10 สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ ที่ไหนดี มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลิกภาพภายในและภายนอก 2025

ตอบ. “ การรู้สึกด้านบวกจากภายในและส่งผ่านมายังการแสดงออกภายนอก การมีบุคลิกภาพที่ดีอย่างแรกต้องเริ่มจากความรู้สึกที่เรามีต่อตัวเราเองภายในก่อน ฉะนั้นความรู้สึกที่เรามีต่อตนเองนั้นต้องเป็นในด้านบวก เพราะเมื่อเรารู้สึกด้านบวกกับตัวเอง เราจะอยากเห็นตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น ความรู้สึกนั้นจะส่งผ่านออกมาเป็นการแสดงออกภายนอกที่ดูดี มืออาชีพและสำคัญคือการแสดงออกของเราที่แสดงออกมาสู่สายตาคนอื่นนั้นต้องทำให้คนที่อยู่รอบตัวเรารู้สึกอุ่นใจและรู้สึกสบายใจที่อยากจะพูดคุยและอยากที่จะอยู่กับเราด้วย ”

ตอบ. “ บุคลิกภาพที่ดีในแบบฉบับของครูแอน Imagepower ควรมีลักษณะ 3 อย่าง คือ คิดดี พูดดี ทำดี

อย่างแรกก็คือ การคิดดีกับตัวเองก่อน คือเชื่อมั่นศรัทธาในตัวเอง อย่างเช่น เราก็เป็นคนเก่ง เราเป็นคนเจ๋ง เราสามารถทำได้ เมื่อเราคิดดีต่อตนเองแล้ว ความมั่นใจจะตามมาทันที และที่สำคัญเราควรคิดดีต่อผู้อื่นด้วย เพราะในเวลาที่เราคิดดีต่อตนเองหรือต่อผู้อื่น จะส่งผลให้เรา พูดดี ด้วย ทำให้เรามีการพูดที่น่าฟังขึ้น เมื่อได้พูดออกมาแล้ว คำพูดจะไม่ไปส่งผลร้ายต่อจิตใจผู้อื่น เพราะเราคิดดีต่อเขานั่นเอง ก็เหมือนกับการที่เรานั้นคิดดีต่อตัวเองเราจึงอยากที่จะพูดแต่คำดีๆ ให้กับตัวเอง เราจะไม่เลือกคำพูดแย่ๆ มาพูดให้ตัวเองได้ยินได้ฟัง อย่างเช่น ฉันไม่เก่ง ฉันแย่ ฉันทำอะไรก็ไม่สำเร็จ หากเราคิดดี พูดดี ก็จะส่งผลต่อการทำดีด้วย ซึ่งการทำดีก็คือการแสดงออกภายนอกทั้งหมด เช่น ตื่นเช้ามา เราอยากแต่งตัวดูดี เพื่อให้เรารู้สึกมั่นใจมีพลังก่อนออกจากบ้าน ดังนั้นการมีบุคลิกภาพที่ดีด้วย การคิดดี พูดดี ทำดี นั้นจะทำให้เรามีออร่า ดูดี สมาร์ทขึ้น ทำให้เราไปที่ไหน ทำอะไร ก็จะมีแต่คนให้โอกาสเพราะเชื่อถือเชื่อมั่นในตัวเรา

ตอบ. “ ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาบุคลิกภาพหลักๆ คือ 

• • ทัศนคติต่อตนเอง ทัศนคติที่เรามองภาพตัวเอง ว่าเราเป็นคนยังไง คนเก่งหรือคนไม่เก่ง เจ๋งไม่เจ๋ง ดูดีไม่ดูดี ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลต่อการแสดงออกของเรา

  • สังคมสิ่งแวดล้อมรอบข้างของตัวเรา รวมไปถึงครอบครัวของเราด้วย อย่างบางคนที่แต่งงานแล้ว คู่ของเรา ก็มีผลต่อการแสดงออกและการพัฒนาบุคลิกภาพของตัวเราเหมือนกัน เรามักเคยได้ยินว่า ตัวเราจะเป็นยังไงนั้น ขึ้นอยู่กับคนที่รายล้อมอยู่รอบตัวเราด้วย เพราะฉะนั้นคนและสิ่งแวดล้อมล้วนมีผลต่อการพัฒนาบุคลิกภาพ ”

