Welcome Citizen!

บันทึกตอนนี้เลย แล้วซื้อทีหลัง เราจะแจ้งคุณถ้าราคาลด

Welcome Citizen!

Setup your account or continue reading!

Settings
12 โทรศัพท์แอนดรอยด์ (Android) รุ่นไหนดี สเปคแรง แบตอึด ปก

12 โทรศัพท์แอนดรอยด์ (Android) รุ่นไหนดี สเปคแรง แบตอึด ปี 2025

ครบครันทั้งกล้อง จอ และการประมวลผล ด้วยมือถือ Android

ในโลกของสมาร์ทโฟนที่แข่งขันกันดุเดือด โทรศัพท์แอนดรอยด์ (Android) ได้ก้าวข้ามจุดเริ่มต้นที่เคยถูกมองข้าม กลายมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ทั้ง "ฉลาด" และ "แรง" ที่สุดในมือผู้ใช้ ด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ความหลากหลายของแบรนด์ และการออกแบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะสายเกมเมอร์ ช่างภาพมือถือ หรือคนทำงานแบบมัลติทาสก์ วันนี้เราคัดสรร 12 รุ่นมือถือแอนดรอยด์ ล่าสุด ที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ มาฝาก ทั้งกล้องสวย สเปคแรง เล่นเกมได้ ฟีเจอร์ครบ มีครบแน่นอน เลื่อนไปดูเลยว่ารุ่นไหนเหมาะกับคุณที่สุด


บรรณาธิการ

Ing On chevron_right

...

12 โทรศัพท์แอนดรอยด์ (Android) รุ่นไหนดี ใหม่ล่าสุด ปี 2025

มือถือแอนดรอยด์เรือธง กล้องเทพ ชิปแรง รองรับเกมและงานกราฟิกระดับโปร
Samsung Galaxy S25 Ultra
Samsung
Samsung Galaxy S25 Ultra มือถือกล้องเทพ มือถือสำหรับเล่นเกม
จาก
43,900บาท
เช็คราคา Samsung Galaxy S25 Ultra ด้านล่าง:
add_circle จอ QHD+ AMOLED สีสด ลื่น 120Hz เต็มตา
add_circle ชิป Octa-core 4.47GHz ประสิทธิภาพสูง เล่นเกมลื่นแบบไม่ต้องปรับ Low
add_circle RAM 12GB + ตัวเลือกความจุถึง 1TB – เกมใหญ่แค่ไหนก็ไม่ต้องลบ
add_circle แบตอึดจริง ใช้งานได้ถึง 31 ชั่วโมง
add_circle ระบบเสียง Stereo พร้อม Spatial Sound เหมาะกับเกม FPS และดูหนัง
add_circle รองรับ S Pen วาดแผนเกม วาดสกิล หรือจดโน้ตขณะเล่นได้
add_circle กล้อง 200MP สำหรับคนที่ชอบสตรีมเกมแล้วเก็บช็อตคม ๆ
add_circle ดีไซน์วัสดุ Titanium ให้ความรู้สึกแข็งแรงและพรีเมียม
add_circle มี eSIM/ Dual SIM + รองรับ DeX เหมาะกับคนที่ทำงานด้วย
add_circle รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 ช่วยให้เล่นเกมออนไลน์ไม่ดีเลย์
add_circle มี SmartThings, Samsung DeX, และ AI สำหรับปรับภาพ/เสียงอัตโนมัติ
add_circle อัปเดต Android ได้นานและต่อเนื่องอีกหลายปี
remove_circle Refresh Rate สูงสุดแค่ 120Hz ไม่สูงเท่ารุ่นเกมมิ่งเฉพาะที่ไปถึง 165–185Hz
remove_circle ต้องใช้หูฟังไร้สายหรือแปลง USB-C
remove_circle ความสามารถด้านเกมมิ่งสูง แต่ไม่มี AirTrigger หรือโหมด X-Mode แบบมือถือเกมมิ่งเฉพาะ
remove_circle ราคาค่อนข้างสูงสำหรับสายเกมที่ไม่ใช้ฟีเจอร์กล้องหรือ S Pen

Samsung Galaxy S25 Ultra คือมือถือแอนดรอยด์ที่ยกระดับประสบการณ์การใช้งานทุกด้าน ด้วยขุมพลัง CPU Octa-Core ความเร็วสูงสุด 4.47GHz พร้อมจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาดใหญ่ถึง 6.9 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รีเฟรชเรต 120Hz ลื่นสุดขีดไม่ว่าจะเล่นเกมหรือเลื่อนฟีด รองรับ S Pen สำหรับสายครีเอทีฟ และถ่ายวิดีโอ 8K ได้แบบมืออาชีพ กล้องหลัง 200MP + 50MP ซูมได้ไกลถึง 100x พร้อมระบบกันสั่น OIS ที่แม่นยำ แบตอึด 5000mAh ใช้ได้ทั้งวัน และยังรองรับ Wi-Fi 7 + Bluetooth 5.4 กับ UWB ทำให้เป็นหนึ่งในโทรศัพท์ android กล้องสวย ฟีเจอร์เยอะและครบ ที่สุดในปีนี้

มือถือแอนดรอยด์ระดับโปร กล้องโหด จอคม AI แรง ใช้ Tensor G4 ที่พัฒนามาเพื่อ Android โดยเฉพาะ
Google Pixel 9 Pro
Google
Google Pixel 9 Pro โทรศัพท์แอนดรอยด์ที่ดีที่สุด กล้องสวย อัพเดทได้นาน
จาก
34,990บาท
เช็คราคา Google Pixel 9 Pro ด้านล่าง:
add_circle ใช้ชิป Tensor G4 ที่ออกแบบร่วมกับ Android โดยตรง ทำให้การประมวลผล AI และการใช้พลังงานแม่นยำ
add_circle กล้องหลังและหน้าคุณภาพสูงมาก ถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้ระดับโปร
add_circle จอคมชัดมาก รองรับ HDR + ความสว่างสูง ใช้งานกลางแจ้งสบาย
add_circle เป็นมือถือแอนดรอยด์กันน้ำ IP68
add_circle รองรับมือถือแอนดรอยด์กันน้ำ IP68
add_circle ดีไซน์เรียบหรู วัสดุทนทาน ใช้กระจก Gorilla Glass Victus 2
remove_circle ยังไม่มีร้านจำหน่ายทางการในไทย ต้องหาเป็นร้านพรีออกเดอร์จากต่างประเทศแทน
remove_circle ไม่รองรับ microSD เพิ่มความจุ
remove_circle ความเร็วชาร์จไวสูงสุดแค่ 27W (เมื่อเทียบกับมือถือ android ที่แรงที่สุดบางรุ่น)

Google Pixel 9 Pro เป็นมือถือแอนดรอยด์ที่ทั้ง สายกล้อง สายเกม และสาย Android แท้ ไม่ควรมองข้าม มาพร้อมชิป Google Tensor G4 (4nm) ที่ Google ออกแบบเอง เพื่อให้ Android 15 ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับการประมวลผล AI และมัลติทาสก์แบบลื่น ๆ ด้วย RAM 16GB และจอ OLED ความละเอียดสูงระดับ 497 PPI ที่ไหลลื่นสุด ๆ ด้วย รีเฟรชเรต 120Hz และรองรับ HDR+ ความสว่างพีค 3000 nits ใช้งานกลางแจ้งได้สบาย

กล้องหลัง 3 ตัวระดับโปร รองรับ 4K@60fps ทั้งหน้าและหลัง พร้อมระบบกันสั่น OIS และเทเลซูม 5x แบบ Optical กลายเป็นหนึ่งใน โทรศัพท์แอนดรอยด์กล้องสวย ที่ถ่ายวิดีโอได้ไม่แพ้กล้อง Mirrorless แบตเตอรี่ 4700mAh ใช้งานได้นาน พร้อมชาร์จไวทั้งสายและไร้สาย ที่สำคัญที่สุด Pixel 9 Pro เป็นมือถือแอนดรอยด์สายเลือดแท้ที่ได้อัปเดต Android เวอร์ชันใหม่เร็วและนานที่สุดในตลาด ใครเน้นประสบการณ์ Pure Android แบบไม่โดนปรุงแต่ง รุ่นนี้คือที่สุดของที่สุดในปีนี้

มือถือ Android ที่เกิดมาเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในเกม กล้อง และความลื่นไหลระดับเรือธง
OnePlus 13
OnePlus
OnePlus 13 โทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี แรง กล้องสวย เล่นเกมลื่น
จาก
26,088บาท
เช็คราคา OnePlus 13 ด้านล่าง:
add_circle หน้าจอสวย คม ชัดระดับ QHD+ พร้อมเทคโนโลยี LTPO ล่าสุด ประหยัดพลังงาน + ลื่นมาก
add_circle กล้องหลังครบทุกระยะ ซูม Optical 3x + Ultra Res Zoom สูงสุด 120X
add_circle แบตใหญ่พิเศษ 6000mAh ใช้งานได้ทั้งวันแม้เล่นเกมหรือถ่าย 4K
add_circle ชาร์จเร็วที่สุดในกลุ่มมือถือแอนดรอยด์ ด้วย 100W SUPERVOOC
add_circle รองรับ Wi-Fi 7, aptX-HD, LDAC, LHDC 5.0 และ Dolby Vision ครบชุด
add_circle มี Alert Slider ที่แฟน OnePlus รัก และยังเป็นมือถือ android กันน้ำระดับ IP68
add_circle OxygenOS 15 บน Android 15 ใช้งานลื่น ไม่มีโฆษณารบกวน
remove_circle ต้องหาร้านพรีออเดอร์เอง
remove_circle ไม่มี microSD card slot (สูงสุด 512GB เท่านั้น)
remove_circle ไม่มีฟีเจอร์ชาร์จย้อนกลับ (Reverse Charging)

OnePlus 13 เป็นหนึ่งในมือถือแอนดรอยด์ที่ “บูสต์สุด” ทั้งในเรื่องประสิทธิภาพ การแสดงผล และงานภาพระดับโปร ด้วยชิป Snapdragon® 8 Elite + GPU Adreno™ 830 พร้อม RAM สูงสุด 16GB LPDDR5X และหน้าจอ ProXDR LTPO 4.1 รีเฟรชเรต 1-120Hz บนความละเอียด QHD+ ความสว่างสูงสุดถึง 4500 nits ใช้งานกลางแดดสบาย ตัวกล้องครบทุกมุมมอง เซ็นเซอร์ระดับ Sony LYT-808 และ LYT-600 พร้อม Ultra Res Zoom สูงสุด 120X ถ่ายวิดีโอ 8K ได้ และแบตเตอรี่ 6000mAh ชาร์จไวสาย 100W ไร้สาย 50W เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน โทรศัพท์มือถือ android สเปคแรง ที่ “ไม่มีคำว่าติดขัด” สำหรับสายเกมเมอร์และครีเอเตอร์มือโปร

มือถือแอนดรอยด์จอเทพ กล้องโปร ชิปแรงสะใจ พร้อม AI รุ่นใหม่ที่จัดเต็มทั้งประสบการณ์ใช้งานและความเร็วระดับไฮเอนด์
Xiaomi 15 Ultra
Xiaomi
Xiaomi 15 Ultra มือถือ Xiaomi ที่ดีที่สุด แรงที่สุด กล้องดี รุ่นใหม่ล่าสุด
จาก
42,990บาท
เช็คราคา Xiaomi 15 Ultra ด้านล่าง:
add_circle ชิปแรงที่สุดในตลาดมือถือ ณ ปี 2025
add_circle หน้าจอสวย คม ลื่นแบบมือโปร แสดงผล HDR ได้จริง
add_circle ระบบระบายความร้อนเทียบเท่ากับพีซีเกม
add_circle แบตใหญ่แต่ชาร์จเร็วทั้งมีสายและไร้สาย
add_circle ลำโพงคู่เสียงจัดเต็ม พร้อม Dolby Atmos
add_circle รองรับ Wi-Fi 7 ที่ให้ค่าปิงต่ำและการดาวน์โหลดเกมเร็วขึ้น
add_circle ใช้งาน HyperOS 2 ที่เสถียร ลื่นไหล และปรับแต่งง่าย
add_circle บอดี้กันน้ำ IP68 ใช้งานลุยๆ ไม่ต้องกลัวพัง
add_circle กล้อง Leica 4 ตัว ถ่าย Vlog / สตรีมเกม ได้สบาย
remove_circle ราคาสูง เพราะจัดเต็มทุกฟีเจอร์ (เหมาะกับคนจริงจังหรือมือโปร)
remove_circle ชาร์จไร้สาย 80W ต้องซื้อแท่นแยก

Xiaomi 15 Ultra เป็นมือถือแอนดรอยด์ที่ “จัดหนักทุกสเปค” ตั้งแต่ชิป Snapdragon® 8 Elite (3nm) ที่ทรงพลังที่สุดของ Android ปีนี้, RAM 16GB LPDDR5X ความเร็วสูง พร้อมความจุสูงสุดถึง 1TB UFS 4.1 จอ AMOLED 6.73" WQHD+ ความสว่างสูงสุด 3200 nits รองรับ Dolby Vision และ Pro HDR ที่ดูดีได้ทั้งเล่นเกมและดูหนัง กล้องหลัง Leica 4 ตัว พร้อมเลนส์หลักเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว + ซูมสูงสุด 120x ถ่าย 8K ได้จริง แบต 5410mAh พร้อมชาร์จไวสาย 90W และไร้สาย 80W ใช้ HyperOS 2 ที่ลื่นมากและจัดการทรัพยากรฉลาดขึ้นด้วย AI ใหม่ นี่คือโทรศัพท์ android กล้องสวย สเปคแรง ฟีเจอร์แน่น ที่ทุกสายไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

