สำหรับคนที่อยากซื้อทีวีจอ OLED แต่ก็งงว่ามันมีอะไรต่างกันบ้าง แยกไม่ออกเลย ต้องการคำแนะนำ เราก็จะมาแนะนำ 10 ทีวี OLED ยี่ห้อไหนดี ให้เหมาะกับทุกคน ตั้งแต่ราคาแพงไปถูก อันไหนมีระบบอะไรบ้าง จอขนาดอะไรบ้างที่มี ข้อดีข้อเสียของแต่ละรุ่น และคำถามที่หลายคนสงสัยว่า OLED กับ QLED มันแตกต่างกันยังไง พร้อมแล้วไปเลือกอ่าน เลือกซื้อกันโลด
บรรณาธิการ
Table of Contents
10 ทีวี OLED ยี่ห้อไหนดี เพื่อความบันเทิงขั้นสุดสำหรับคุณ 2024
ทีวี 4k OLED ตัวท็อป 2021 จาก Sony ที่ใช้ Cognitive Processor XR™ ปฏิวัติวงการทีวีของ Sony จำลองการทำงานให้เหมือนกับสมองของมนุษย์ในการเห็นทางตาและเสียงเข้าหู XR picture ช่วยให้แสงสีมีความเข้มข้นและเพิ่มความสว่างสูงสุด ถ่ายทอดแสงสีเหมือนต้นฉบับ และ XR sound ที่ใช้ Actuator ทำให้ผิวจอเปล่งเสียงออกมาและยังเพิ่มมิติของเสียงมากขึ้นทำให้อินมากขึ้น สำหรับสายเกมเมอร์ก็คงจะดีใจเพราะเครื่องนี้ทำมาให้สำหรับ Playstation 5 และยังมีอัตราเฟรม 120fps และการตอบสนอง 8 ms เหมาะสำหรับคนที่อยากดูทีวีที่มีขนาดใหญ่จาก Sony
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาดจอ: มี 55, 65 และ 83 นิ้ว
รีวิวจากผู้ซื้อ: คุณภาพและออปชั่น จัดเต็ม มากครับ ส่วนราคาก็มหัศจรรย์ตามสไตล์โซนี่
ทีวีที่ถือได้ว่าเป็นตัวท็อปของ LG ในปี 2022 ที่ใช้จอเป็น tv OLED evo ด้วยการออกแบบที่บางแนบชิดกับผนังและใช้ชิปประมวลผลที่ก้าวล้ำที่สุดของ LG ในการยกระดับภาพให้เหมือนจริงกว่าด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายละเอียดหรือแสงสว่างสีดำก็ไปขั้นสุด แถมยังเปล่งแสงที่สว่างเพิ่มขึ้น 30%2 กว่ารุ่นอื่น ๆ มีระบบเสียง 4.2Ch/60W และยังมี Dolby Vision Gaming 4K ให้สำหรับสายเกมเมอร์ได้เล่นอย่างสนุกสนานที่ 120Hz และเวลาตอบสนองเพียงแค่ 1 ms เป็นทีวีที่ถือได้ว่าลงทุนเต็มที่ในการมอบทุกอย่างและไปขั้นสุดให้กับคนใช้งาน
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาดจอ: 55, 65 และ 77 นิ้ว
รีวิวจากผู้ซื้อ: เรื่องทีวีไว้ใจคุณ LGระดับประเทศ
ทีวี LG ที่ได้รับรางวัลมากมายในปี 2022 ไม่ว่าจะเป็นด้านการดีไซน์ที่เพรียวบางสุด ๆ หรือชิปประมวลผลที่ก้าวล้ำที่สุดที่ยกระดับคุณภาพของภาพให้มีความคมชัดมากขึ้นและให้พื้นหน้าและพื้นหลังเป็นธรรมชาติจนน่าตกใจ นอกจากนี้ยังเปล่งแสงที่สว่างเพิ่มขึ้น 20%2 กว่ารุ่นอื่น ๆ พร้อมระบบเสียง 2.2Ch/40W แถมยังมี Dolby Vision Gaming 4K ที่สายเกมเมอร์อยากได้กันเพราะทีวีจะเล่นได้ที่ 120Hz และเวลาตอบสนองเพียงแค่ 0.1 ms ท่านที่อยากได้จอใหญ่แบบ 4K ที่เล่นเกมได้ดีแถมสามารถดูหนังและเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนที่สุดก็พลาดไม่ได้กับทีวีรุ่นนี้
