ประเภทย่อย:

  • AMOLED มาตรฐาน OLED ที่ใช้กันทั่วไปในมือถือ Android
  • Super AMOLED ซัมซุงพัฒนาเอง สว่างกว่า เด้งตากว่า ใช้งานกลางแจ้งดีขึ้น
  • LTPO AMOLED รองรับ refresh rate แบบ adaptive ปรับได้ตั้งแต่ 1Hz ถึง 120/144Hz ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น

ตัวอย่างมือถือที่ใช้จอ OLED:

  • Samsung Galaxy S25 Ultra (Dynamic LTPO AMOLED 2X)
  • iPhone 16 Pro (LTPO Super Retina XDR OLED)
  • Xiaomi 15 Ultra (LTPO AMOLED)
  • vivo V40 (AMOLED)

ดูเพิ่มเติม: มือถือเรือธง จอสวยมาก อัพเดทใหม่ล่าสุด

Mini-LED และ Micro-LED

From samsung.com

เทคโนโลยีระดับพรีเมียมที่เริ่มเข้ามาในโลกมือถือและแท็บเล็ต ยังไม่แพร่หลายนักในมือถือทั่วไป แต่เป็นอนาคตที่น่าจับตา เหมาะกับผู้ใช้ระดับโปรที่ต้องการจอสุดคม สีเป๊ะ และใช้งานจอใหญ่เป็นหลัก

  • Mini-LED ใช้หลอด LED ขนาดเล็กจำนวนมากควบคุมแสงเป็นโซน ๆ ให้คอนทราสต์สูงกว่าจอ LCD และใกล้เคียง OLED แต่ไม่เกิด burn-in
  • Micro-LED เทคโนโลยีแสดงผลแบบ self-emissive เหมือน OLED แต่สว่างกว่า ทนกว่า ไม่เสื่อมไว

ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้ Mini/Micro-LED:

  • iPad Pro 12.9 (2021/2022) (Mini-LED Liquid Retina XDR)
  • MacBook Pro 14 / 16 นิ้ว (2021–2023) (Mini-LED Liquid Retina XDR)
  • TCL X11G Max (QD-Mini LED)
  • Samsung The Wall (Micro-LED Modular Display)
  • Sony Crystal LED (CLEDIS) (Micro-LED Professional Display)

ปัจจุบันยังไม่มีสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายจริงในตลาดทั่วไปที่ใช้จอ Micro-LED เนื่องจากข้อจำกัดด้านขนาดและต้นทุนการผลิต

E-Ink (Electronic Ink)

From techspot.com

จอหมึกอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ประสบการณ์การอ่านใกล้เคียงกระดาษมากที่สุด เหมาะกับ คนที่เน้นอ่าน eBook, ใช้งานกลางแดดจัด หรืออยากได้จอถนอมสายตาจริง ๆไม่ปล่อยแสงเข้าตาโดยตรง ประหยัดพลังงานสุด ๆ และมองกลางแดดได้ชัดเจน แต่มีข้อจำกัดด้านความเร็วในการแสดงผล ไม่เหมาะกับวิดีโอหรือการใช้งานทั่วไป

ตัวอย่างมือถือที่ใช้จอ E-Ink:

  • Hisense A9
  • Onyx Boox Palma
  • YotaPhone 2 (จอด้านหลังเป็น E-Ink)

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของหน้าจอมือถือแต่ละประเภท

ประเภทหน้าจอ

ข้อดี

ข้อเสีย

LCD (TFT / IPS)

  • ราคาถูกและเสถียร
  • สีธรรมชาติ (โดยเฉพาะ IPS)
  • ไม่เสี่ยง burn-in
  • คอนทราสต์ต่ำ สีดำไม่ดำจริง
  • TFT มุมมองแคบ
  • หนากว่า OLED

OLED / AMOLED

  • สีสด ดำสนิท คอนทราสต์สูง
  • บาง เบา ดัดโค้งได้
  • ตอบสนองไว
  • เสี่ยง burn-in
  • แพงกว่า LCD
  • บางรุ่นมีกระพริบ (PWM Flicker)

LTPO AMOLED

  • ปรับ Refresh Rate ได้อัตโนมัติ
  • ประหยัดแบตกว่า OLED ทั่วไป
  • ราคาสูง
  • ยังพบ flicker ได้ในบางรุ่น

Mini-LED

  • คอนทราสต์ใกล้เคียง OLED
  • ไม่มี burn-in
  • ความสว่างสูงมาก
  • จอหนากว่า OLED
  • ต้นทุนสูง ใช้ในแท็บเล็ต/โน้ตบุ๊กมากกว่าสมาร์ตโฟน