มือถือจอพับแอนดรอยด์ระดับแฟลกชิป ชิปแรง จอคู่ AMOLED ลื่นทุกองศา พร้อมใช้งานทั้งทำงานและเล่นเกม
Oppo Find N5
Oppo
Oppo Find N5 มือถือแอนดรอยด์กล้องสวย รุ่นใหม่ล่าสุด
จาก
69,999บาท
เช็คราคา Oppo Find N5 ด้านล่าง:
add_circle ดีไซน์จอพับพรีเมียม ใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนแบบแท็บเล็ต
add_circle จอ AMOLED คู่ ความละเอียดสูง สีตรง สว่างมาก เหมาะกับทั้งเกมและดูหนัง
add_circle ใช้งานมัลติทาสก์ได้จริงบนจอใหญ่ (แบ่งหน้าจอ ทำงานสองแอปพร้อมกัน)
add_circle กล้องหลัง 50MP (3 ตัว) พร้อม OIS/EIS ถ่ายวิดีโอ 4K ลื่น
add_circle รองรับมือถือแอนดรอยด์สองซิม + eSIM
add_circle รองรับ Wi-Fi 7, USB 3.1 Gen 2 และเสียง Hi-Res Audio
add_circle น้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับมือถือพับได้ระดับเดียวกัน
remove_circle กล้องหน้าความละเอียด 8MP อาจไม่เทียบเท่ารุ่นอื่นที่มี 32MP ขึ้นไป
remove_circle โหมดกล้องบางอย่างยังไม่เทียบเท่ากล้องโปรในมือถือกล้องสวยระดับเรือธง

OPPO Find N5 เป็นมือถือแอนดรอยด์จอพับที่ไม่ใช่แค่พับได้ แต่ยัง "พับแล้วแรง" ด้วยชิป Qualcomm® Oryon™ 4.32GHz + GPU Adreno™ 830 ที่แรงพอ ๆ กับมือถือเล่นเกมรุ่นท็อป มาพร้อม RAM 16GB และความจุสูงสุด 512GB แบบ UFS 4.0 โหลดเร็วไม่สะดุด หน้าจอ AMOLED คู่ (6.62” นอก / 8.12” ใน) รีเฟรชเรต 120Hz รองรับ HDR และสว่างสุดถึง 2450 nits ใช้งานกลางแจ้งได้สบาย แบตเตอรี่ 5600mAh พร้อมชาร์จไวทั้งสาย 80W และไร้สาย 50W กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS + EIS ถ่าย 4K ได้ทุกมุม นี่คือ โทรศัพท์ android พับได้ ที่ครบทั้งสเปค ความลื่น กล้อง และดีไซน์

มือถือแอนดรอยด์จอพับที่บางดีมาก ชิปแรง กล้องครบ ระบบลื่น พร้อมฟีเจอร์ระดับเรือธงเต็มพิกัด
Honor Magic V3
Honor
Honor Magic V3 มือถือแอนดรอยด์จอพับ รุ่นไหนดี
จาก
50,990บาท
เช็คราคา Honor Magic V3 ด้านล่าง:
add_circle ดีไซน์บาง เบา และพรีเมียมสุดในกลุ่มมือถือแอนดรอยด์จอพับ
add_circle หน้าจอ OLED ทั้งสองด้าน รองรับ HDR และถนอมสายตาด้วย AI Defocus Display
add_circle ระบบกล้องหลัง 3 ตัวครบมุม พร้อมซูมดิจิทัล 100x และรองรับวิดีโอ 4K ทุกกล้อง
add_circle MagicOS 8.0.1 ลื่น ตอบสนองไว และใช้ gesture ได้หลากหลายแบบมาก
add_circle รองรับมือถือ android กันน้ำระดับ IPX8
add_circle รองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบ Nano + eSIM และรองรับ VoLTE ทั้งสองซิม
add_circle เทคโนโลยีระบายความร้อนดี ใช้งานหนักนาน ๆ ได้โดยไม่ต้องกลัว throttle
remove_circle ที่ชาร์จไร้สายต้องซื้อแยก
remove_circle ระบบกล้องหน้าไม่ใช่แบบ under-display อาจไม่ seamless สำหรับสาย aesthetic
remove_circle MagicOS ยังไม่เปิดให้ custom UI ลึกเท่าบางแบรนด์

HONOR Magic V3 มือถือจอพับสายแอนดรอยด์ที่ออกแบบมาสำหรับผู้หลงใหลในนวัตกรรม บางเพียง 4.35 มม. (เมื่อกาง) แต่ซ่อนพลังไว้มหาศาลด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 3 + GPU Adreno 750 RAM 12GB + ROM 512GB และระบบ MagicOS 8.0.1 บน Android 14 ที่ลื่นและฉลาดเป็นพิเศษ หน้าจอ OLED ทั้งด้านใน (7.92”) และด้านนอก (6.43”) รองรับ 1.07 พันล้านสี + เทคโนโลยีถนอมสายตาแบบ AI ถ่ายภาพด้วยกล้องหลัง 3 ตัว (50MP x2 + 40MP Ultra-Wide) พร้อม OIS + EIS ครบชุด ถ่าย 4K ได้ทุกกล้อง ชาร์จไว 66W พร้อมรองรับชาร์จไร้สาย 50W และยังกันน้ำระดับ IPX8 ตัวจริงของโทรศัพท์แอนดรอยด์จอพับรุ่นไหนดี ที่ลงตัวทั้งดีไซน์ พลัง และความฉลาด

มือถือจอพับแอนดรอยด์เรือธงสำหรับสายมัลติทาสก์และเกมเมอร์ที่ต้องการสุดยอดประสบการณ์แบบ 2-in-1
Samsung Galaxy Z Fold 6
Samsung
Samsung Galaxy Z Fold 6 มือถือจอพับแอนดรอยด์เรือธงสำหรับสายมัลติทาสก์
จาก
60,900บาท
เช็คราคา Samsung Galaxy Z Fold 6 ด้านล่าง:
add_circle จอคู่ Dynamic AMOLED 2X แสดงผลคมชัด ลื่น และเหมาะกับทั้งเกม-ทำงาน
add_circle ใช้งาน S Pen บนจอใหญ่แบบพับได้ ช่วยให้ multitasking ทำได้จริง
add_circle กล้องหลัง 50MP พร้อม OIS + ซูมแบบ Optical 3x และ Digital 30x
add_circle รองรับ 8K Video + ระบบกันสั่น ทำให้ถ่ายวิดีโอได้ระดับมือโปร
add_circle รองรับมือถือแอนดรอยด์สองซิม + eSIM พร้อม 5G ครบทุกแบนด์
add_circle ฟีเจอร์ SmartThings + Samsung DeX เปลี่ยนมือถือเป็นคอมได้ทันที
add_circle กันน้ำ IPX8 ใช้งานได้แม้เจอสภาพแวดล้อมท้าทาย
add_circle น้ำหนักบาลานซ์ดีเมื่อถือเป็นแท็บเล็ต
remove_circle ราคาเปิดตัวสูงมากเมื่อเทียบกับมือถือจอปกติ
remove_circle แบต 4400mAh ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับจอขนาดใหญ่

Samsung Galaxy Z Fold 6 โทรศัพท์แอนดรอยด์จอพับที่ทุกคนควรสัมผัสสักครั้ง ด้วยหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ทั้งด้านนอก 6.2” และด้านใน 7.6” ที่แสดงผลระดับ QXGA+ พร้อม รีเฟรชเรต 120Hz เล่นเกมลื่น ดูคอนเทนต์เต็มตา ใช้ชิป Octa-Core ตัวแรงระดับสูงสุด 3.39GHz + RAM 12GB + ROM สูงสุด 1TB พร้อมแบต 4400mAh และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งสายทำงานและบันเทิง เช่น S Pen, Samsung DeX, UWB และระบบเสียงสเตอริโอ รองรับ 8K video และกล้องหลัง 3 ตัวแบบโปร ถ่ายซูม 30x ได้แบบคมชัด เป็นมือถือ android จอพับที่ "ครบเครื่อง" ที่สุดของปีนี้ในทุกมิติ

มือถือจอพับสไตล์เรโทรที่อัปเกรดทุกสเปคให้ล้ำยุค พร้อมชิป Snapdragon 8s Gen 3 และจอลื่น 165Hz ทั้งในและนอก
Motorola Razr 50 Ultra
Motorola
มือถือจอพับสไตล์เรโทรที่อัปเกรดทุกสเปคให้ล้ำยุค พร้อมชิป Snapdragon 8s Gen 3 และจอลื่น 165Hz ทั้งในและนอก
จาก
29,190บาท
เช็คราคา Motorola Razr 50 Ultra ด้านล่าง:
add_circle ดีไซน์จอพับแบบฝาพับที่สวยเด่นและพกง่ายกว่า Z Fold/แท็บเล็ต
add_circle จอหลักและจอนอกทั้งคู่รองรับ 165Hz / HDR10+ และสว่างมาก ใช้งานกลางแจ้งสบาย
add_circle กล้องหลังคู่ 50MP พร้อม OIS + กล้องหน้า 32MP ถ่าย 4K ได้ทุกมุม
add_circle ใช้งานจอนอกได้หลากหลาย ไม่ต้องเปิดจอบ่อย เหมาะกับสาย productivity
add_circle Android 14 + Moto My UX ใช้งานลื่นแบบปรับแต่งได้มาก
add_circle ระบบเสียง Snapdragon Sound + Dolby Atmos เหมาะกับผู้ใช้หูฟังไร้สายระดับ Hi-Res
add_circle รองรับ eSIM + nanoSIM + Wi-Fi 7 และฟีเจอร์ความปลอดภัย Moto Secure ครบครัน
remove_circle พอร์ต USB ยังเป็น 2.0 (ไม่เหมาะสำหรับสายโอนข้อมูลเร็ว)
remove_circle ความจุแบตน้อยกว่าจอพับบางรุ่นในตลาด (แต่ชดเชยด้วยระบบจัดการพลังงานที่ดี)
remove_circle ที่ชาร์จไร้สายไม่แถมในกล่อง

Motorola Razr 50 Ultra คือหนึ่งในโทรศัพท์แอนดรอยด์จอพับที่ "ไม่ใช่แค่แฟชั่น แต่จริงจังด้านสเปค" ใช้ชิป Snapdragon 8s Gen 3 พร้อม RAM 12GB LPDDR5X และ ROM 512GB แบบ UFS 4.0 ให้ความเร็วระดับมือถือเล่นเกมเรือธง จอหลักขนาด 6.9" และจอนอก 4.0" แบบ pOLED ทั้งคู่ รองรับรีเฟรชเรตสูงถึง 165Hz พร้อมความสว่างระดับ 3000 nits ที่ดูได้ชัดแม้กลางแจ้ง กล้องหลัง 50MP x2 พร้อม OIS และซูม Optical 2x ถ่ายวิดีโอ 4K HDR10+ ได้ทั้งกล้องหน้า-หลัง แบต 4000mAh ชาร์จไว 45W + ไร้สาย 15W พับได้ ใช้งานได้จริง เป็นมือถือแอนดรอยด์ที่จอสวย กล้องคม ลื่นทั้ง UI และเกม

มือถือแอนดรอยด์รุ่นกลางที่กล้องเกินชั้น หน้าจอลื่น ชิป Tensor G4 อัจฉริยะ พร้อมอัปเดตยาว 7 ปี
Google Pixel 9a
Google
Google Pixel 9a - มือถือแอนดรอยด์รุ่นกลางที่กล้องเกินชั้น หน้าจอลื่น ชิป Tensor G4 อัจฉริยะ พร้อมอัปเดตยาว 7 ปี
จาก
19,800บาท
เช็คราคา Google Pixel 9a ด้านล่าง:
add_circle ชิป Tensor G4 ใช้ AI ในการจัดการพลังงานและกราฟิกอย่างชาญฉลาด
add_circle กล้องระดับโปร 48MP + Ultrawide 13MP พร้อมฟีเจอร์ Pixel เฉพาะตัว เช่น Magic Eraser, Photo Unblur
add_circle กล้องหน้าก็ถ่าย 4K ได้ และรองรับวิดีโอ HDR พร้อมกันสั่นขั้นสูง
add_circle ใช้ Android 15 แท้ ได้อัปเดต OS, Security และ Pixel Drop ยาวถึง 7 ปี
add_circle รองรับฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับสูง เช่น VPN ฟรี, Anti-phishing, Crash Detection
add_circle ดีไซน์กันน้ำ IP68 ใช้งานได้แม้วันที่เปียก
add_circle ใช้วัสดุรีไซเคิลสูง รองรับความยั่งยืน และบรรจุภัณฑ์ไร้พลาสติก 100%
remove_circle ชาร์จไร้สายไม่รองรับ fast wireless charging แบบรุ่นพรีเมียม
remove_circle ต้องหาร้านพรีออเดอร์เอง

Google Pixel 9a มือถือแอนดรอยด์ที่คุณจะหลงรัก ด้วยชิป Google Tensor G4 รุ่นใหม่ + Titan M2 security ที่ใช้ AI ประมวลผลภาพ เสียง และการรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ จอ OLED ขนาด 6.3” ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรต 120Hz พร้อมความสว่างสูงสุดถึง 2,700 nits เห็นชัดทุกสภาพแสง แบตเตอรี่ 5100mAh ใช้งานได้สูงสุด 100 ชม. ด้วย Extreme Battery Saver กล้องหลัง 48MP + 13MP Ultrawide พร้อม Magic Editor และถ่าย 4K ได้ทั้งกล้องหน้า-หลัง Pixel 9a ยังเป็นโทรศัพท์ android ที่ได้รับอัปเดตระบบยาวถึง 7 ปี และมาพร้อมฟีเจอร์ Google AI เต็มตัวในราคาที่เข้าถึงได้

มือถือแอนดรอยด์แรงขั้นเทพ จอเทพ ชิปท็อป พร้อมแบต 6000mAh สำหรับเกมเมอร์ตัวจริง
OnePlus 13R
OnePlus
OnePlus 13R มือถือแอนดรอยด์แรงขั้นเทพ จอเทพ ชิปท็อป พร้อมแบต 6000mAh สำหรับเกมเมอร์ตัวจริง
จาก
23,205บาท
เช็คราคา OnePlus 13R ด้านล่าง:
add_circle ใช้ชิปเรือธง Snapdragon 8 Gen 3 ในราคาจับต้องได้
add_circle จอ LTPO 4.1 รีเฟรชเรตลื่น สีตรง สว่างมาก สู้แสงกลางแจ้งได้ดี
add_circle แบต 6000mAh ใหญ่กว่ารุ่นท็อปหลายรุ่น ชาร์จเร็วไม่ร้อน
add_circle กล้องหลัง 50MP พร้อม OIS ถ่ายกลางคืนได้สวย ใช้ได้ในโหมด Pro/RAW
add_circle ดีไซน์พรีเมียม + Gorilla Glass GG7i + ฟีเจอร์ Alert Slider ที่แฟน OnePlus รัก
add_circle รองรับ Dolby Vision, HDR10+ และวิดีโอ 4K 60fps ทั้งกล้องหลักและซูม
add_circle รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 เหมาะกับสายเล่นเกมออนไลน์ระดับแข่งขัน
remove_circle กล้อง Ultra-wide ความละเอียดน้อยไปหน่อยแค่ 8MP
remove_circle ไม่รองรับชาร์จไร้สาย

OnePlus 13R มือถือแอนดรอยด์เล่นเกม ด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 3 รุ่นใหม่ที่แรงแบบไม่ต้อง overclock และระบบระบายความร้อนที่จัดเต็ม RAM 12GB LPDDR5X + Storage 256GB UFS 4.0 ที่เร็วทะลุทุกโหลด หน้าจอ ProXDR LTPO 4.1 รีเฟรชเรต 120Hz ความสว่างสูงสุด 4500 nits และความละเอียด 2780x1264 พิกเซล แสดงผลลื่นแม้เล่นเกม HDR10+ กล้องหลัง 50MP พร้อม OIS + กล้องเทเล 2X ซูม และกล้อง Ultra-wide แบตอึด 6000mAh ชาร์จไว 55W บอดี้วัสดุดี งานประกอบแน่น รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 เล่นเกมหนักแค่ไหนก็พร้อมลุย

มือถือแอนดรอยด์ระดับเรือธงที่แรง ลื่น กล้องเทพ พร้อมจอ Dynamic AMOLED 2X และชิปเร็วทะลุขีด
Samsung Galaxy S25
Samsung
Samsung Galaxy S25 มือถือแอนดรอยด์ระดับเรือธงที่แรง ลื่น กล้องเทพ พร้อมจอ Dynamic AMOLED 2X และชิปเร็วทะลุขีด
จาก
26,900บาท
เช็คราคา Samsung Galaxy S25 ด้านล่าง:
add_circle จอ AMOLED คุณภาพสูง แสดงผลสว่าง สีแม่น รองรับการใช้งานทุกสถานการณ์
add_circle กล้องหลัง 50MP ถ่ายภาพคมชัด พร้อมระบบซูม Optical + Adaptive Pixel Zoom
add_circle ถ่ายวิดีโอ 8K ได้จากมือถือขนาดพกพา
add_circle รองรับ Samsung DeX และอุปกรณ์ Ecosystem ครบครัน
add_circle น้ำหนักเบาเพียง 162 กรัม ถือใช้งานสะดวกแม้เล่นเกมนาน ๆ
add_circle รองรับการอัปเดต Android และความปลอดภัยยาวนาน
add_circle กันน้ำกันฝุ่น IP68 (ตามมาตรฐาน Galaxy S Series)
remove_circle ไม่มีชาร์จไร้สายแบบ reverse wireless charging
remove_circle อาจจะยังไม่สุดเท่ารุ่น Ultra

Samsung Galaxy S25 คือโทรศัพท์แอนดรอยด์ตัวแรงที่สายเกมเมอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ควรจับตามอง ด้วยชิป Octa-Core ความเร็วสูงสุด 4.47GHz ที่รองรับการประมวลผลแบบมัลติทาสก์ได้สบาย จอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2” รองรับ 120Hz refresh rate และความละเอียด FHD+ พร้อมแสดงผล HDR ได้คมชัดแม้กลางแดด กล้องหลัง 3 ตัว (50MP + 10MP Telephoto + 12MP Ultrawide) พร้อม 8K Video @30fps และ OIS + Zoom สูงสุด 30x แบตเตอรี่ 4,000mAh ใช้งานได้สูงสุด 29 ชม. และรองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 รวมถึง Samsung DeX สำหรับคนที่อยากใช้มือถือแทนคอม

มือถือแอนดรอยด์สเปคโหด กล้องหลัก 200MP + ชิป Dimensity 9400 บนจอ AMOLED 120Hz พร้อมแบต 6000mAh
vivo X200 Pro
vivo
vivo X200 Pro มือถือแอนดรอยด์สเปคโหด กล้องหลัก 200MP + ชิป Dimensity 9400 บนจอ AMOLED 120Hz พร้อมแบต 6000mAh
จาก
39,999บาท
เช็คราคา vivo X200 Pro ด้านล่าง:
add_circle ใช้ชิป MediaTek ตัวท็อป Dimensity 9400 แรงระดับ Snapdragon 8 Gen 3+
add_circle กล้องหลัง Telephoto 200MP + กล้องหลัก IMX06C ขนาดเซนเซอร์ใหญ่ ถ่ายภาพสวยแบบโปร
add_circle หน้าจอ AMOLED คุณภาพสูงสุด ความสว่างสูงมาก รองรับ HDR เต็มระบบ
add_circle RAM 16GB ขยายได้ถึง 32GB พร้อม UFS 4.0 เล่นเกม/เรนเดอร์/ตัดต่อ ได้หมด
add_circle แบตอึดระดับ 6000mAh + ชาร์จไว 90W เติมไว ไม่รอนาน
add_circle ดีไซน์พรีเมียม งานประกอบแน่น ฝาหลังกระจกกันรอย กันน้ำ IP69
add_circle รองรับการเชื่อมต่อครบทั้ง Wi-Fi 7, USB 3.2, NFC, GPS Dual-band
remove_circle ไม่รองรับ Hi-Fi DAC แบบแยก (สายเสียงอาจขาดใจนิดนึง)
remove_circle Funtouch OS มีลูกเล่นเยอะแต่ยังไม่คลีนเท่า Android แท้

vivo X200 Pro สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ออกแบบมาเพื่อสายกล้องโดยเฉพาะ เด่นกล้อง การประมวลผล และประสบการณ์การเล่นเกม ใช้ชิป Dimensity 9400 (3nm) แรงระดับ Flagship พร้อม GPU Immortalis-G925 ที่รองรับกราฟิกสุดลื่น จอ AMOLED ขนาด 6.78” รีเฟรชเรต 120Hz และความสว่างสูงสุดเฉพาะจุดถึง 4,500 nits แสดงผล HDR ได้คมจัด บอดี้ดีไซน์กระจก + อลูมิเนียมหรูหรา กันน้ำ IP68/IP69 กล้องหลัง 200MP Telephoto + 50MP Main + 50MP Ultrawide รองรับการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูง และแบตเตอรี่ใหญ่จุใจ 6000mAh พร้อมชาร์จไว 90W เล่นได้ทั้งวันไม่สะดุด


มือถือ Android ดียังไง

แม้ตลาดสมาร์ทโฟนจะมีตัวเลือกหลัก ๆ แค่สองระบบปฏิบัติการ คือ Android และ iOS แต่จุดแข็งของมือถือแอนดรอยด์ยังคงทำให้หลายคนเลือกใช้ต่อเนื่อง เพราะมัน ไม่ได้เป็นแค่ “ของถูกกว่า” แต่คือระบบที่ เปิดกว้างกว่า และ มีตัวเลือกให้คุณมากกว่า ทั้งด้านดีไซน์ ฟีเจอร์ และสเปคในแต่ละระดับราคา

ตัวเลือกหลากหลาย ครอบคลุมทุกช่วงราคา

ไม่ว่าคุณจะมีงบ 5,000 หรือ 50,000 บาท มือถือแอนดรอยด์ก็มีรุ่นให้เลือกเสมอ ตั้งแต่รุ่นประหยัดที่ใช้งานทั่วไปได้ลื่น ไปจนถึงรุ่นเรือธงที่ใช้ชิปตัวท็อป กล้องเทพ จอ AMOLED แบบ LTPO 120Hz และ RAM 16GB

ปรับแต่งอิสระมากกว่า

มือถือ Android ส่วนใหญ่เปิดให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ทั้ง ธีม, วิดเจ็ต, launcher, การตั้งค่าระบบ, หรือแม้แต่ root (สำหรับผู้ใช้งานขั้นสูง) ซึ่งเป็นสิ่งที่ระบบปิดอย่าง iOS ไม่สามารถทำได้

มีฟีเจอร์ใหม่มาก่อนใครในบางแบรนด์

แบรนด์ใหญ่อย่าง Samsung, Xiaomi, vivo, OPPO มักจะใส่นวัตกรรมที่ล้ำหน้า เช่น ชาร์จไวระดับ 100W, กล้องซูม Periscope 200MP, หรือฟีเจอร์ AI ในกล้อง ก่อนที่มันจะไปถึง iPhone

รองรับเทคโนโลยีรุ่นใหม่แบบไวมาก

มือถือ Android รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, USB 3.2, และ codec เสียงใหม่ ๆ อย่าง LDAC, aptX Adaptive, LHDC 5.0 ได้ก่อนเสมอ จึงเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงทั้งด้านการเชื่อมต่อและมัลติมีเดีย

ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์หลากหลายได้ง่าย

มือถือแอนดรอยด์สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมหลากหลาย ทั้งหูฟัง คีย์บอร์ด เมาส์ หรือแม้แต่จอมอนิเตอร์ผ่าน Samsung DeX หรือ Wireless Projection ได้ง่าย โดยไม่ต้องล็อกอยู่ใน ecosystem แบบเฉพาะ

ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสเปค

เมื่อเปรียบเทียบมือถือแอนดรอยด์กับ iPhone ในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน คุณมักจะได้ RAM มากกว่า, กล้องหลายตัวกว่า, ชาร์จไวกว่า และจอใหญ่/ลื่นกว่า ซึ่งถือว่าคุ้มค่าต่อการใช้งานจริงมากกว่าในหลายกรณี


มือถือ Android กับ iOS ต่างกันอย่างไร

ในสมรภูมิสมาร์ทโฟนปี 2025 ผู้ใช้งานยังคงต้องเลือกระหว่างสองระบบปฏิบัติการหลักที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกมือถือ ได้แก่ Android และ iOS แม้ทั้งสองจะพัฒนาเพื่อเป้าหมายเดียวกันคือมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุด แต่เส้นทางที่แต่ละฝั่งเลือกกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Android คือระบบเปิด (Open Source) ที่แบรนด์มือถืออย่าง Samsung, Xiaomi, OPPO, OnePlus, vivo และแบรนด์น้องใหม่อีกหลายเจ้าสามารถนำไปปรับแต่งได้ ทำให้เรามีตัวเลือกหลากหลายมาก ทั้งในด้านราคา หน้าจอ ดีไซน์ UI และฟีเจอร์เฉพาะของแต่ละค่าย ในขณะที่ iOS นั้นถูกพัฒนาโดย Apple และใช้เฉพาะใน iPhone เท่านั้น จึงควบคุมประสบการณ์ใช้งานทั้งหมดได้แน่นหนาและเสถียรมากกว่าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

ฝั่ง Android กำลังอยู่ในช่วงผลิบานของ Android 15 ซึ่งเปิดตัวมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ด้านความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่น Privacy Sandbox, ระบบสแกน QR Code แบบเนียนขึ้น, Live Translate แบบออฟไลน์ และแบตอึดขึ้นจากการปรับ API ที่ฉลาดกว่าเดิม ขณะที่แบรนด์อย่าง Pixel, OnePlus และ Samsung เริ่มพูดถึง Android 16 ที่จะมากับ UI ที่เบาและลื่นขึ้น รองรับความสามารถ AI บนดีไวซ์ และเปิดพรมแดนใหม่ด้านฟีเจอร์เสียง Spatial และ Ultra HDR แบบเนทีฟ

และถ้าคุณเป็นสายมัลติมีเดีย ต้องบอกว่า Android รุ่นท็อปหลายรุ่นปีนี้จัดเต็มเรื่องมือถือเสียงดีแบบจริงจัง เช่น vivo X200 Pro, Xiaomi 15 Ultra หรือ OnePlus 13R ต่างมาพร้อมระบบเสียง Hi-Res, รองรับ Dolby Atmos, ลำโพงคู่สเตอริโอ และบางรุ่นยังมีฟีเจอร์เสียงแบบ OReality หรือการปรับจูนจากแบรนด์ระดับมืออาชีพ iPhone แม้จะให้เสียงที่บาลานซ์ดี ใช้งานกับ AirPods ได้สมูธ แต่หากไม่ได้อยู่ใน ecosystem เดียวกัน ก็อาจรู้สึกว่าทางเลือกการเชื่อมต่อมีจำกัดกว่า Android

ในแง่การใช้งาน iPhone จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการความเสถียร และการอัปเดตแบบพร้อมเพรียงทั่วโลก โดยให้การอัปเดตระบบยาวนานถึง 5–6 ปี ส่วน Android ก็พัฒนานโยบายอัปเดตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด โดย Pixel จะได้อัปเดตนานถึง 7 ปี, Samsung และ OnePlus ก็ขยับมาสู่ 4–5 ปี เรียกได้ว่า Android ไม่ใช่ระบบที่ "ตกรุ่นเร็ว" อีกต่อไป


วิธีการเลือกซื้อมือถือ Android

การเลือกมือถือ Android ไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่คือการหาคู่แท้ทางเทคโนโลยีที่จะตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคุณได้จริง ๆ ขั้นแรกเลย ให้เริ่มจากการตอบคำถามว่า “เราใช้มือถือทำอะไรเป็นหลัก?” ถ้าเป็นสายเกม ต้องมองหาชิปแรง ๆ อย่าง Snapdragon 8 Gen 3 หรือ Elite หรือ Dimensity 9400 พร้อมหน้าจอ 120Hz+ และระบบระบายความร้อนดี ๆ ส่วนถ้าคุณเน้นถ่ายภาพ กล้องหลักควรมี OIS, ขนาดเซนเซอร์ใหญ่ (เช่น 1/1.3 นิ้วขึ้นไป) และเลนส์ Ultra-wide หรือ Telephoto สำหรับความหลากหลายของมุมมอง

ในแง่ของชิปประมวลผล อย่าดูแค่ชื่อ Snapdragon แล้วคิดว่าแรงเหมือนกันหมด เพราะในแต่ละรุ่นประสิทธิภาพต่างกันมาก เช่น Snapdragon 6 Gen จะช้ากว่า Snapdragon 8 Gen หลายเท่า ถ้าอยากให้มือถือไม่หน่วงในระยะยาว ควรเริ่มที่ระดับ Snapdragon 7 Gen หรือ Dimensity 8000 ซีรีส์ขึ้นไป

RAM และ ROM ก็มีผลต่อความเร็วในการใช้งานแบบเห็นผลทันที มือถือที่มี RAM อย่างน้อย 6GB จะสามารถเปิดแอปสลับได้ลื่นพอสมควร แต่ถ้าคุณชอบเปิดหลายแอปพร้อมกัน หรือเล่นเกมหนัก แนะนำให้ขยับไป 8GB หรือ 12GB ขึ้นไป ส่วน Storage ในปี 2025 ไม่ควรน้อยกว่า 128GB และควรเป็น UFS 3.1 หรือ 4.0 เพื่อความเร็วในการอ่านเขียนไฟล์

หน้าจอมือถือก็สำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่คุณจะจ้องมันตลอดวัน จอ AMOLED หรือ OLED ให้สีที่สดและดำสนิทกว่าจอ IPS LCD แบบเดิม ๆ และหากมี refresh rate แบบ Adaptive 120Hz จะช่วยให้ภาพลื่นแบบรู้สึกได้ทันที ความละเอียด Full HD+ คือขั้นต่ำ ส่วน WQHD+ จะคมชัดระดับโปร

กล้องไม่ใช่แค่เรื่อง Megapixel เพราะระบบกันสั่น (OIS), ขนาดเซนเซอร์, ซอฟต์แวร์ AI และโหมดถ่ายกลางคืน ต่างหากที่เป็นตัวตัดสินคุณภาพภาพถ่ายจริง ๆ ถ้าเน้นถ่ายรูปบ่อย ให้เลือกรุ่นที่มีระบบกล้องคล้าย Leica, Zeiss หรือเซนเซอร์ Sony IMX ชั้นนำ

แบตเตอรี่ที่ดีควรเริ่มต้นที่ 5000mAh และมีระบบชาร์จไวอย่างน้อย 33W หรือมากกว่านั้น มือถือบางรุ่นชาร์จได้ถึง 80W หรือ 120W ซึ่งสามารถชาร์จเต็มได้ภายในครึ่งชั่วโมง เหมาะกับคนที่มีชีวิตเร่งรีบหรือเดินทางบ่อย

มือถือรุ่นใหม่ควรรองรับ 5G (ทั้ง SA และ NSA), Wi-Fi 6 หรือ Wi-Fi 7 เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อในยุคนี้ การมี Bluetooth 5.3 หรือ 5.4 ก็สำคัญสำหรับคนที่ใช้หูฟังไร้สาย หรือเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT หลายชิ้น

เรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยคือการอัปเดตซอฟต์แวร์ มือถือ Android แท้อย่าง Pixel จะได้อัปเดตยาวถึง 7 ปี ส่วนแบรนด์ใหญ่อย่าง Samsung หรือ OnePlus ก็ให้ยาวไม่แพ้กัน รุ่นที่ใช้ Android ครอบ UI เช่น HyperOS, One UI หรือ ColorOS ควรเลือกที่มีประวัติการอัปเดตสม่ำเสมอ

สุดท้าย อย่าลืมดูความทนทานของตัวเครื่อง ทั้งการกันน้ำกันฝุ่น (IP67 / IP68), วัสดุตัวเครื่อง (กระจก Gorilla Glass Victus / อลูมิเนียมอัลลอยด์), และพอร์ตที่รองรับ USB 3.0+ สำหรับโอนไฟล์ได้ไวขึ้น เหล่านี้คือรายละเอียดเล็ก ๆ ที่มีผลต่อการใช้งานจริงในระยะยาว


UI ของมือถือแอนดรอยด์แต่ละแบรนด์

ถึงแม้มือถือแอนดรอยด์ทั้งหมดจะใช้ระบบปฏิบัติการ Android เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้แต่ละเครื่องมี หน้าตาและประสบการณ์ใช้งานไม่เหมือนกัน คือ UI หรือ User Interface ซึ่งแต่ละแบรนด์จะพัฒนาเองเพิ่มเติมจาก Android เวอร์ชันมาตรฐาน (AOSP) เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน

เริ่มที่ Samsung ซึ่งใช้ One UI ที่โดดเด่นเรื่องความลื่นไหล ฟีเจอร์แน่นแต่ไม่รกตา เช่น Edge Panel, Link to Windows, Secure Folder และ Multi-Window แบบแยกหน้าจอได้จริงจัง ถือว่าเป็น UI ที่ครอบคลุมครบเครื่องที่สุดในตลาด Android ตอนนี้

Xiaomi เดิมใช้ MIUI ที่เน้น customization ได้เยอะและฟีเจอร์ล้ำ แต่ปัจจุบันเริ่มย้ายไปใช้ HyperOS ที่เน้นความเสถียร ความลื่น และความเบาเป็นหลัก โดยออกแบบให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ IoT ของ Xiaomi Ecosystem ได้ลึกขึ้น

ฝั่ง OPPO และ OnePlus ใช้ UI ที่มีรากฐานร่วมกัน OPPO ใช้ ColorOS, ส่วน OnePlus ใช้ OxygenOS (สำหรับตลาด Global) หรือ ColorOS (ในจีน) ทั้งคู่เน้นดีไซน์เรียบ สะอาด แต่ยังมี gesture และระบบ personalization เยอะ เช่น Always-on Display ที่ปรับแต่งได้แบบละเอียด การตั้งค่าระบบที่ลึกกว่าปกติ และระบบแคช/AI ที่ช่วยจัดการแอปอัตโนมัติ

ด้าน vivo ใช้ Funtouch OS ที่มีจุดเด่นคือความเบา ใช้งานง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ชอบระบบยุ่งยาก ส่วนรุ่นเรือธงของ vivo จะได้ฟีเจอร์ลึกขึ้น เช่น Pro Video Mode, การจัดการพลังงานละเอียด และอินเทอร์เฟซกล้องที่คล้ายกล้องมือโปร

ถ้าพูดถึง Google Pixel จะใช้ Android เวอร์ชันบริสุทธิ์ (Pixel UI) ซึ่งเป็น Android แบบดั้งเดิมที่ไม่มีการปรับแต่งหน้าตา UI มากนัก แต่จุดเด่นอยู่ที่ความเสถียร การอัปเดตไว และฟีเจอร์ที่ “เบาแต่ลึก” เช่น Live Translate, Now Playing, และระบบ AI บนดีไวซ์แบบ Native ที่เร็วกว่าแบรนด์อื่น

สุดท้ายคือ ASUS (ROG Phone) และ Sony Xperia ซึ่งแม้จะมีสัดส่วนน้อยในตลาด แต่ก็มีจุดขายที่ชัดเจน ASUS ROG UI เน้นความแรง การปรับแต่งการเล่นเกมแบบ hardcore ส่วน Sony จะใกล้เคียงกับ Android ดิบแต่ใส่ฟีเจอร์เสียง กล้อง และ Creator mode สำหรับคนถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ


Find My Device vs Apple: ระบบค้นหามือถือ ใครแม่น ใครแกร่ง

ไม่ว่าจะใช้ มือถือ Android หรือ iPhone สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้กลัวเหมือนกันคือ “มือถือหาย” และนั่นทำให้ระบบอย่าง Find My Device (ของ Google) และ Find My (ของ Apple) กลายเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ควรเปิดใช้งานตั้งแต่วันแรกที่แกะกล่องเครื่อง แต่ทั้งสองระบบนี้มีวิธีทำงาน ฟีเจอร์ และระดับความแม่นยำที่แตกต่างกันพอสมควร

ความครอบคลุมของอุปกรณ์

Apple Find My รองรับ iPhone, iPad, MacBook, Apple Watch, AirPods, AirTag และแม้แต่กระเป๋าเดินทางที่ติด AirTag ไว้ โดยทั้งหมดจะรวมอยู่ในแอปเดียว และใช้งานได้แบบ seamless ใน ecosystem ของ Apple

Android Find My Device ปัจจุบันรองรับมือถือ Android (ที่เชื่อมบัญชี Google), แท็บเล็ต Android, สมาร์ตวอทช์ WearOS และหูฟังที่เชื่อมกับบัญชี Google (เช่น Pixel Buds หรือ Galaxy Buds รุ่นใหม่) โดย Google เริ่มทยอยเปิด ecosystem เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น Find My Device network ที่ใช้งานได้แม้ไม่มีเน็ต

วิธีการค้นหา: ออฟไลน์ vs On Demand

Apple ใช้เทคโนโลยี crowd-sourced location sharing จากอุปกรณ์ Apple ทั้งหมดรอบข้าง เช่น หาก iPhone ของคุณอยู่ในกระเป๋าแล้วหายไว้ที่ร้านกาแฟ iPhone ของคนอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ จะช่วยส่งสัญญาณแบบเข้ารหัสให้กับคุณโดยไม่รู้ตัว (ทำให้สามารถระบุตำแหน่งแม่นแม้ไม่มี Wi-Fi หรือ SIM)

Android (Find My Device network) เพิ่งเริ่มเปิดใช้ระบบแบบ crowd-sourced เหมือนกันในปี 2024–2025 โดยอุปกรณ์ Android เครื่องอื่นที่เปิด Bluetooth และมี Nearby Sharing จะช่วยระบุตำแหน่งแบบออฟไลน์ให้เช่นเดียวกับ AirTag ของ Apple ซึ่งถือเป็นการยกระดับความสามารถของ Android ให้ทัดเทียม Apple แล้วในด้านนี้

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

Apple เข้ารหัสตำแหน่งอุปกรณ์แบบ End-to-End และคุณต้องใช้ Apple ID ที่ล็อกอินในเครื่องเท่านั้นถึงจะดูตำแหน่งได้ แม้แต่ Apple เองก็ไม่รู้ตำแหน่งเครื่องคุณ

Google ก็เข้ารหัสตำแหน่งเช่นกัน และผู้ใช้สามารถจัดการอุปกรณ์ผ่านหน้า google.com/android/find โดยต้องยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้ ถือว่าใกล้เคียงกันมากในด้านความปลอดภัย

ฟีเจอร์พิเศษ

Apple Find My

  • ระบุตำแหน่งแบบแม่นยำ Ultra-Wideband (UWB) ถ้าใช้กับ AirTag + iPhone รุ่นที่รองรับ
  • สามารถ “แจ้งเตือนเมื่ออุปกรณ์ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ได้ เช่น ลืมหูฟังไว้ที่ร้าน
  • รองรับการแชร์ตำแหน่งระหว่างคนในครอบครัวแบบ real-time

Google Find My Device

  • สามารถค้นหาได้จาก Google Assistant ด้วยเสียง เช่น “Find my phone”
  • เล่นเสียงแม้อุปกรณ์เป็นแบบออฟไลน์ (เฉพาะในรุ่นที่รองรับ Bluetooth Nearby)
  • กำลังจะรองรับ smart tracker แบบ AirTag ของ Google เอง (Pixel Tag หรือผลิตภัณฑ์จาก Chipolo, Pebblebee)

บทส่งท้าย

จะเห็นได้ว่า โทรศัพท์แอนดรอยด์มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบอย่างมาก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้นั่นเอง หากต้องการสมาร์ทโฟนเพื่อการถ่ายรูปก็มีรุ่นจากแบรนด์ทำกล้องเลยทีเดียว หรือจะเป็นคนที่ชอบเล่นเกมก็มีสินค้าที่ผลิตออกมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไปจนถึงมือถือราคาประหยัดที่มีสเปคดีเพียงพอให้จับจองกันได้แบบสบายกระเป๋านั่นเอง

บทความแนะนำ

สิ้นสุดบทความ