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาดจอ: 42, 48 และ 83 นิ้ว
รีวิวจากผู้ซื้อ: ทีวีที่ดีสุดแล้ว แต่แพงจัง
ทีวี OLED ราคาถูกจาก LG ที่คุณภาพถือได้ว่าดี มีการใช้ SELF-LIT OLED ในการสร้างความมืดของจริงโดยที่ไม่มีแสงพื้นหลัง ใช้ชิปประมวลผล α7 Gen5 AI Processor เพื่อให้พื้นหน้าและพื้นหลังมีความโดดเด่นยิ่งขึ้น มอบคอนทราสต์ที่ดีขึ้น พร้อมกับเสียง Surround รอบตัวคุณและระบบเสียง 2.0Ch/20W Refresh rate ของหน้าจออยู่ที่ 60Hz และเวลาตอบสนองอยู่ที่ 1 ms ท่านที่อยากได้ทีวีที่ดูหนังได้คุณภาพและยังราคาถูกก็พลาดไม่ได้กับรุ่นนี้ แต่ถ้าใครที่อยากเอามาเล่นเกมก็ไม่แนะนำให้ใช้ทีวีอันนี้เพราะไม่สามารถเล่นที่ 120Hz ได้
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาดจอ: 48, 55 และ 65 นิ้ว
รีวิวจากผู้ซื้อ: ใช้งานได้ดี ภาพสวยคมชัด เสียงดีมาก ไม่ต้องใช้ซาวด์บาร์ช่วย ลองดูคุณภาพระยะยาวอีกทีว่าจะทนทานใช้ได้นานแค่ไหน เครื้องเดิมใช้ LG ใช้ได้ 10 ปี
สำหรับคนที่คิดว่าทีวี 4K ยังไม่พอ ต้องนี่เลย ทีวี OLED LG ทำเป็นจอทีวี 8K ให้เลย มี α9 Gen5 AI Processor 8K ชิปประมวลผลที่ยกระดับภาพ ทำให้ภาพพื้นหน้าและพื้นหลังมีระยะความชัดลึกสูงสุดและทำให้ภาพมีความสมจริงมากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมี Dynamic Tone Mapping Pro ที่ทำให้ HDR นั้นมีความสดใสไปถึงรายละเอียดขั้นสุด พร้อมระบบเสียง 4.2CH/60W นอกจากนี้ยังมี Dolby Vision Gaming 4K ที่ 120Hz และเวลาตอบสนองเพียง 0.1 ms เหมาะสำหรับสายเกมเมอร์ เหมาะสำหรับท่านที่อยากเห็นรายละเอียด 8K บนหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 77 นิ้ว แถมยังสามารถเล่นเกมได้อีกด้วย
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาดจอ: 77 และ 88 นิ้ว
รีวิวจากผู้ซื้อ: ไม่มีรีวิว
TV OLED Panasonic รุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวท็อปของปี 2021 ที่นำเทคโนโลยี Master HDR OLED Professional Edition ใช้ชิปประมวลผลอัจฉริยะ HCX Pro AI ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพของภาพให้ดีขึ้นด้วยการปรับความคมชัดและปรับแต่งสีให้แม่นยำ ใช้ระบบเสียง 360° Soundscape Pro เพื่อให้เสียงล้อมรอบคุณ มี Game Mode Extreme สำหรับเล่นเกม เล่นได้ที่ 120Hz และเวลาตอบสนอง 14.5 ms ซึ่งก็ถือว่าพอเล่นได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ HDR ที่ครอบคลุมและเอาไว้ดูหนัง