ตอบ.“ การทำงานในองค์กรเราควรมีการพัฒนาบุคลิกภาพของเราอยู่เสมอ เพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตการทำงานอย่างมีความสุขและประสบผลสำเร็จในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราจึงควรฝึกทักษะเหล่านี้

• • มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้รับมอบหมาย บุคลิกภาพคือภาพลักษณ์ของเราทั้งหมด ไม่ใช่แค่การยืน เดิน นั่ง และการแต่งกาย การทำงานในองค์กร ต้องมีการประสานงานกับคนอื่นเสมอ ดังนั้นการที่ได้รับมอบหมายงานเราต้องตั้งใจทำให้บรรลุผลสำเร็จ เมื่อเราตั้งเป้าความสำเร็จชัดเราจะรู้ว่าสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบนั้นควรทำอะไรอย่างไรบ้าง สิ่งนั้นจะทำให้เรามีบุคลิกและการแสดงออกที่ดี อย่างเช่น เราจะกลายเป็นคนแอ็คทีฟ ไม่เฉื่อยชา ไม่ใช้ชีวิตไปวันๆ การรับรู้ถึงสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบนั้นจะทำให้เรามีเป้าหมายในการใช้ชีวิตมากขึ้น พร้อมกันนั้นจะทำให้เราเป็นคนที่กล้าที่จะแก้ไขปัญหา คือ จากที่เราเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง เมื่อเรารู้ว่าความรับผิดชอบของเราที่ต้องการจะทำให้ไปสู่เป้าหมายนั้นคืออะไร เราจะกล้าสื่อสารมากขึ้น กล้าที่จะเดินเข้าไปถามหัวหน้างาน กล้าที่จะถามเพื่อนร่วมงานเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา

  • ฝึกทักษะการฟังคนอื่น เป็นทักษะที่คนเราไม่ค่อยใส่ใจ เพราะไม่ได้มองว่าสิ่งนี้คือบุคลิกภาพ แต่การฟังคนอื่นถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการพัฒนาบุคลิกภาพ เมื่อเรารับฟังคนอื่นอย่างจริงใจและตั้งใจรับฟังฟีดแบคทั้งด้านบวกและลบเราจะสามารถพัฒนาตัวเองได้ เพราะเราเปิดรับสิ่งที่เรามองตัวเองไม่เห็น การรับฟังคนอื่นทำให้เราได้รับรู้ว่าเราเองมีจุดบกพร่องที่ควรแก้ไขในตัวเองอย่างไร เราควรฝึกทักษะในส่วนไหนเพื่อให้เราเป็นคนที่เก่งขึ้นเป็นคนที่ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

  • ฝึกทักษะการพูด หรือ การถาม เป็นสิ่งหนึ่งที่อยากแนะนำสำหรับคนพูดน้อย คนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ขี้อายไม่กล้าพูดไม่กล้านำเสนองาน ซึ่งถ้าเราไม่รู้ว่าจะเริ่มการพูดยังไง อยากให้ลองเปิดบทสนทนาด้วยการถาม ในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเราอย่างเช่น วันนี้เป็นยังไง วันนี้รถติดไหม งานเป็นยังไงบ้างฯลฯนอกจากควรจะฝึกฟังแล้ว เราควรฝึกทักษะการพูดหรือการถามคู่กันไปด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่จะได้อีกอย่างคือ เราจะกลายมาเป็นที่ชื่นชอบเป็นที่รักของคนในองค์กร ”

ตอบ. “ ยุคนี้เป็นยุคที่มีคนเก่งเยอะมากๆ คนสมัยก่อนจะเก่งได้จากการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยและการฝึกงาน แต่ในปัจจุบันนี้ความรู้หาได้จากอินเทอร์เน็ต ไม่ได้เป็นความรู้ที่หาได้จากมหาวิทยาลัยเพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะเจอคนเก่งมากกว่าเราเต็มไปหมดเลย ดังนั้นการพัฒนาบุคลิกภาพจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะถึงแม้ว่าจะมีคนเก่งเยอะแล้ว แต่เราควรมองว่าในปัจจุบันคนที่มีบุคลิกภาพที่ดีนั้นยังมีไม่มากนัก หากเรามีบุคลิกภาพที่ดีเราจะได้สิทธิในการเป็นผู้เลือก และผู้ถูกเลือก สามารถเลือกที่จะทำงานที่ไหนก็ได้ เลือกที่จะทำงานกับใครก็ได้ เลือกที่จะทำงาน Work from Home ก็ได้ หรือเลือกดีไซน์งานจากสิ่งที่เราต้องการก็ได้ เมื่อเราให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพเราจะได้โอกาสที่ง่ายขึ้นด้วย เพราะในปัจจุบันนี้การคัดคนทำงานอาจไม่ได้มองเพียงแค่เกรดเฉลี่ยหรือประสบการณ์ในการทำงานเพียงเท่านั้นแล้ว ดังนั้นการเลือกคนที่เข้ามาทำงานก็จะต้องมองไปถึงทัศนคติ การแสดงออก และการให้เกียรติคนสัมภาษณ์และองค์กรด้วยเพราะสิ่งเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในบุคลิกภาพที่ดี ”

ตอบ. “ หากต้องการสร้างความมั่นใจแบบเร่งด่วน อย่างเช่นเมื่อเราเกิดความประหม่าในขณะที่เราต้องนำเสนองานหรือต้องออกไปพูดในที่ประชุม ให้เรายืดตัวให้ตรง จากนั้นให้ หายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ 3 - 5 ครั้ง สิ่งนี้จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายขึ้น และหากเราพอจะหามุมส่วนตัวได้ ให้เรายิ้มกว้างๆ ให้ตัวเองเพื่อช่วยทำให้สมองสั่งการว่าเราเป็นคนมั่นใจในตัวเองก่อนที่จะต้องไปทำกิจกรรมสำคัญและสิ่งสำคัญที่เราควรจะฝึกเลยก็คือ Self Talk - การฝึกพูดกับตัวเอง เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจ การพูดกับตัวเองก็คือการพูดถึงสิ่งดีๆ ต่อตัวเอง อย่างเช่น ฉันทำได้ ฉันมั่นใจ ฉันผ่านไปได้อย่างราบรื่น เพียงแค่พูดกับตัวเองในใจง่ายๆ ก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ ซึ่งการพูดกับตัวเองแบบนี้ก็เป็นหนึ่งในการช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ดีไม่น้อยเลย

แต่หากเรามีเวลาในการฝึก ให้ใช้สูตร พร่องตรงไหนเพิ่มตรงนั้น ตามคอนเซ็ปต์ของครูแอน อย่างแรกแนะนำให้เรามองตัวเองว่าเราบกพร่องทักษะทางด้านไหน อย่างเช่น ไม่มั่นใจในการพูด ไม่มีความมั่นใจในเรื่องของการแสดงออก หรือ ไม่มีความมั่นใจในเรื่องการแต่งกาย ฯลฯ มองให้ออก รู้ให้ชัดว่าเราพร่องด้านไหน และเมื่อเรารู้แล้ว ให้เรามาโฟกัสฝึกฝนในสิ่งนั้นเยอะๆ เมื่อพร่องถูกเพิ่ม ความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีจะตามมาเอง ”

ตอบ. “ วิธีพัฒนาบุคลิกภาพที่ได้ผลดีที่สุด คือการฝึกฝนทักษะที่เราบกพร่อง หากถามว่าเราเรียนพัฒนาบุคลิกภาพ 1 วันจะเห็นผลไหม จริงๆ แล้วการเรียนไม่ว่าจะเรียนกี่วัน จะเห็นผลได้จริงคือ ต้องกลับไปฝึกๆๆๆ ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เราจึงจะได้ผลลัพธ์ที่เราอยากได้ ”

ตอบ. “ การพัฒนาบุคลิกภาพเหมาะกับทุกคน โดยควรเริ่มพัฒนาบุคลิกภาพตั้งแต่วัยเด็ก เพราะเด็กจะมีเรื่องของอารมณ์และการแสดงออกในตัวตนของเขา เด็กสมัยนี้โตเร็วมาก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง คุณพ่อคุณแม่ควรต้องสอน หรือให้เรียนบุคลิกภาพตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อให้เด็กๆ ได้รู้จักความเหมาะสมและกาลเทศะเมื่อต้องอยู่นอกบ้านและพบกับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ เรียนรู้ว่าอะไรบ้างที่จะทำให้เด็กๆ เป็นที่รักของคนอื่น ในส่วนของวัยที่โตขึ้นนั้นก็มีความสำคัญที่ต้องเรียนบุคลิกภาพเช่นกัน เพราะไม่ว่าเราจะมีอายุเท่าไหร่หรือวัยไหนก็ควรฝึกทักษะและควรพัฒนาบุคลิกภาพทั้งนั้น 

สำหรับกลุ่มของวัยเด็ก:

• • ควรฝึกทักษะการเข้าสังคม การปรับตัวเข้าหาผู้อื่นและสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย 

• • ควรเรียนรู้การให้เกียรติเพื่อนคนอื่น การแบ่งปัน 

• • ควรเรียนรู้เรื่องการปกป้องตัวเองในมุมที่คิดว่าเหมาะสมหรืออาจเกิดอันตราย

• • สำคัญ คือต้องเรียนรู้วิธีการอยู่อย่างมีความสุข เมื่อไม่ได้อะไรดั่งใจ

สำหรับกลุ่มวัยเตรียมเข้าสู่การทำงาน หรือ First Jober:

• • ควรได้เรียนรู้ทักษะของการเข้าสังคม พร้อมเรียนรู้จิตวิทยาในการอยู่ร่วมกับบุคคลที่มีบุคลิกภาพที่แตกต่างจากเรา

• • ควรเรียนรู้ทักษะการปรับภาพลักษณ์ของตัวเราทั้งหมด ได้แก่ ทัศนคติ บุคลิกภาพ การแต่งกาย ทักษะการพูด-สื่อสาร ทักษะการสร้างภาพลักษณ์ให้น่าเชื่อถือ มืออาชีพ

สำหรับกลุ่มคนทำงานระดับผู้บริหาร: ควรที่จะเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้นำเพราะการเป็นผู้นำนั้น ต้องมีทักษะในเรื่องของการฟังและการแสดงออกที่ดี เพื่อสามารถทำให้คนในทีมเชื่อมั่น และการเป็นผู้นำที่ดี ต้องสามารถดึงศักยภาพของผู้ตามได้อย่างเหมาะสม ”

ตอบ. “ ถ้าใครที่กำลังอยากจะเริ่มพัฒนาตัวเอง ควรต้องมาเรียนรู้เทคนิคพัฒนาบุคลิกภาพแบบฉบับลิขสิทธิ์ลับเฉพาะของ ‘ครูแอน Imagepower’ โดยมีขั้นตอนแนะนำเบื้องต้นคือ 

• • เริ่มจากการสร้างภาพในหัวขึ้นมาว่า เราอยากเป็นคนแบบไหน อยากเห็นภาพของตัวเราในอนาคตยังไง เช่น เห็นภาพว่า เราอยากเป็นคนมีความมั่นใจ น่าเชื่อถือ อยากเป็นที่รัก เป็นคนที่ใครๆ ก็อยากพูดคุยด้วย ให้เขียนสิ่งเหล่านี้ลงในกระดาษไปเลยเอาให้เห็นชัดๆ ว่าเราอยากเห็นตัวเราในอนาคตหลังจากที่เราปรับภาพลักษณ์แล้วเป็นอย่างไร

• • กลับมาดูสิ่งที่เราเขียนออกมา แล้วให้คะแนนตัวเองว่า เต็ม 10 ณ ปัจจุบัน เราให้คะแนนเท่าไหร่ อย่างเช่น ความมั่นใจให้ 6 คะแนน ความน่าเชื่อถือ ให้ 7 คะแนน เป็นต้น

• • เมื่อเราให้คะแนนตัวเองแล้ว ให้เราหาว่า คะแนนที่หายไปเพราะอะไร บกพร่องตรงส่วนไหน เช่น หายไป 4 คะแนน เพราะเราไม่กล้าคุย ไม่กล้าสื่อสารหรือเปิดบทสนทนากับคนที่ไม่สนิท เลยทำให้ปัจจุบันไม่มีความมั่นใจ เมื่อรู้จุดพร่องชัดแล้ว จะได้รู้ว่าเราควรจะพัฒนาตรงส่วนไหน เรียกว่าแก้ปัญหาได้ตรงจุด

• • สุดท้ายคือ การฝึกทักษะสิ่งที่เราบกพร่องอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ”