ช่วงนี้ฝนตกชุ่มฉ่ำ ใครที่มีสวนในบ้านในอาคารที่ต้องดูแล คงต้องกุมขมับแล้วล่ะกับวัชพืชและกิ่งไม้ใบหญ้าที่ขึ้นหรอมแหรมซะจนกลายเป็นว่าสวนสวยๆ ของคุณจะกลายเป็นป่าอะเมซอนไปในที่สุด ดังนั้นวันนี้เราเลยอยากจะมาแนะนำเลื่อยยนต์ 10 ตัวที่จะทำให้งานสวนกลายเป็นเรื่องง่ายๆ หรือใครต้องการเลื่อยยนต์ไปผ่าไม้ผ่าฟืน เราก็หามาแนะนำให้ท่านครบจบใน 10 ตัวนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าควรเป็นไอเท็มที่มีติดบ้านไว้จริงๆ
แนะนำเพิ่มเติม: ก่อนทำการซื้ออย่าลืมตรวจสอบกับผู้ขายหรือผู้จำหน่ายให้แน่ใจเสมอ และตรวจสอบรายละเอียดสเปคที่ระบุมากับกล่องให้ถี่ถ้วน เพราะเลื่อยโซ่ยนต์เป็นเครื่องมือที่มีกฎหมายควบคุม หากมีสเปคตามกฎหมายกำหนด ผู้ครอบครองต้องไปขอใบอนุญาต หากไม่ทำตามจะมีโทษภายหลังได้ เพื่อความแน่ใจและข้อมูลอัพเดทเป็นปัจจุบันมากที่สุด แนะนำให้สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในกรณีนี้แนะนำให้โทรขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด/ กรมป่าไม้
บรรณาธิการ
Table of Contents
10 เลื่อยยนต์ตัวท็อป ยี่ห้อไหนดี 2025
สำหรับใครที่มีสวนหย่อมเล็กๆ แล้วอยากจะลองตัดแต่งต้นไม้ใบหญ้าในสวนให้มีความเรียบร้อยขึ้นหน่อย เราว่าเครื่องนี้เหมาะกับคุณมากทีเดียว ด้วยขนาดใบเลื่อยที่มีความยาวที่ 20 ซม. ซึ่งสามารถตัดกิ่งไม้ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางได้ไม่เกิน 3.5 ซม. ซึ่งเหมาะกับสวนขนาดย่อม ด้วยความที่ตัวเลื่อยยนต์นี้เป็นแบบไร้สาย ทำให้ไม่ต้องตามหาปลั๊กไฟให้ยุ่งยาก เพียงแค่ชาร์จแบตก็สามารถหยิบมาใช้ได้เลย นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังรับประกันในเรื่องของความปลอดภัยด้วยระบบป้องกันการตีกลับ ใช้งานได้อย่างสบายใจในทุกมิติ
ข้อมูลเฉพาะ
- แรงดันไฟฟ้า: 18 โวลต์
- ความเร็วโซ่สูงสุด: 3.1 เมตร/วินาที
- ความยาวบาร์: 20 เซนติเมตร (ประมาณ 8 นิ้ว)
เลื่อยยนต์ MAKITA รุ่นนี้สามารถใช้ร่วมกับพุ่มไม้ขนาดเล็กไปจนถึงพุ่มไม้ แนวรั้วบริเวณบ้าน อาคาร สำนักงาน ก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพราะเป็นเลื่อยยนต์ไร้สาย ใช้ร่วมกับแบตเตอรี่ แท่นชาร์จได้หลายรุ่น ที่พิเศษที่สุดคือตัวถังน้ำมันนี้จุได้ถึง 55 มล. ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวๆ หลายชั่วโมงเลยทีเดียว เมื่อมาคู่กับจุดเด่นที่เขาเคลมมาว่าเลื่อยไม้ได้ไวมากๆ แถมยังไม่เมื่อยแขน ประหยัดแรง เพราะทางเจ้าของแบรนด์เขาออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา
ข้อมูลเฉพาะ
- แรงดันไฟฟ้า: 18 โวลต์
- ความเร็วโซ่สูงสุด: 0-8.0 เมตร/วินาที
- ความยาวบาร์: 4 นิ้ว (100 มม.)
ขอแนะนำแบรนด์ระดับโลกอย่าง HUSQVARNA เครื่องยนต์พิเศษนำเข้าจากสวีเดน ออกแบบมาให้ใช้งานหนักโดยเฉพาะ ใครที่ทำอาชีพที่ต้องใช้เลื่อยยนต์ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ตัวนี้มาพร้อมกับบาร์โซ่ขนาด 11.5 นิ้ว ความแรง 0.8 แรงม้า พร้อมเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ก็เพียงพอแล้วกับการใช้งาน ความน่าสนใจของแบรนด์นี้คือช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี ตัวนี้ทนทาน ใช้งานง่าย สตาร์ทง่าย และน้ำหนักเบา ราวๆ 4 กิโลกรัมเท่านั้น
ข้อมูลเฉพาะ
- ความยาวบาร์: 11.5 นิ้ว
- กำลังเครื่อง: กำลังสูงสุด 0.5 kW (หรือประมาณ 0.9 แรงม้า)
ใครที่กำลังมองหาเลื่อยยนต์ที่ช่วยประหยัดเวลา เครื่องยนต์แรงๆ ตัดแต่งกิ่งแป๊ปเดียวเสร็จ ก็ต้องขอแนะนำเลื่อยยนต์รุ่น EUROX 5200Z II นี้เลย เพราะทางแบรนด์เขาคิดมาแล้วว่าอยากช่วยประหยัดแรง-เวลาให้กับผู้ใช้งานอย่างเต็มที่ เริ่มจากระบบสตาร์ทเครื่องที่เป็นแบบลานเบา สตาร์ทติดง่าย ไม่ต้องเปลืองแรงมาก ทั้งใบมีดของตัวเลื่อยก็ถูกออกแบบมาให้คม และยังเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเฟืองพิเศษ เอาไปใช้ตัดแต่งกิ่งได้อย่างรวดเร็ว
ข้อมูลเฉพาะ
- ความยาวบาร์: 11.5 นิ้ว
- กำลังเครื่อง: กำลัง 0.6 kW (ประมาณ 0.9 แรงม้า)
เจ้าเครื่อง ROWEL RW-3800E นี้ ต้องบอกเลยว่าจิ๋วแต่แจ๋วจริงๆ ด้วยบาร์โซ่ขนาด 11 นิ้ว ที่มาพร้อมกับความแรง 0.35 แรงม้า ทำให้เลื่อยยนต์ตัวนี้เหมาะกับสวนขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ความโดดเด่นของเครื่องนี้คือการทำงานต่อเนื่องได้เรื่อยๆ และยังมีแรงตัดที่มาก ช่วยประหยัดแรงไปในตัว นอกจากนี้ยังช่วยถนอมสุขภาพของผู้ใช้งานอีกด้วย ด้วยด้ามจับที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ตัดแต่งสวนสวยได้โดยที่ไม่เสียสุขภาพด้วย
ข้อมูลเฉพาะ
- ความยาวบาร์: 11 นิ้ว (ประมาณ 28 ซม.)
- กำลังเครื่อง: กำลัง 0.35 แรงม้า (ประมาณ 0.26 kW)
ใครหาเครื่องแรงๆ ในราคาประหยัด ขอแนะนำเป็นแบรนด์นำเข้าจากญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า NIPPON นี้เลย ความน่าสนใจของเขามีหลายอย่าง ข้อแรก แบรนด์ NIPPON เป็นเจ้าแรกที่มีลูกสูบไฮสปีดในตัวเลื่อยยนต์ ซึ่งตัวลูกสูบนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับเลื่อยยนต์มากยิ่งขึ้น เห็นได้จากความแรงที่มากถึง 9 แรงม้า เมื่อรวมเข้ากับวัสดุพิเศษอย่างโซ่ทองเยอรมัน ก็ต้องบอกเลยว่าทนทาน ใช้านได้นานแน่นอน
ข้อมูลเฉพาะ
- ความยาวบาร์: 11.5 นิ้ว
- กำลังเครื่อง: กำลัง 9 แรงม้า
Kanto รุ่น KT-CS2000GT นี้จัดว่าเด็ด ช่างทำสวนมือใหม่ต้องถูกใจสิ่งนี้ แม้ว่าความแรงของตัวเครื่องจะอยู่ที่ 0.8 แรงม้า แต่เมื่อรวมกับบาร์ขนาด 11.5 นิ้ว และความเร็วรอบ 3,500/นาที ก็ถือว่ายังใช้งานได้ดีกับสวนขนาดเล็กอยู่ และถ้าหากว่าใครที่พึ่งเข้าวงการทำสวน ตัวนี้มีระบบ Easy Start ช่วยสตาร์ทติดง่าย ไม่เปลืองแรง เพราะเมื่อคำนวนน้ำหนักโดยรวมทั้งหมดแล้วก็อยู่ที่ 6 กิโลกรัมเท่านั้นเอง ถังน้ำมันจุได้ราวๆ 310 มิลลิลิตร ไม่ต้องเสียเวลาเติมบ่อย
ข้อมูลเฉพาะ
- ความยาวบาร์: 11.5 นิ้ว
- กำลังเครื่อง: 0.8 แรงม้า
สเป็กแน่นสุดๆ กับเลื่อยยนต์ Welmax รุ่น 5800 นี้ ถ้าหากว่าใครคร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มานานแล้วก็น่าจะพอเคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้อยู่บ่อยๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องความคุ้มค่าและทนทานจริงๆ กับบาร์โซ่ขนาด 11.5 นิ้ว ก็ถือว่าเป็นเครื่องเลื่อยที่แรงใช้ได้ น้ำหนักก็อยู่ที่ 4.7 กิโลกรัมเท่านั้น ที่พิเศษสุดๆ คือหาซื้ออะไหล่ง่ายด้วย เมื่อเครื่องเกิดปัญหาขึ้นก็ไม่ต้องซื้อใหม่ทันที
ข้อมูลเฉพาะ :
- ความยาวบาร์: 11.5 นิ้ว
- กำลังเครื่อง: 0.81 แรงม้า
ปิดจบตัวสุดท้ายกันด้วย MATALL รุ่น MT-3800E ถ้าหากใครชอบตัวแรงๆ ใช้งานหนักๆ เลื่อยยนต์รุ่นนี้ก็เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ ด้วยความเร็วรอบ 7,500/นาที และบาร์โซ่ขนาด 11.5 นิ้ว ที่เสริมความคมด้วยใบเลื่อยที่มีความแข็งแรงทนทานสูง พร้อมฟันเฟืองที่สามารถปรับได้ถึง 6 ระดับ พร้อมด้วยเครื่องยนต์สองจังหวะ ตัวเครื่องสามารถระบายความร้อนได้ เครื่องร้อนแล้วไม่น็อคแน่นอน ใช้งานต่อเนื่องได้เรื่อยๆ
ข้อมูลเฉพาะ
- ความยาวบาร์: 11.5 นิ้ว
- กำลังเครื่อง: 0.70 แรงม้า
STIHL MS180 เลื่อยยนต์เหมาะสำหรับงานตัดไม้ขนาดเล็กและการใช้งานในครัวเรือน กำลังแรง 0.8 แรงม้า ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการพลังแรงตัดเฉียบคมได้อย่างดี มาพร้อมกับโซ่เลื่อยขนาด 11.5 นิ้ว ที่ช่วยให้สามารถตัดไม้หนาได้อย่างมีประสิทธิภาพมีระบบป้องกันการสั่นสะเทือนที่ช่วยให้การใช้งานสบายและนานยิ่งขึ้น น้ำหนักเบา 4.1 กิโลกรัม ทำให้เลื่อย STIHL MS180 นี้เป็นตัวเลือกที่ง่ายต่อการพกพาและใช้งาน เลื่อยยนต์รุ่นนี้เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องมือที่มีความคุ้มค่าและพร้อมให้พลังตัดทรงประสิทธิภาพในทุกการใช้งาน
ข้อมูลเฉพาะ
- ความยาวบาร์: 11.5 นิ้ว
- กำลังเครื่อง: 0.8 แรงม้า
เลื่อยยนต์ คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
เลื่อยยนต์เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตัดต้นไม้หรือตัดแต่งกิ่งไม้ตามบ้าน อาคาร เป็นหลัก ซึ่งประโยชน์ของเครื่องยนต์นี้ก็มีหลายอย่างด้วยกัน
- ประสิทธิภาพสูง ด้วยความที่เลื่อยยนต์มีกำลังเครื่องหลายแรงม้า ลดหลั่นกันไปแล้วแต่รุ่น จึงทำให้สามารถตัดต้นไม้ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- ความปลอดภัย การใช้เลื่อยยนต์ต้องปฏิบัติตามข้อแนะนำเพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน เช่น จับเครื่องด้วยสองมือ, ตรวจสอบความปลอดภัยของพื้นที่ทำงานให้มั่นใจก่อนเปิดเลื่อยยนต์ใช้งาน
- ความสะดวกในการใช้งาน เลื่อยยนต์สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องขออนุญาต สำหรับรุ่นที่มีกำลังเครื่องต่ำกว่า 1 แรงม้า รวมถึงบาร์โซ่ขนาดความยาวต่ำกว่า 12 นิ้ว
- ง่ายต่อการบำรุงรักษา เลื่อยยนต์ไฟฟ้ามีประโยชน์ในการบำรุงรักษาที่ง่ายกว่าเลื่อยยนต์น้ำมัน เนื่องจากไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงและไส้กรอง
- ง่ายต่อการจัดเก็บ เลื่อยยนต์ไฟฟ้าสามารถเก็บได้ง่ายเพียงแค่ปิดเครื่องและถอดปลั๊กหรือแบตเตอรี่ออก
- มีใบอนุญาต สำหรับเลื่อยยนต์ที่มีกำลังเครื่องสูงกว่า 1 แรงม้าและแผ่นบังคับโซ่ขนาดความยาวตั้งแต่ 12 นิ้วขึ้นไป จะต้องมีใบขออนุญาตตามกฎหมาย
วิธีเลือกซื้อเลื่อยยนต์
- พิจารณาจากความถี่ในการใช้งาน หากคุณใช้เลื่อยยนต์เป็นประจำ ให้เลือกเลื่อยยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ แต่ถ้าหากใช้งานเดือนละครั้งหรือปีละครั้ง แนะนำให้เลือกเลื่อยยนต์ที่สเป็กไม่ได้สูงมาก แต่สามารถใช้งานได้ในระดับพื้นฐาน
- พิจารณาจากการใช้งาน ถ้าคุณต้องการใช้เลื่อยยนต์เพื่อตัดไม้ขนาดใหญ่หรือไม้เนื้อแข็ง ให้เลือกเลื่อยยนต์ที่มีกำลังมาก แต่ถ้าหากใช้เพื่อตกแต่งสวนหรือดูแลสวนหย่อมในบ้าน ก็ให้เน้นไปที่เครื่องที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยเป็นสำคัญ
- ขนาดเลื่อยยนต์ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น เลื่อยยนต์ขนาดใหญ่ จะเหมาะกับการตัดหรือเลื่อยไม้ขนาดใหญ่ ในขณะที่เลื่อยยนต์ขนาดเล็กจะเน้นไปที่การควบคุมที่ง่ายกว่า
ก่อนใช้เลื่อยยนต์ ต้องรู้กฎหมายอะไรบ้าง
ต้องบอกก่อนว่ากฎหมายการใช้เลื่อยยนต์ของแต่ละประเทศนั้นไม่เหมือนกัน แต่ละประเทศก็จะมีหลักเกณฑ์และข้อบังคับที่แตกต่างกันออกไป ในเบื้องต้นเรามาดูกันก่อนดีกว่ากฎหมายการใช้เลื่อยยนต์ในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง
พระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545
- กำหนดให้ผู้ผลิต, นำเข้า, หรือครอบครองเลื่อยโซ่ยนต์ที่มีกำลังเครื่องตั้งแต่ 1 แรงม้าขึ้นไป และแผ่นบังคับโซ่ (บาร์) ที่มีขนาดความยาวตั้งแต่ 12 นิ้วขึ้นไป ต้องมีใบขออนุญาตตามหลักเกณฑ์ของกฎกระทรวง
- ผู้ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตมีความผิดตามมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และริบเลื่อยโซ่ยนต์
การขออนุญาตและใบอนุญาต
- ผู้ประสงค์จะมีเลื่อยโซ่ยนต์ต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ตามแบบ ลซ.1 ต่อนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ (ผู้ว่าราชการจังหวัด) โดยยื่น ณ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดท้องที่ พร้อมด้วยหลักฐานประกอบ
- ระยะเวลาที่กำหนดตามใบรับรองให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ และหลังจากได้เลื่อยโซ่ยนต์แล้วต้องนำไปขอรับใบอนุญาตตามแบบ ลซ.3 ต่อไป
สิทธิและหน้าที่ของผู้ได้รับใบอนุญาต
- ผู้ได้รับใบอนุญาตมีสิทธิในการครอบครองและใช้เลื่อยโซ่ยนต์ตามที่ได้รับอนุญาต และมีหน้าที่ในการรายงานผลการพักใช้และถอนใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545
วิธีการดูแลรักษาเลื่อยยนต์
การดูแลรักษาเลื่อยยนต์ก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทนทานต่อการใช้งานในอนาคต โดยวิธีการดูแลรักษาเครื่องยนต์นี้ก็มีอยู่ 5 ขั้นตอนด้วยกัน
- ทำความสะอาดใบเลื่อย และตะไบแต่งใบเลื่อยหลังการใช้งานทุกครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของสนิมและเพิ่มประสิทธิภาพความคมในการใช้งานครั้งถัดไป
- ทาน้ำมันกันสนิม ที่ใบเลื่อยทุกครั้งหลังการใช้งานเพื่อป้องกันการเกิดสนิม
- ถ่ายน้ำมันออกจากถังเชื้อเพลิง เมื่อไม่ได้ใช้งานเครื่องเกิน 5 วัน และจำเป็นต้องสตาร์ทเครื่องจนดับ เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและปัญหาในการสตาร์ทที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- เปลี่ยนลูกสูบและแหวนรองลูกสูบ หากอยู่ๆ ก็รู้สึกว่าเครื่องยนต์เหมือนจะไม่มีแรง ปัญหาอาจเกิดจากแหวนรองลูกสูบภายในเสื้อสูบหลวม หมั่นตรวจเช็กอยู่เสมอ
- ทำความสะอาดและตรวจสอบส่วนประกอบสำคัญ เช่น แผ่นแกนเลื่อย, ช่องใส่น้ำมันหล่อลื่นโซ่, และสันล้อ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหลวมและรอยบาก
บทส่งท้าย
หวังว่า 10 เลื่อยยนต์ที่เราเอามาแนะนำนี้ จะช่วยให้การตัดสินใจของคุณง่ายขึ้น แต่ก่อนอื่นขอให้พิจารณาจากการใช้งานก่อน เพื่อที่จะได้เลือกซื้อเลื่อยยนต์ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด อย่างไรแล้วเลื่อยยนต์ก็เป็นไอเท็มที่ควรจะมีติดบ้านไว้ รับรองว่าซื้อไว้แล้วจะไม่เสียใจแน่นอนนน