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาดจอ: มี 65 นิ้ว
รีวิวจากผู้ซื้อ: ไม่มีรีวิว
เป็นทีวี OLED ที่ถือว่าถูกสุดของ PHILIPS แต่อย่าให้คำว่าถูกสุดทำให้คุณคิดว่าคุณภาพนั่นแย่ ด้วย Ambilight ที่เป็นเอกลักษณ์ของ PHILIPS ที่ช่วยให้เปล่งแสงที่ชวนหลงใหลมาควบบนหน้าจอรวมไปกับหน้าจอที่เป็น OLED แล้วทำให้ความสวยงามของภาพพิเศษไปกว่า oled tv แบรนด์อื่น ๆ บวกกับชิปประมวลผล P5 AI Perfect Picture Engine มอบภาพที่สมจริง สีสันสดใส และเคลื่อนไหวที่ราบรื่น นอกจากนี้ยังสามารถเล่นเกมได้ที่ 120 Hz เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทีวี OLED จอใหญ่ที่มีภาพสวยงามหรือเล่นเกมในราคาที่ถูก
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาดจอ: 55 และ 65 นิ้ว
รีวิวจากผู้ซื้อ: สวยงาม ดีมาก คุ้มค่า ควรมีประดับไว้ในห้องเป็นอย่างมาก ส่งไว ติดตั้งไว ให้คำแนะนำได้ดีเหมือนช่องใน YouTube เลย ควรค่าแก่การซื้อ
ทีวี OLED อันแรกจาก Samsung ที่บางเฉียบและมีความพิเศษจาก OLED ทั่ว ๆ ไปด้วย QD-OLED ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดและดีขึ้นกว่าเดิมบวกกับ Neural Quantum Processor 4K ทำให้ทีวีสามารถสร้างสีที่สดใส สีดำนุ่มลึกและสีขาวบริสุทธิ์ แถมคอนทราสต์และรายละเอียดของหน้าจอที่ดีขึ้นไปกว่า OLED เครื่องอื่น ๆ สามารถตั้งเวลาเปิดปิดอัตโนมัติและแบ่งเวลาว่าเวลาไหนให้เป็นโหมดอะไรได้ Refresh rate อยู่ที่ 100Hz แต่ด้วย Motion Xcelerator Turbo+ ทำให้เล่นเกมได้ที่ 120Hz และยังมี Dolby Atmos ทำให้เหล่าเกมเมอร์อินไปกับเสียงหลายมิติ มีแอปอื่น ๆ ที่ใช้ได้ เหมาะสำหรับท่านที่อยากเล่น next-gen console อย่าง PS5 หรือ Xbox Series X หรือดูหนังที่มีความละเอียดสูง
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาดจอ: มี 55 และ 65 นิ้ว
รีวิวจากผู้ซื้อ: ยังไม่มีรีวิว
Sony OLED tv ที่ใช้ Cognitive Processor XR™ ปฏิวัติวงการทีวีของ Sony มี XR picture พัฒนาภาพให้เป็น 4K เพิ่มสีสันทำให้มีความสมจริงที่สุด ดึงความมืดกับความสว่างให้สุดของความเป็นจริง มีการชดเชยเสริมเติมเพิ่มในพื้นที่ส่วนผิดของภาพให้คมชัดมากขึ้นและยังทำให้ภาพไหลลื่นสมูทมากขึ้น และ XR sound ที่ช่วยให้เสียงคนพูดตรงไหนก็ออกมาตรงนั้นของหน้าจอและยังเพิ่มมิติของเสียงมากขึ้นทำให้อินมากขึ้น สำหรับสายเกมเมอร์ก็คงจะดีใจเพราะเครื่องนี้ทำมาให้สำหรับ Playstation 5 และยังมีอัตราเฟรม 120fps และการตอบสนอง 8.5 ms เป็น ทีวี OLED เหมาะสำหรับคนที่อยากดูหนังและก็เล่นเกมได้ด้วย
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาดจอ: มี 42 และ 48 นิ้ว
รีวิวจากผู้ซื้อ: ภาพคมชัดสมกับเป็นรุ่น Master OLED ของ Sony มาก การใช้งานประทับใจรีโมทคอนโทรลที่เป็นบลูทูธที่ตัดปุ่มตัวเลขที่ไม่ได้ใช้งานออก มีการใส่ระบบส่งเสียงแจ้งเตือนกรณีหาไม่เจอ และเปล่งแสงในที่มืดเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ดูใส่ใจผู้ใช้งาน
ส่วนการเชื่อมต่อหากใช้งานอุปกรณ์ต่อพ่วงที่เป็นเครื่องเสียงหรือโฮมเทียเตอร์ตระกูล Sony ด้วยกันอยู่แล้ว สามารถเชื่อมต่อผ่านระบบ Bravia Sync ระบบมีการทำความรู้จักกันได้เลยถือว่าดี
นอกจากนั้นการแสดงผลภาพและเสียงสามารถ compatible กับ PS5 ยิ่งใช้ประโยชน์จากความเป็น Sony ด้วยกันได้ดีทั้ง HDR และ 120hz
ทีวี 4K OLED ที่เป็นตัวท็อปของ Sony ในปี 2019 และอยู่ใน Master Series ใช้ชิป Picture Processor X1™ Ultimate ทำให้มีความคมชัด ความสว่าง และความสมจริงมากขึ้นด้วยการตรวจจับความแตกต่างหลายร้อยวัตถุบนหน้าจอ นอกจากนี้ Sound-from-Picture Reality™ ยังทำให้เสียงน่าหลงใหล สามารถเล่นเกมได้ที่ 120Hz และเวลาตอบสนอง 18.9 ms ซึ่งก็ถือว่าโอเคสำหรับเกม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูหนังหรือซีรีส์บนจอใหญ่ ๆ
ข้อมูลเฉพาะ
- ขนาดจอ: 55, 65 และ 77 นิ้ว
รีวิวจากผู้ซื้อ: ผมพึ่งถอย sony a9g มาครับ คุณภาพชมภาพจากหนัง 4k ภาพคมชัด ลึก เสียงยอดเยี่ยมครับ คุ่มค่าครับ
ทีวี oled กับ qled ต่างกันอย่างไร
OLED หรือ Organic Light-Emitting Diode จะใช้พิกเซลบนหน้าในการปรับความสว่างของแสงและสร้างภาพ นอกจากนี้ทีวีก็จะไม่มีไฟแบล็คไลท์หรือก็คือการเปิดปิดพิกเซลนั่นเอง ทำให้ได้สีดำบริสุทธิ์ และสีดำนี้ก็จะผสมเข้ากับสี RGB ต่าง ๆ ทำให้เกิดการสร้างภาพพื้นหลัง อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ OLED ต่างก็คือมุมในการดูทีวีสามารถดูจากมุมเฉียงและภาพยังมีสีสันสดใส สรุปก็คือการให้สีที่ตรงและคมชัดพร้อมกับไม่เปล่งแสงที่จุดสีดำ
QLED หรือ Quantum Dot LED ซึ่ง Quantum Dot นั่นเมื่อเจอแสงก็จะสร้างสีขึ้นมา ซึ่งทีวีก็สร้างแสงด้วยหลอด LED ซึ่งต่างจาก OLED ที่ใช้พิกเซล ซึ่ง QLED ต้องใช้ไฟแบล็คไลท์ด้วย เลยทำให้เกิดสีเทาสว่างหรือที่เรารู้กันว่าสีดำสูง ซึ่งแสงนี้จะอยู่รอบวัตถุที่มีความสว่าง นอกจากนี้ ถ้าพูดถึงความแม่นยำและความสว่างของสีแล้ว QLED จะดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด สรุปก็คือมีความสว่างและสีสันที่สวยงามกว่าจอแบบอื่น ๆ
OLED กับ QLED เป็น 4K และสามารถเป็น 8K ได้ทั้งคู่ นอกจากนี้ จอเบิร์นหรือ Screen Burn-in จะเกิดกับ OLED ได้ง่ายกว่า ถ้ามีภาพตรงไหนบนหน้าจอที่เป็นภาพนิ่งและเปิดนานเกิน
สำหรับคนบางคนที่เจอคำว่า QD-OLED ก็อาจจะงงว่าคืออะไร ชื่อเต็มคือ Quantum Dot OLED ที่การผสมผสานเทคโนโลยีของ OLED กับ Quantum Dot เข้าด้วยกัน เพื่อคอนทราสต์ที่สูงขึ้น สีดำที่มืดสนิทและความสว่างที่สูงกว่า OLED
ทีวี oled ทำไมราคาสูง
ทีวีอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ OLED TV จะใช้เทคโนโลยีจอภาพ LCD โดยการใช้ Panel LCD ที่คอยเปลี่ยนสี Pixel และใช้หลอดไฟด้านหลังหรือแบล็คไลท์ส่งผ่าน Pixel ไปบนหน้าจอ LCD ซึ่งบางรุ่นที่ใช้คำว่า LED นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเป็น LED จริง ๆ เพราะมันแบ่งโซนของหน้าจอให้ใช้ Pixel ในการคุมแสงและไม่ใช่สีดำสนิท ในขณะที่ OLED นั่นทุกจุด Pixel จะเป็นหลอด LED ของแท้ สร้างแสงและสีจากหลอดโดยตรง ซึ่งมันทำให้ทุกจุดเปิดปิดแสงได้ด้วยตัวเองทำให้มันเป็นสีดำสนิท นอกจากนี้แล้ว หลอดไฟที่ใช้ไม่ได้แยกเป็นโซนทำให้จำนวนหลอดไฟเท่ากับ Pixel ที่มี ทำให้ราคาสูงขึ้นจากการใช้หลอดไฟหลายอัน บริษัท LG เป็นบริษัทเดียวที่ผลิต OLED Panel ได้ บริษัทอื่นก็ซื้อจาก LG นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ราคาแพงขึ้นเพราะไม่มีคู่แข่ง
วิธีเลือกซื้อทีวี oled
อย่างแรกเลยก็คือดูพื้นที่ที่เราจะวางทีวีว่ามีขนาดเท่าไร เพื่อที่เราจะสามารถซื้อทีวีถูกขนาดมาวาง ต่อมาก็คือดูว่ามีระบบอะไรบ้าง เช่น คนที่อยากดูหนังก็ต้องการระบบ FILMMAKER MODE, Dolby Vision IQ และ Dolby Atmos สำหรับใช้ดูหนังให้เต็มที่ คนที่อยากเล่นเกมอาจต้องดูว่าทีวีมีกี่ Hz การตอบสนองกี่ ms และมีระบบสนับสนุนการเล่นเกมอะไรบ้างอย่าง Dolby Vision Gaming 4K ซึ่งทีวี OLED แต่ละอันก็มีความเหมาะสมที่ไม่เหมือนกัน บางอันอาจจะเหมาะสำหรับเล่นเกมและบางอันเหมาะสำหรับดูหนังหรือซีรีส์มากกว่า
บทส่งท้าย
เราจะเห็นได้ว่าทีวี OLED มีหลายแบบหลายรุ่นหลายแบรนด์ ซึ่งแต่ละอันก็มีระบบเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนกันให้มา เราจึงควรจะทำความเข้าใจหรือมองหาทีวีที่ตอบสนองเราที่สุดไม่ว่าจะเป็นเล่นเกมหรือดูหนัง เพื่อให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับเรา