ทีวี อีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้ในปัจจุบัน โดยในครั้งนี้เราจะมากับ 12 Android TV ทีวีที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android เพิ่มความฟินในการใช้งานด้วยแอปพลิเคชันกว่า 7,000 ตัว ที่เราสามารถโหลดมาติดตั้งใช้งานได้ เพื่อรับชม รายการ หนัง ซีรีส์ ภาพยนตร์ หรือเล่นเกมได้แบบฟิน ๆ บนหน้าจอขนาดใหญ่ หวังว่าบทความนี้จะสามารถช่วยทุกคนตอบคำถามที่ว่า Android TV ยี่ห้อไหนดี? โดยในครั้งนี้เราจะเน้นไปที่ทีวีในระดับราคาเริ่มต้นขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงง่ายจากแต่ละแบรนด์ เผื่อสำหรับใครที่สนใจแบรนด์ไหนเป็นพิเศษก็สามารถไปเลือกสรร ตามแต่ละแบรนด์เพิ่มเติมได้เลย
บรรณาธิการ
Table of Contents
12 Android TV ยี่ห้อไหนดี ใช้งานง่าย ดูได้ครอบคลุม %currentyear%%
มากันที่แบรนด์ Xiaomi กันบ้างโดย tv android รุ่นนี้จะมาในขนาด 55 นิ้วด้วยความละเอียดมากถึง 4K พร้อมรองรับเทคโนโลยี MEMC ที่ช่วยเพิ่มความลื่นไหลของภาพ และยังรองรับเทคโนโลยีภาพ Dolby Vision และ HDR10+ ทั้งหมดนี้ช่วยให้ภาพคมชัด สีสันสดใส สมจริง ทั้งแสงและเงา สีสันก็สามารถแสดงผลได้ถึงระดับ DCI-P3 ที่ 94% เลย ด้านระบบปฏิบัติการใช้ Android 10 สำหรับระบบเสียงก็ยังให้ DTS HD และ Dolby Audio ด้วยลำโพง 10w 2 ตัว พร้อมรีโมท ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงด้วย
รีวิวจากผู้ใช้
“ทีวีมีขนาดใหญ่ให้ภาพคมชัด สวยงาม เป็นแอนดรอยด์ ใช้งานไม่ยาก”
ทีวีจากแบรนด์ Hisense นั้นจะโดดเด่นด้วยสีสันที่สดใสด้วย Precision Color เทคโนโลยีเฉพาะจาก Hisense โดยรุ่นนี้จะมาที่ขนาด 40 นิ้ว ประเภท LED รองรับ HDR10+ กับความละเอียดที่ Full HD หรือ 1920 X 1080 พร้อมระบบปฏิบัติการ Android 9.0 การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 และ WIFI 2.4 GHz ด้านระบบเสียงก็ให้ DTS X Virtual และ Dolby Audio มาด้วย ในเรื่องดีไซน์ก็สวยทันสมัยโดดเด่นด้วยขอบจอที่บางสุด ๆ รีโมทก็รองรับการสั่งงานด้วยเสียงด้วย นอกจากรุ่นนี้แล้วทาง Hisense ก็ยังมี Android TV อีกหลายรุ่นที่น่าสนใจรวมถึง Google TV ด้วย
รีวิวจากผู้ใช้
“เพิ่งซื้อยี่ห้อนี้ใช้ครั้งแรก โดยรวมสินค้าคุณภาพดี คุ้มค่ากับราคา การใช้งาน ภาพ เสียง ดีมากลองเชื่อมต่อ wifi สะดวก ค้นหาเชื่อมต่อง่าย การเปลี่ยนช่อง อาจมีหน่วงๆ ช้าอยู่บ้าง อาจอยู่ที่สัญญาณเน็ตด้วย ประทับใจ”
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับแบรนด์ จากเครื่องปรับอากาศมากกว่าแต่ แบรนด์นี้ก็มี Android TV ให้เลือกซื้อด้วย โดยรุ่นที่เราเลือกมาจะเป็นรุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อม Android 9.0 รองรับการเชื่อมต่อ WIFI และให้ระบบเสียง Dolby Audio ให้เสียงที่มีคุณภาพ มากับขนาดที่ 32 นิ้ว ด้วยความละเอียด HD หรือ 1366 x 768P ชนิดจอภาพ D-LED ในราคาสุดคุ้มค่า รุ่นนี้จะเหมาะกับการใช้งานระดับเริ่มต้น สำหรับคนที่ไม่จริงจังเรื่องความละเอียด ในการใช้งานพื้นฐาน ดู YouTube Netflix และรายการทั่ว ๆ ไป
รีวิวจากผู้ใช้
“ดีมากๆๆๆๆๆค่ะ ชัดมาก ราคาดี คุ้มค่าสุดๆเลยค่า แนะนำเลย แล้วจะลืมมือถือไปเลยจ้าาาา ได้เห็นกันชัดๆเต็มตาใหญ่ๆไปเลย”
ทีวีจาก COOCAA ที่ขอบจอบางดีไซน์สวยทันสมัย ขนาดหน้าจอ 40 นิ้วความละเอียด FULL HD หรือ 1920 x 1080 พร้อม HDR10 และเทคโนโลยีประมวลผลภาพ Trochilus Extreme 2.0 ให้สีสันสดใส ภาพคมชัด ด้านระบบปฏิบัติการก็ให้ Android 11 มาเลยกับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 และ WIFI 2.4 และ 5 GHz ด้านเสียงให้ลำโพงขนาด 8w มา 2 ตัว พร้อมระบบเสียง Dolby Audio และรีโมทสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ โดยแบรนด์ COOCAA เป็นอีกหนึ่งแบรนด์จีนที่มี TV คุณภาพดีให้เลือกใช้ซื้อหลากหลายรุ่น
รีวิวจากผู้ใช้
“น้ำหนักก็เบาดีค่ะ ภาพไม่ได้ชัดมากแบบ super HD แต่ดูได้สบายๆไม่มีปัญหา ระบบเสียงโอเค รวมๆคุ้มค่าคุ้มราคาค่ะ”
มาดูกันที่แบรนด์ SKYWORTH กันบ้างโดยรุ่นนี้มาที่ขนาด 50 นิ้วบนความละเอียดระดับ 4K UHD หรือ 3840 x 2160 พร้อมรองรับระบบ HDR ด้านระบบเสียงก็ให้ DTS TruSurround และระบบเสียง Dolby Audio มาเช่นกัน สำหรับระบบปฏิบัติการให้มาที่ Android 10 โดยในรุ่นนี้จะโดยเด่นด้วยสีสันสดใส คมชัด ด้วยเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลภาพ Trochilus Extreme 2.0 จากทาง SKYWORTH เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจในราคาที่คุ้มค่า และการใช้งานระดับพื้นฐานที่จัดเต็ม
รีวิวจากผู้ใช้
“คุณภาพทีวีดีมาก ภาพระเอียด คมชัด ราคาถูกคุ้มจริงๆ”
Haier อาจจะไม่ใช่แแบรนด์ที่โดดเด่นเรื่องทีวี แต่ก็มีให้เลือกใช้งานโดยในรุ่นนี้จะมาในขนาด 43 นิ้ว ความละเอียดที่ FullHD 1920 x 1080 หน้าจอชนิด D-LED กับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชัน 9 เป็นรุ่นระกับเริ่มต้นขนาด Full HD จาก Haier ที่มาพร้อมระบบ Android TV ที่สามารถโหลดแอปพลิเคชันจาก Google Play Store ได้มากมาย นอกจากรุ่นนี้ยังมีตัวเลือกอีกหลากหลายรุ่นที่น่าสนใจ แต่รุ่นนี้ก็ยังมาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยขอบจอบาง ไร้กรอบ และตัวจอก็ยังบางดูทันสมัยสุด ๆ
รีวิวจากผู้ใช้
“จอใหญ่มาก”
มาดูกันที่แบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Toshiba กันบ้างโดยในรุ่นนี้จะมาที่ขนาด 43 นิ้วความละเอียด Full HD พร้อม Essential PQ, Picture Optimizer, Contrast Booster และ Digital Noise Reduction เพิ่มศักยภาพของทีวี ให้คุณภาพสีสันสดใส คมชัด สมจริง แม่นยำ ทั้งเงา ความสว่าง และสี ให้การรับชมระดับโรงภาพยนตร์ ด้านหน่วยประมวลผลใช้ REGZA Engine HG เป็นชิปประมวลผลของโตชิบาให้การใช้งานที่ลื่นไหล กับระบบเสียง REGZA Power Audio ให้ลำโพงตรงคู่ขนาด 24 วัตต์ ระบบเสียง DTS และ Dolby Audio พร้อมรีโมทที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียง ด้านดีไซน์ก็ของจอบาง ทันสมัย
รีวิวจากผู้ใช้
“แจ่มมาก”
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าไทยเรามีแบรนด์ทีวีคุณภาพ ๆ ราคาคุ้มค่าให้เลือกซื้อใช้งานด้วยโดย แอนดรอยทีวี รุ่นนี้มาในขนาด 55 นิ้วความละเอียดระดับ 4K UHD หรือ 3840 x 2160 พร้อมรองรับ HDR 10+ สำหรับด้านเสียงก็ให้ลำโพงขนาด 10w มาที่ 2 ตัวกับระบบเสียง Dolby Digital ด้านระบบปฏิบัติการให้มาที่ Android 9 กับรีโมทที่สามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงได้ด้วย ในเรื่องของดีไซน์ก็มาพร้อมขอบจอที่บางทั้ง 4 ด้าน สวยทันสมัยเลย
รีวิวจากผู้ใช้
“เครื่องใหญ่มากค่ะ ถูกใจ ภาพคมชัด คุ้มค่า คุ้มราคา”
ใครที่อยากได้ android tv ความละเอียดสูง ๆ แต่ไม่อยากได้รุ่นที่มีขนาดใหญ่จนเกินไปก็ต้องรุ่นนี้เลยจาก Panasonic อีกหนึ่งแบรนด์ ทีวีที่มาพร้อมคุณภาพคับจอ โดยรุ่นนี้ให้ความละเอียดมามากถึง 4K UHD หรือ 3840 x 2160 พร้อมรองรับ HDR 10 ให้ภาพที่คมชัด ทั้งส่วนมืดและสว่าง พร้อมเทคโนโลยีด้านภาพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 4K Colour Engine และ Hexa Chroma Drive กับระบบเสียง Dolby Audio ด้านรีโมทก็รองรับการสั่งงานด้วยเสียงด้วย
รีวิวจากผู้ใช้
“ติดตั้งง่าย ใช้งานง่าย เครื่องเบามากๆ ภาพคมชัด เสียงกระหึ่มดี โดยรวมชอบมากๆ”
Sharp อีกหนึ่งแบรนด์ TV ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคมชัดที่ไม่ใช่แค่เลขสเปค โดยรุ่นนี้ที่เราเลือกมาจะมาในความละเอียด 4K UHD หรือ 3840 x 2160 กับขนาดที่ 50 นิ้ว พร้อม HDR และ X4 Master Engine Pro II เทคโนโลยีลดนอยส์รบกวน และระบบสีที่สมจริงมากยิ่งขึ้น ด้วย AQUOS TV ความสามารถในการปรับโทนสีให้สมจริงเพื่อให้ได้สีที่ถูกต้อง สมจริง ให้รายละเอียด และปรับความคมชัดอย่างประณีต ด้านระบบปฏิบัติการให้มาที่ Android 9.0 พร้อมรีโมทรองรับการสั่งงานด้วยเสียง
รีวิวจากผู้ใช้
“จอใหญ่มากๆๆๆ การจัดส่งล่าช้า เข้าใจว่าเป็น 12:12 เลยช้าปล่อยผ่านได้ การตั้งค่าง่ายมากไม่ยุ่งยาก สินค้าไม่มีการเสียหาย”
ทุกคนคงจะต้องคุ้นเคยกับ ทีวีราคาคุ้มค่า หน้าจอขนาดใหญ่จาก TCL กันมาบ้างโดยรุ่นนี้มากับขนาดที่ใหญ่มาถึง 65 นิ้วในราคาที่ถือว่าคุ้มค่าสุด ๆ กับความละเอียดในระดับ 4K UHD Resolution 3840 x 2160 พร้อมรองรับ HDR10+ และให้เทคโนโลยีภาพมาแบบจัดเต็มได้แก่ Dynamic Color Enhancement, Rich Color Expansion, Micro Dimming ที่ช่วยให้ภาพมีสีสันที่สดใส ทั้งสี แสงและเงาก็สมจริงมากยิ่งขึ้น ด้านระบบเสียงก็ให้ Dolby Audio มาด้วยพร้อมรีโมทที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ บนระบบปฏิบัติการ Android TV 9.0
รีวิวจากผู้ใช้
“ดีงามที่สุด ชอบมาก”
มาดูกันที่ฝัง SONY กันบ้างหลายคนก็ทราบกันดีว่า sony tv นั้นมักจะพร้อมเทคโนโลยีล้ำ ๆ และดีไซน์ที่โดดเด่นกว่าใคร ในราคาที่ค่อนข้างสูง สำหรับ Sony นั้นปัจจุบันจะเลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Google TV เป็นหลัก โดยรุ่นที่เราเลือกมาจะมาที่ขนาด 55 นิ้ว ความละเอียดระดับ 4K เทคโนโลยีหน้าจอ BRAVIA XR Full Array LED และระบบ Local Dimming เพิ่มมิติภาพ ให้สีสันที่สดใส แสง เงา สมจริง พร้อมรองรับ HDR และ การปรับปรุงสี XR TRILUMINOS PRO กับการยกระดับคอนทราสต์ด้วย XR Contrast Booster พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่านหน้าจอได้เลย
รีวิวจากผู้ใช้
“ใช้แต่ Sony เป็นเครื่องที่ห้าแล้ว ภาพสวย คมชัด เสียงใสให้รายละเอียดดี”
Android TV คืออะไร
Android TV คือ ทีวีที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android เหมือนกับระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือ ที่เรา ๆ ใช้กัน เพียงแต่จะมีการปรับแต่งหน้าตาและการใช้งานควบคุมให้สามารถใช้งานบนทีวีโดยการควบคุมผ่าน Remote Control หรือ โทรศัพท์มือถือได้และเน้นการใช้งานเพื่อดูรายการ หนัง ซีรีส์ ภาพยนตร์ ผ่านแอปพลิเคชันที่สามารถโหลดมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ง่าย ๆ เช่น Netflix, YouTube, Disney+, TrueID TV เป็นต้น
ข้อดีของ Android TV
ในเรื่องการใช้งานที่ง่าย และมาพร้อมแอปพลิเคชันให้เลือกใช้งานมากมาย เหมือนโทรศัพท์มือถือ นั้นเป็นจุดเด่นที่สำคัญของ Android TV เลยถึงแม้ว่าตัวเลือก Smart TV นั้นจะมีให้เลือกมากมายจากหลากหลายแบรนด์ แต่ Android TV ก็ยังเป็นระบบที่มี แอปพลิเคชันให้เลือกใช้งานมากที่สุด พร้อมกับการใช้งานที่ง่าย สามารถควบคุมผ่านการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant หรือสั่งงาน บนโทรศัพท์มือถือผ่าน Chromecast ก็ได้
วิธีเลือกซื้อ Android TV ให้คุ้มค่าที่สุด
ขนาดและความละเอียดที่เหมาะสมกับการใช้งานนั้นสำคัญ ขนาดเริ่มต้นที่เหมาะสมสำหรับ ทีวีในปัจจุบันคือ 40 นิ้วขึ้นไปบนความละเอียด FullHD ขึ้นไป สำหรับขนาดตั้งแต่ 50 นิ้วขึ้นไปจะราคาที่ค่อนข้างสูงและมักจะมากับความละเอียดตั้งแต่ 4K จึงอาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีงบประมาณจำกัด และสำหรับ Android TV ขนาด 32 นิ้วนั้นเรามองว่าอาจจะเล็กกินไป และมักจะมากับความละเอียดที่ HD เท่านั้น
การเลือกซื้อในช่วยโปรโมชันประจำแต่ละเดือนนั้นจะคุ้มค่าที่สุด และสำหรับทีวีทางฝั่งจีนจะเน้นราคาที่คุ้มค่าพร้อมกับสเปคที่จัดเต็ม แต่ฝังญี่ปุ่นจะมาพร้อมเทคโนโลยีต่าง ๆ ความคมชัดมากเป็นพิเศษ สำหรับการเลือกขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งานนั้น ควบพิจารณาจากขนาดพื้นที่ ๆ เรามีและระยะการนั่งชมของเรา เพราะถ้าเราเลือกใหญ่เกินไปสำหรับระยะที่เรารับชมก็อาจทำให้เกินการล้า หรือเมื่อยเมื่อรับชมเป็นเวลานานได้
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับการเลือกซื้อทีวีนอกจากขนาดความละเอียด ก็คือชนิดของหน้าจอซึ่งมีให้เลือกตามลำดับราคาได้แก่ LED (IPS และ VA) < QLED / Mini LED < OLED และแน่นอนว่ายิ่งดีก็ยิ่งแพง และเทคโนโลยีหรือมาตรฐานการรองรับที่ให้มาก็สำคัญไม่ว่าจะเป็นทั้งเทคโนโลยีด้านภาพ เทคโนโลยีด้านเสียง หรือการรองรับต่าง ๆ ทั้ง HDR, HDR10, HDR10+, Dolby Vision, Dolby Digital, Dolby Audio เป็นต้น
ข้อจำกัดของ Android TV ที่ควรพิจารณาไว้
ถึงแม้ว่า Android TV จะมีแอปพลิเคชันให้เลือกหลากหลายแต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องหน่วยประมวลผลของตัวเครื่องที่ไม่ได้แรงเทียบเท่าโทรศัพท์มือถือ ก็อาจจะไม่สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลหรือเต็มประสิทธิภาพบนทุกแอปพลิเคชัน ในบางกรณีระบบปฏิบัติการ Smart TV จากแบรนด์อื่น ๆ อาจจะมีความลื่นไหลมากกว่าเนื่องจากมีการออกแบบให้เข้ากันกับตัวทีวีได้ดีมากกว่า Android TV ที่เป็นระบบกลางซึ่งทุกแบรนด์สามารถเลือกนำไปใช้งานได้
ความแตกต่างระหว่าง Google TV vs Android TV
หลายคนอาจจะไม่รู้แต่ Google TV กับ Android TV ต่างกันนะเออ ถึงแม้ว่าทั้ง 2 ระบบนี้จะมาจาก Google ซึ่งเป็นเบื้องหลังของระบบ Android บนโทรศัพท์มือถือที่เราใช้ ๆ กัน โดยหลัก ๆ แล้ว 2 ระบบนี้จะมีหน้าตาการใช้งานที่คล้ายคลึงกัน หรือเรียกได้ว่า Google TV เป็นระบบที่อัพเกรดมาจาก Android TV อีกทีก็ได้ ซึ่งทั้ง 2 ระบบนั้นก็สามารถที่จะโหลดแอปพลิเคชันผ่าน Google Play Store ได้เหมือนกัน มีแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานได้เทียบเท่าใกล้เคียงกัน แต่ในด้านระบบการทำงานเบื้องหลังจะแตกต่างกันอยู่ โดยรวมแล้ว Google TV นั้นก็จะเป็นระบบปฏิบัติการที่มีความใหม่กว่าตัว Android TV
แต่สำหรับผู้ใช้อย่างเรา ๆ ก็สามารถเลือกใช้งานได้ตามความถนัดเลย ซึ่งในบทความนี้นั้นเราจะเน้นไปที่ Android Tv เป็นหลักแต่ถึงอย่างนั้นแต่ละแบรนด์ที่เราคัดเลือกมาในครั้งนี้ก็มีตัวเลือกทั้ง Google TV และ Android TV แต่ด้วยความที่ Google TV มีความใหม่กว่าก็อาจจะอยู่ในช่วงราคาที่สูงกว่าเล็กน้อย ใครที่สนใจแบรนด์ไหนเป็นพิเศษและสนใจระบบ Google TV ก็สามารถไปเลือกสรรเพิ่มเติมตามแต่ละแบรนด์ที่เราคัดมาในครั้งนี้ได้เลย
บทส่งท้าย
ครบแล้วกับ Android TV ทั้ง 12 รุ่น 12 แบรนด์ หลายคนอาจจะสงสัยว่าแบรนด์ในดวงใจชื่อดังบางแบรนด์ถึงไม่ได้อยู่ใน 12 รุ่นนี้ เพราะแบรนด์เหล่านั้นไม่มีตัวเลือก Android TV นั่นเองและจะเลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Smart TV ของตนเอง และนอกเหนือจาก 12 รุ่นจาก 12 แบรนด์นี้ก็ยังมีอีกหลากหลายรุ่นที่น่าสนใจ รุ่นที่เลือกมาจากเน้นที่การใช้งานระดับเริ่มต้นในราคาที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้เป็นตัวเลือกที่หลากหลาย สำหรับใครที่อยากได้ในรุ่นที่มีสเปคและความสามารถที่จัดเต็มมากกว่านี้ก็สามารถลองเลือกดูเลือกหาจากทั้ง 12 แบรนด์นี้ที่เราคัดมาแล้วได้เลย ถึงแม้ว่าบางแบรนด์อาจจะไม่ใช่แบรนด์ที่ใครหลายคนคุ้นเคยแต่ไว้ใจได้เลยว่าเราคัดมาแล้วว่าจะต้องเป็นแบรนด์คุณภาพแน่นอน