Micro-LED

  • สีคม ตอบสนองไว
  • ไม่มี burn-in
  • สว่างสูง อายุการใช้งานยาว
  • ราคาผลิตสูงมาก
  • ยังไม่ใช้จริงในมือถือทั่วไป

E-Ink

  • ถนอมสายตาสุด ๆ
  • ประหยัดพลังงาน
  • มองกลางแดดชัดเจน
  • รีเฟรชช้า
  • แสดงผลช้าและสีจำกัด
  • ใช้งานเฉพาะทางเท่านั้น

หน้าจอมือถือแบบไหนเหมาะกับใคร

สายเกมเมอร์

เน้นความลื่น คอนทราสต์ชัด จอตอบสนองไว

เหมาะกับ:

  • จอ AMOLED หรือ LTPO AMOLED ที่มี refresh rate 120Hz ขึ้นไป
  • รองรับ Touch Sampling Rate สูง (180Hz – 720Hz)

จุดเด่น:

  • สีสด คมชัด ดำสนิท เห็นศัตรูในเกมชัดแม้ฉากมืด
  • ตอบสนองไว ไม่มีอาการ ghosting หรือ motion blur

มือถือแนะนำ:

  • RedMagic 10 Pro (AMOLED 165Hz)
  • iPhone 16 Pro Max (LTPO OLED 120Hz)
  • ASUS ROG Phone 9 Pro (AMOLED 165Hz)

สายถ่ายภาพ/แต่งรูป

ต้องการสีเที่ยงตรง คอนทราสต์ดี

เหมาะกับ:

  • จอ OLED / Super AMOLED ที่รองรับมาตรฐานสี DCI-P3
  • มีฟีเจอร์ปรับ color accuracy หรือ True Tone

จุดเด่น:

  • เห็นสีตรงกับไฟล์จริง ไม่เพี้ยน
  • ดำลึก รายละเอียดไม่หายแม้ในพื้นที่เงา

มือถือแนะนำ:

  • Xiaomi 15 Ultra (LTPO AMOLED)
  • Samsung Galaxy S25 Ultra (Dynamic AMOLED 2X)
  • Sony Xperia 1 VI (4K OLED, color calibrated)

สายดูหนังซีรีส์ 

อยากได้ภาพสวยเต็มอารมณ์

เหมาะกับ:

  • OLED หรือ Mini-LED ที่รองรับ HDR10+ หรือ Dolby Vision
  • ความสว่างสูง 1000 nits ขึ้นไป

จุดเด่น:

  • สีตัดกันชัดเจน ภาพคมแม้ในฉากมืด
  • รองรับการดูเนื้อหา HDR เต็มคุณภาพบน Netflix, Disney+, YouTube

มือถือแนะนำ:

  • iPhone 16 Pro Max (LTPO OLED, Dolby Vision)
  • iPad Pro 12.9” M2 (Mini-LED, XDR HDR)
  • Galaxy Z Fold6 (AMOLED, HDR10+)

สายอ่านคอนเทนต์/ใช้งานทั่วไป

ต้องการจอสบายตา ใช้ได้นาน

เหมาะกับ:

  • จอ IPS LCD (สำหรับราคาประหยัด) หรือ
  • LTPO OLED พร้อมฟีเจอร์ถนอมสายตา เช่น DC Dimming, Eye Comfort Mode
  • หลีกเลี่ยงจอที่มี PWM Flicker

จุดเด่น:

  • ใช้งานยาว ๆ แล้วไม่ล้า
  • เหมาะกับอ่านข่าว, สไลด์โซเชียล, จดโน้ต ฯลฯ

มือถือแนะนำ:

  • realme C65 (IPS LCD)
  • Pixel 8a (OLED ถนอมสายตา)
  • Samsung Galaxy S24 (LTPO AMOLED)

สายใช้งานกลางแจ้ง

ต้องสู้แดดได้ชัด ไม่ต้องเพ่ง

เหมาะกับ:

  • จอ Mini-LED หรือ OLED ที่มี peak brightness สูงเกิน 1200 nits
  • มี anti-reflective coating หรือกระจกลดแสงสะท้อน

จุดเด่น:

  • อ่านได้แม้กลางแดดจ้า ไม่ต้องเอียงจอ
  • ไม่หลอกตาแม้อยู่กลางแจ้งทั้งวัน

มือถือแนะนำ:

  • Galaxy S25 Ultra (2600 nits)
  • iPhone 16 Pro Max (2000 nits)
  • Xiaomi 15 Ultra (3000+ nits)

สายอ่านหนังสือ/คอนเทนต์ขาวดำ

เน้นถนอมสายตาสุด ๆ

เหมาะกับ:

  • E-Ink Display แบบเดียวกับ Kindle
  • จอแบบขาว-ดำ ไม่มีแสงฉายเข้าตาโดยตรง

จุดเด่น:

  • เหมือนอ่านกระดาษจริง ใช้งานได้นานโดยไม่ปวดตา
  • ใช้แบตน้อยมาก

มือถือแนะนำ:

  • Hisense A9 (E-Ink)
  • Onyx Boox Palma (E-Ink Smartphone)
  • YotaPhone 2 (E-Ink Display ด้านหลัง)

คนกังวลเรื่อง burn-in หรือจอเสื่อม

ใช้งานหนัก ๆ ทุกวัน

เหมาะกับ:

  • จอ IPS LCD หรือ Mini-LED ที่ไม่เสี่ยง burn-in แม้ใช้งานหนัก
  • เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์, ผู้ใช้งานค้างหน้าจอแอปเดิมนาน ๆ

มือถือแนะนำ:

  • Nokia G42 (IPS LCD)
  • iPad Pro 12.9” (Mini-LED)

คำศัพท์น่ารู้เกี่ยวกับจอมือถือ

  • Refresh Rate (Hz) หรือ อัตราการรีเฟรช คือ จำนวนครั้งที่หน้าจอแสดงผลภาพใหม่ใน 1 วินาที เช่น 60Hz, 90Hz, 120Hz หรือ 144Hz ยิ่งสูง ภาพยิ่งลื่น เหมาะกับการเล่นเกมและเลื่อนหน้าจออย่างต่อเนื่อง (ทำความเข้าใจ FPS vs Hz)
  • Touch Sampling Rate หรือ อัตราการตอบสนองการสัมผัส คือ จำนวนครั้งที่หน้าจอตรวจจับการสัมผัสใน 1 วินาที เช่น 240Hz, 360Hz หรือสูงถึง 720Hz ในมือถือเกมมิ่ง ช่วยให้การแตะและลากนิ้วแม่นยำขึ้น
  • PPI (Pixels Per Inch) คือ ความหนาแน่นของพิกเซลบนหน้าจอ ใช้วัดระดับความคมของภาพ ยิ่งตัวเลขสูง ภาพยิ่งเนียน มักพบค่า >500 PPI ในมือถือเรือธง
  • Brightness / Nits คือ ความสว่างหน้าจอ ใช้บอกว่าจอมองเห็นได้ดีแค่ไหนในที่สว่าง โดยทั่วไปมือถือเรือธงปี 2025 จะมีความสว่างสูงสุดถึง 3000 - 4500 nits เพื่อใช้งานกลางแดดได้ชัดเจน
  • DCI-P3 / sRGB / Color Gamut คือ ช่วงสีที่หน้าจอสามารถแสดงผลได้ เช่น sRGB (มาตรฐานทั่วไป), DCI-P3 (สีสด คม เหมาะกับดูหนังและแต่งภาพ), และ Rec.2020 (มาตรฐานระดับโปร)
  • Contrast Ratio คือ อัตราความต่างระหว่างสีดำสุดกับขาวสุด ยิ่งสูง ภาพยิ่งมีมิติ โดยจอ OLED มักมีค่าคอนทราสต์ระดับ Infinity:1 เพราะสามารถแสดง “ดำสนิท” ได้จริง
  • PWM Dimming คือ เทคนิคการหรี่แสงจอด้วยการกระพริบที่ความถี่สูง ซึ่งถ้าความถี่ต่ำกว่า 500Hz อาจทำให้ปวดตาหรือเวียนหัวได้ แต่จอรุ่นใหม่จะใช้ PWM ความถี่สูงถึง 1920Hz – 4320Hz เพื่อถนอมสายตาโดยเฉพาะการใช้งานในที่มืด
  • HDR10 / Dolby Vision คือ มาตรฐานการแสดงผลแบบ High Dynamic Range ช่วยให้ภาพมีมิติ สีลึก แสงเงาชัด โดย HDR10+ มักพบใน Samsung และ Xiaomi ส่วน Dolby Vision เป็นมาตรฐานระดับสูงที่ใช้งานใน Apple และ Netflix ให้ภาพที่ละเอียดเฟรมต่อเฟรม
สิ้นสุดบทความ