ถ้าคุณกำลังมองหาลำโพงที่ไม่ใช่แค่เสียงดี แต่ยังเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่แต่งเติมบ้านให้เท่แบบวินเทจ ลำโพง Marshall คือคำตอบที่หลายคนหลงรัก! ด้วยดีไซน์สุดคลาสสิก ผสมผสานเทคโนโลยีเสียงล้ำสมัย ทำให้ทุกเพลงมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยพลัง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก ลำโพง Marshall รุ่นยอดนิยมปี 2025 เจาะลึกจุดเด่น จุดสังเกต และเคล็ดลับเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และบ้านของคุณ พร้อมเปรียบเทียบแต่ละรุ่นอย่างละเอียด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายและคุ้มค่าที่สุด

บรรณาธิการ
Table of Contents
9 ลำโพง Marshall รุ่นไหนดี 2025 ครบทุกซีรีส์

สัมผัสพลังเสียงเหนือระดับกับ ลำโพง Marshall Kilburn II รุ่นพกพาที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนรักเสียงเพลงที่ไม่ยอมประนีประนอมเรื่องคุณภาพเสียง ด้วยกำลังขับรวมกว่า 36 วัตต์จากแอมป์ Class D ทำให้เสียงเบสแน่นสะใจ เสียงกลางชัด และเสียงสูงใสกริ๊บแบบ Stereo เต็มระบบ
Kilburn II ให้เสียงกระหึ่มด้วยแรงดันเสียงสูงสุดถึง 100.4 dB @ 1 เมตร ครอบคลุมความถี่ตั้งแต่ 52 Hz จนถึง 20,000 Hz ช่วยให้คุณได้ยินทุกโน้ตอย่างครบถ้วน ตั้งแต่เสียงเบสลึกจนถึงเสียงสูงที่คมชัด โดยยังคงเอกลักษณ์เสียงอุ่นแบบลำโพง Marshall ที่หลายคนชื่นชอบ
ปรับแต่งเสียงได้อย่างอิสระผ่านลูกบิดแอนะล็อกบนตัวลำโพง ทั้งโทนเบสและแหลม ให้คุณ fine-tune เสียงให้เหมาะกับเพลงหรือบรรยากาศในแต่ละวัน เพิ่มอารมณ์ให้การฟังเพลงที่บ้านหรือกลางแจ้งไม่ซ้ำใคร
Kilburn II รองรับ Bluetooth 5.0 พร้อม aptX ให้เสียงไร้สายคมชัดและดีเลย์ต่ำ เชื่อมต่อได้ไกลสูงสุด 10 เมตร หรือจะต่อด้วยสาย 3.5 มม. ก็ได้ รองรับอุปกรณ์ทุกประเภทตั้งแต่สมาร์ตโฟนไปจนถึงคอมพิวเตอร์
ด้วยแบตเตอรี่ในตัวใช้งานต่อเนื่องกว่า 20 ชั่วโมง และรองรับ Quick Charge ชาร์จเพียง 20 นาทีฟังเพลงได้ต่อ 3 ชั่วโมง ทำให้เหมาะทั้งพกพาออกทริปหรือใช้ในบ้านโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด
ดีไซน์สุดคลาสสิกด้วยหนังหุ้มสีสันหลากหลาย ทั้ง Black, Grey, Burgundy, Indigo และ Black & Brass เพิ่มความเท่ให้บ้าน คาเฟ่ หรือสตูดิโอของคุณ ในขนาดที่ยังสะดวกต่อการพกพา
สเปคเด่น
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการ ลำโพงบลูทูธ Marshall แบบพกพา ที่เสียงดังกระหึ่ม ใช้งานนอกสถานที่บ่อย หรือชอบดีไซน์วินเทจ
- กำลังขับ: แอมป์ Class D 20 วัตต์ (วูฟเฟอร์) + 8 วัตต์ x2 (ทวีตเตอร์)
- ช่วงความถี่: 52 – 20,000 Hz ครอบคลุมเสียงเบสถึงเสียงสูง
- ความดังสูงสุด: 4 dB @ 1 เมตร ให้เสียงใหญ่ในตัวเล็ก
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0 และช่อง 5 มม.
- ระยะ Bluetooth: 10 เมตร
- แบตเตอรี่: ใช้งาน 20+ ชั่วโมง ชาร์จไว 20 นาทีเล่นได้ 3 ชั่วโมง
- การควบคุม: ปุ่ม Bluetooth, ปุ่มปรับเบส, ทรีเบิล, วอลลุ่ม, อินดิเคเตอร์แบตเตอรี่
- ดีไซน์: ขนาด 243 x 162 x 140 มม., น้ำหนัก 5 กก., กันน้ำ IPX2
- สีที่มีให้เลือก: Black, Grey, Burgundy, Indigo, Black & Brass

Marshall Emberton II ลำโพงบลูทูธพกพา ขนาดเล็ก รวมพลังเสียงทรงพลังในบอดี้เพียง 0.7 กก. พร้อมระบบ True Stereophonic เสียงกระจายรอบทิศทาง ทำให้ฟังเพลงได้ชัดเจนไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของห้องหรือกลางแจ้ง
Emberton II ใช้ไดรเวอร์ฟูลเรนจ์คู่ขนาด 2 นิ้ว และพาสซีฟเรดิเอเตอร์อีก 2 ตัว ให้เสียงครบทุกย่าน ทั้งเบส กลาง และแหลม ในดีไซน์ที่พกง่ายกว่าลำโพง Marshall รุ่นใหญ่แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์
ความดังสูงสุดที่ 87 dB SPL @ 1 เมตร เหมาะกับห้องเล็กไปจนถึงใช้กลางแจ้งในพื้นที่ไม่กว้างมาก ให้เสียงดังสะใจเมื่อเทียบกับขนาด
แบตเตอรี่ในตัวรองรับการเล่นเพลงต่อเนื่องกว่า 30 ชั่วโมง และรองรับ Quick Charge ชาร์จเพียง 20 นาที ใช้งานได้ต่อถึง 4 ชั่วโมง เหมาะกับคนที่ต้องการลำโพงพกพาที่ไม่ต้องชาร์จบ่อย
รองรับ Bluetooth 5.1 ให้การเชื่อมต่อเสถียร ไร้ดีเลย์ และควบคุมผ่าน Marshall Bluetooth App บน iOS และ Android ได้ พร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA ให้ลำโพงทันสมัยอยู่เสมอ
Emberton II ยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ-ฝุ่น IP67 ที่แช่น้ำลึก 1 เมตรได้สูงสุด 30 นาที จึงพกไปใช้งานริมสระ วางในห้องน้ำ หรือออกทริปแคมป์ปิ้งโดยไม่ต้องกลัวเปียกฝน
ดีไซน์สุดคลาสสิกในขนาดกะทัดรัด มีหลายสีให้เลือก ทั้ง Black & Brass, Cream และ Black & Steel สะท้อนเอกลักษณ์ Marshall ได้อย่างชัดเจน
สเปคเด่น
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการ ลำโพงบลูทูธพกพา Marshall ขนาดเล็กที่พลังเสียงเกินตัว ใช้งานกลางแจ้ง ทนต่อฝนและฝุ่น
- ช่วงความถี่: 60 – 20,000 Hz ครอบคลุมย่านเสียงดนตรีหลากหลายแนว
- ความดังสูงสุด: 87 dB SPL @ 1 เมตร ให้เสียงชัดเจนรอบทิศทาง
- ระบบเสียง: True Stereophonic พร้อม passive radiators
- กำลังขับ: แอมป์ Class D 10 วัตต์ x2
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.1 เชื่อมได้ไกล 10 เมตร
- ควบคุมเสียง: Multi-directional control knob + ตั้งค่า EQ ผ่านแอพ
- กันน้ำ/ฝุ่น: IP67 แช่น้ำได้ลึก 1 เมตร นาน 30 นาที
- ขนาด: 68 x 160 x 76 มม., น้ำหนักเพียง 7 กก.
- แอพที่รองรับ: Marshall Bluetooth App สำหรับปรับเสียง อัปเดต OTA

ยกระดับประสบการณ์เสียงพกพาด้วย Marshall Emberton III ลำโพงบลูทูธที่ให้พลังเสียงใหญ่เกินตัว ด้วยกำลังขับ Class D 38 วัตต์ x2 ให้เสียง Stereo ที่ดังเต็มพิกัดสูงสุด 90 dB SPL @ 1 เมตร ครอบคลุมย่านความถี่ 65-20,000 Hz ชัดเจนตั้งแต่เบสไปจนถึงเสียงสูง
Emberton III มาพร้อม Bluetooth 5.3 LE รุ่นล่าสุด เชื่อมต่อเสถียร ประหยัดพลังงาน และครอบคลุมระยะไกลสูงสุดถึง 100 เมตรในพื้นที่โล่ง เหนือกว่าลำโพง Marshall รุ่นก่อนหน้าอย่าง Emberton II ที่รองรับ Bluetooth 5.1
รองรับการใช้งานต่อเนื่องยาวนานกว่า 32 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และ Quick Charge ชาร์จเพียง 20 นาที ฟังเพลงได้ต่อ 6 ชั่วโมง เหมาะกับคนที่ต้องการ ลำโพงบลูทูธ Marshall สำหรับการเดินทาง ทริปกลางแจ้ง หรือใช้งานทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย
กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP67 แช่น้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที ใช้งานได้ทุกสภาพอากาศไม่ว่าจะพกไปปาร์ตี้ริมสระ หรือเดินป่า
ควบคุมง่ายด้วยปุ่ม Multi-directional jog, ปุ่มเปิด-ปิด, ปุ่มจับคู่บลูทูธ และไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ทั้งหมดอยู่บนตัวลำโพง ให้ความสะดวกในการใช้งานจริง
รองรับ Marshall Bluetooth App สำหรับปรับ EQ และอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA ให้ลำโพงทันสมัย พร้อมสีใหม่อย่าง Sage และ Midnight Blue ให้เลือกนอกจาก Black & Brass และ Cream
ดีไซน์ยังคงเอกลักษณ์วินเทจ Marshall เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทั้งแฟชั่นและคุณภาพเสียงในลำโพงพกพาขนาดเล็กเพียง 0.67 กก.
สเปคเด่น
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการ ลำโพงบลูทูธ Marshall พกพา เสียงดี เชื่อมต่อเร็วไกล เหมาะสำหรับใช้งานกลางแจ้งหรือพื้นที่กว้าง
- ช่วงความถี่: 65 – 20,000 Hz ครอบคลุมทุกแนวเพลง
- ความดังสูงสุด: 90 dB SPL @ 1 เมตร ให้เสียงใหญ่ในบอดี้เล็ก
- ระบบเสียง: Stereo พร้อม passive radiators
- กำลังขับ: แอมป์ Class D 38 วัตต์ x2
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.3 LE ระยะไกลสูงสุด 100 เมตร
- ควบคุมเสียง: Multi-directional control jog + ปุ่ม Bluetooth + ไฟแสดงแบต
- กันน้ำ/ฝุ่น: IP67 ทนทาน พกไปได้ทุกที่
- แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่อง 32+ ชั่วโมง ชาร์จไว 20 นาทีฟังต่อ 6 ชั่วโมง
- ขนาด: 160 x 68 x 76.9 มม., น้ำหนักเพียง 67 กก.

เปิดประสบการณ์เสียงคุณภาพด้วย Marshall Willen II ลำโพงบลูทูธพกพาที่เล็กที่สุดในแบรนด์ Marshall แต่ให้พลังเสียง Mono ที่ใหญ่เกินตัว พร้อมความดังสูงสุดถึง 88 dB SPL @ 1 เมตร ครอบคลุมความถี่ 75-20,000 Hz ให้เสียงเบส กลาง แหลมครบ แม้ในบอดี้ขนาดเพียงฝ่ามือ
Willen II มาพร้อม Bluetooth 5.3 LE ให้การเชื่อมต่อรวดเร็ว เสถียร และครอบคลุมพื้นที่โล่งได้ไกลสูงสุด 100 เมตร เหมาะกับคนที่ต้องการ ลำโพงบลูทูธ Marshall ขนาดเล็กพกง่าย ใช้ทั้งในบ้านหรือกลางแจ้ง
แบตเตอรี่ในตัวให้การใช้งานต่อเนื่องกว่า 17 ชั่วโมง และ Quick Charge ชาร์จเพียง 20 นาที สามารถฟังเพลงต่อได้ 5.5 ชั่วโมง ช่วยให้พร้อมใช้งานเสมอแม้เวลาเร่งรีบ
ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ Marshall สุดวินเทจ แต่ปรับรูปทรงให้กะทัดรัด น้ำหนักเพียง 0.36 กก. และมีสายคล้องด้านหลังให้แขวนกับกระเป๋า หรือจักรยานได้ง่าย
ทนทานด้วยมาตรฐานกันน้ำ-ฝุ่น IP67 แช่น้ำลึก 1 เมตรได้ 30 นาที พกไปเที่ยว ทริปผจญภัย หรือฟังเพลงริมสระได้สบายใจ
ควบคุมสะดวกด้วยปุ่ม Multi-directional knob, ปุ่มจับคู่บลูทูธ, ปุ่มเปิด/ปิด และไฟบอกสถานะแบตเตอรี่บนตัวลำโพง เพิ่มความง่ายในการใช้งาน
รองรับ Marshall Bluetooth App สำหรับปรับเสียงและอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA ให้ลำโพงทันสมัย ใช้กับทั้ง iOS และ Android
สเปคเด่น
- เหมาะกับ: คนที่อยากได้ ลำโพงบลูทูธ Marshall แบบจิ๋ว พกง่าย เสียงใหญ่ ใช้ได้ทุกที่ไม่กลัวน้ำหรือฝุ่น
- ช่วงความถี่: 75 – 20,000 Hz ครอบคลุมเสียงเพลงทั่วไปในบอดี้เล็ก
- ความดังสูงสุด: 88 dB SPL @ 1 เมตร ให้เสียงชัดแม้กลางแจ้ง
- ระบบเสียง: Mono พร้อม passive radiators เพิ่มมิติเสียง
- กำลังขับ: แอมป์ Class D 38 วัตต์
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.3 LE ครอบคลุมสูงสุด 100 เมตร
- ควบคุมเสียง: Multi-directional control knob + ปุ่ม Bluetooth + แสดงแบตเตอรี่
- กันน้ำ/ฝุ่น: IP67 แช่น้ำได้ 30 นาที ที่ความลึก 1 เมตร
- แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่อง 17+ ชั่วโมง ชาร์จไว 20 นาทีฟังต่อ 5 ชั่วโมง
- ขนาด: 100.5 x 100.5 x 43.4 มม., น้ำหนักเพียง 0.36 กก.

พบกับ Marshall Middleton ลำโพงบลูทูธพกพาขนาดกลางที่ให้เสียงใหญ่แบบ Stereo ด้วยกำลังขับรวม 70 วัตต์จากแอมป์ Class D ทั้งวูฟเฟอร์และทวีตเตอร์ พร้อม passive radiators คู่ ที่ให้เบสลึกสะใจ และเสียงกลาง-แหลมคมชัด
Middleton ออกแบบมาให้ครอบคลุมย่านความถี่ 50-20,000 Hz ทำให้รองรับทุกแนวเพลง ตั้งแต่ EDM จนถึงอะคูสติก โดยคงความเป็นเอกลักษณ์เสียงแบบ Marshall ที่ทรงพลังและอุ่นนุ่ม
ควบคุมเสียงละเอียดได้ทั้งเบสและแหลมบนตัวลำโพงด้วยลูกบิดแอนะล็อก เพิ่มอิสระในการปรับเสียงให้เข้ากับบรรยากาศหรือแนวเพลงที่คุณชอบ โดยไม่ต้องพึ่งแอพเพียงอย่างเดียว
รองรับ Bluetooth 5.1 เชื่อมต่อเสถียร ไร้ดีเลย์ พร้อมช่อง AUX 3.5 มม. ให้ความยืดหยุ่นในการเชื่อมกับอุปกรณ์หลากหลาย
Middleton ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Stack Mode ให้คุณเชื่อมต่อลำโพงหลายตัวเข้าด้วยกันเพื่อเสียงที่ทรงพลังยิ่งขึ้น สร้างประสบการณ์เสียงรอบทิศทางในปาร์ตี้หรือพื้นที่กว้าง
แบตเตอรี่ในตัวใช้งานต่อเนื่องกว่า 20 ชั่วโมงต่อการชาร์จครั้งเดียว และ Quick Charge ชาร์จเพียง 20 นาที เล่นต่อได้ 2 ชั่วโมง
ดีไซน์วินเทจที่เป็นซิกเนเจอร์ของ ลำโพง Marshall ในบอดี้ขนาดเพียง 1.8 กก. กันน้ำกันฝุ่น IP67 พกไปได้ทุกที่ แม้ในสภาพอากาศเลวร้าย
สเปคเด่น
- เหมาะกับ: คนที่อยากได้ ลำโพงบลูทูธ Marshall พกพา ที่เสียงทรงพลัง ปรับเบส-แหลมเองได้ ใช้ในบ้าน ปาร์ตี้ หรือกลางแจ้ง
- ช่วงความถี่: 50 – 20,000 Hz ให้เสียงครอบคลุมลึกถึงเบส
- ความดังสูงสุด: 87 dB SPL @ 1 เมตร เสียงใหญ่สะใจ
- ระบบเสียง: Stereo พร้อม passive radiators สร้างเสียงเต็มห้อง
- กำลังขับ: แอมป์ Class D 20 วัตต์ x2 (วูฟเฟอร์) + 10 วัตต์ x2 (ทวีตเตอร์)
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.1 + ช่อง AUX 3.5 มม.
- ฟีเจอร์เด่น: ปุ่ม Stack Mode เชื่อมต่อลำโพงหลายตัว
- การควบคุม: ลูกบิดปรับเบส-แหลม + Multi-directional knob + ปุ่ม Bluetooth + ไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่
- กันน้ำ/ฝุ่น: IP67 ทนทาน ใช้งานได้ทุกสถานการณ์
- ขนาด: 109 x 230 x 95 มม., น้ำหนัก 8 กก.

สัมผัสพลังเสียงสุดคลาสสิกกับ Marshall Acton III ลำโพงบลูทูธขนาดกลางที่ให้พลังเสียง Stereo คมชัด ครอบคลุมความถี่กว้าง 45–20,000 Hz พร้อมแรงดันเสียงสูงสุดถึง 95 dB @ 1 เมตร ทำให้เติมเต็มเสียงดนตรีในห้องได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Acton III มาพร้อมกำลังขับรวมกว่า 60 วัตต์ จากแอมป์ Class D แยกขับวูฟเฟอร์ 30 วัตต์ และทวีตเตอร์อีก 15 วัตต์ x2 ให้เสียงเบสลึก กลางชัด และแหลมใสในทุกย่าน
จุดเด่นคือการปรับเบสและแหลมแบบละเอียดผ่านลูกบิดแอนะล็อกบนตัวลำโพง โดยไม่ต้องพึ่งแอพเท่านั้น ทำให้สามารถ Fine-tune เสียงให้เหมาะกับแนวเพลงหรือบรรยากาศได้ทันที
รองรับ Bluetooth 5.2 ที่พร้อมสำหรับ Bluetooth LE Audio ให้การเชื่อมต่อเสถียร รองรับมาตรฐานเสียงใหม่ในอนาคต และยังมีช่อง AUX 3.5 มม. สำหรับเชื่อมอุปกรณ์แบบมีสาย
ควบคุมสะดวกผ่านแผงปุ่มบนตัวลำโพงที่ให้ทั้งปุ่มเปลี่ยนแหล่งสัญญาณ ปุ่มเล่น/หยุดเพลง ลูกบิดปรับเสียง และควบคุมการข้ามเพลงได้ในปุ่มเดียว
ดีไซน์วินเทจในตู้ลำโพง Bass-reflex ที่เพิ่มมิติและความลึกของเสียงเบส พร้อมสีให้เลือกทั้ง Black, Cream, Brown และ Midnight Blue เข้ากับทุกสไตล์ห้อง
ใช้งานร่วมกับ Marshall Bluetooth App สำหรับปรับแต่ง EQ และอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA เพื่อให้ลำโพงอัปเดตฟีเจอร์ใหม่อยู่เสมอ
สเปคเด่น
- เหมาะกับ: คนที่อยากได้ ลำโพงบลูทูธ Marshall เสียงทรงพลัง ตั้งประจำในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน ขนาดไม่ใหญ่เกินไปแต่เสียงใหญ่
- ช่วงความถี่: 45 – 20,000 Hz ให้เสียงครบทุกย่าน ตั้งแต่เบสลึกถึงแหลมใส
- ความดังสูงสุด: 95 dB @ 1 เมตร เติมเต็มเสียงในห้องขนาดกลาง
- ระบบเสียง: Stereo ตู้ Bass-reflex ให้เบสลึกกว่า
- กำลังขับ: แอมป์ Class D 30 วัตต์ (วูฟเฟอร์) + 15 วัตต์ x2 (ทวีตเตอร์)
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.2 พร้อมช่อง AUX 3.5 มม.
- การควบคุม: ลูกบิดปรับเบส-แหลม, ปุ่มเล่น/หยุด, ข้ามเพลง, เปลี่ยน source และปุ่มเปิด/ปิด
- Bluetooth LE Audio: พร้อมใช้งานมาตรฐานใหม่ในอนาคต
- ขนาด: 260 x 170 x 150 มม., น้ำหนัก 85 กก.

Marshall Stockwell II ลำโพงบลูทูธพกพาที่ตอบโจทย์คนอยากได้เสียงสไตล์วินเทจแต่ขนาดไม่ใหญ่จนเทอะทะ ให้เสียง Stereo คุณภาพสูง ด้วยช่วงความถี่ 60-20,000 Hz ครอบคลุมตั้งแต่เบสแน่นไปจนถึงเสียงแหลมใส
Stockwell II ใช้แอมป์ Class D แยกขับวูฟเฟอร์ 10 วัตต์ และทวีตเตอร์ 5 วัตต์อีก 2 ตัว ให้เสียงที่เกินตัวในบอดี้สูงเพียง 7 ซม. และหนักแค่ 1.38 กก. เหมาะทั้งใช้ในบ้านหรือพกไปปาร์ตี้นอกสถานที่
จุดเด่นสำคัญคือการปรับเบสและแหลมได้จากลูกบิดแอนะล็อกบนตัวลำโพง ช่วยให้คุณ Fine-tune เสียงได้ทันใจโดยไม่ต้องพึ่งแอพ ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการความง่ายแต่ยังได้เสียงที่ชอบ
เชื่อมต่อได้ทั้งแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 และต่อสายผ่าน AUX 3.5 มม. ครอบคลุมการใช้งานกับอุปกรณ์ทั้งสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นเพลง
แบตเตอรี่ในตัวใช้งานต่อเนื่องกว่า 20 ชั่วโมง และรองรับ Quick Charge ชาร์จเพียง 20 นาที เล่นต่อได้ 6 ชั่วโมง พร้อมไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่บนตัวลำโพง
Stockwell II กันละอองน้ำตามมาตรฐาน IPX4 ช่วยให้พกไปใช้งานกลางแจ้งหรือในที่ที่มีความชื้นได้โดยไม่ต้องกังวล
ดีไซน์คลาสสิกตามแบบฉบับ ลำโพง Marshall พร้อมสีให้เลือกหลากหลาย ทั้ง Black, Grey, Burgundy, Indigo และ Black & Brass เพื่อให้เข้ากับทุกสไตล์
สเปคเด่น
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการ ลำโพงบลูทูธ Marshall พกพาเสียงดี ขนาดไม่ใหญ่ ปรับเสียงง่าย ใช้ทั้งในบ้านและกลางแจ้ง
- ช่วงความถี่: 60 – 20,000 Hz ครอบคลุมเสียงเบสถึงแหลมชัด
- ความดังสูงสุด: 80 dB @ 1 เมตร ให้เสียงเพียงพอสำหรับห้องเล็ก-กลาง
- ระบบเสียง: Stereo พร้อม passive radiators
- กำลังขับ: แอมป์ Class D 10 วัตต์ (วูฟเฟอร์) + 5 วัตต์ x2 (ทวีตเตอร์)
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0 และ AUX 3.5 มม.
- การควบคุม: ปุ่ม Bluetooth, ลูกบิดปรับวอลลุ่ม-เบส-แหลม, อินดิเคเตอร์แบตเตอรี่
- กันน้ำ/ฝุ่น: IPX4 ทนละอองน้ำ เหมาะกับใช้งานกลางแจ้ง
- แบตเตอรี่: ใช้งาน 20+ ชั่วโมง ชาร์จไว 20 นาที ฟังต่อ 6 ชั่วโมง
- ขนาด: 180 x 161 x 70 มม., น้ำหนัก 38 กก.

เปิดประสบการณ์เสียงระดับบ้านคอนเสิร์ตกับ Marshall Woburn III ลำโพงบลูทูธตัวใหญ่สุดในไลน์อัป Marshall ให้เสียง Stereo พลังมหาศาล ด้วยแรงดันเสียงสูงสุด 100.5 dB @ 1 เมตร ครอบคลุมความถี่กว้าง 35-20,000 Hz เสียงเบสลึก มิดชัด แหลมใสสมบูรณ์แบบ
Woburn III ใช้แอมป์ Class D แยกขับวูฟเฟอร์ 90 วัตต์, มิดเรนจ์ 15 วัตต์ x2 และทวีตเตอร์ 15 วัตต์ x2 ให้พลังเสียงเต็มย่านและคมชัดทุกรายละเอียด เหมาะกับห้องใหญ่หรือการใช้งานเป็นลำโพงหลักในบ้าน
มาพร้อมตู้ลำโพงแบบ Bass-reflex เพิ่มความลึกและอิมแพคของเบส ทำให้การฟังเพลงแนว EDM, ร็อก หรือคอนเสิร์ตไลฟ์มีมิติเสียงสุดมันส์แบบที่ลำโพงเล็กให้ไม่ได้
ควบคุมเสียงละเอียดผ่านลูกบิดแอนะล็อกบนตัวลำโพง ทั้งโวลุ่ม เบส และแหลม พร้อมปุ่ม Source, Play/Pause, Skip เพลง ช่วยให้ควบคุมง่ายและได้ความรู้สึกคลาสสิกในแบบลำโพง Marshall
รองรับ Bluetooth 5.2 ที่พร้อมสำหรับ Bluetooth LE Audio รองรับการเชื่อมต่อมาตรฐานใหม่ และยังเชื่อมต่อแบบมีสายได้ทั้ง 3.5 มม., RCA และ HDMI ทำให้ใช้เป็นลำโพงทีวีหรือชุดโฮมเธียเตอร์ได้อย่างเต็มที่
รองรับ Marshall Bluetooth App สำหรับปรับ EQ, อัปเดตซอฟต์แวร์ OTA และตั้งค่าลำโพงเพิ่มเติมผ่านสมาร์ตโฟนทั้ง iOS และ Android
ดีไซน์วินเทจระดับไอคอนในบอดี้ขนาดใหญ่ 7.45 กก. พร้อมสีให้เลือกทั้ง Black, Cream และ Brown เข้ากับห้องนั่งเล่นหรือสตูดิโอได้อย่างลงตัว
สเปคเด่น
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการ ลำโพง Marshall ตัวใหญ่เสียงกระหึ่ม สำหรับห้องกว้าง บ้าน หรือใช้เป็นลำโพงหลักของระบบโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์
- ช่วงความถี่: 35 – 20,000 Hz ให้เสียงครบทุกย่าน ตั้งแต่เบสลึกถึงแหลมใส
- ความดังสูงสุด: 5 dB @ 1 เมตร เติมเต็มเสียงในห้องขนาดใหญ่
- ระบบเสียง: Stereo พร้อมตู้ Bass-reflex เบสแน่นมีมิติ
- กำลังขับ: แอมป์ Class D 90 วัตต์ (วูฟเฟอร์) + 15 วัตต์ x2 (มิด) + 15 วัตต์ x2 (ทวีตเตอร์)
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.2, AUX 3.5 มม., RCA, HDMI รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์หลากหลาย
- การควบคุม: ลูกบิดปรับเบส-แหลม, ปุ่มควบคุมเพลง, Source, Power
- Bluetooth LE Audio: พร้อมใช้มาตรฐานใหม่ในอนาคต
- ขนาด: 400 x 317 x 203 มม., น้ำหนัก 45 กก.

สัมผัสเสียงอันทรงพลังในห้องของคุณกับ Marshall Stanmore III ลำโพงบลูทูธที่ออกแบบมาเพื่อเป็นลำโพงกลางบ้าน/คาเฟ่ ให้เสียง Stereo คมชัด ด้วยช่วงความถี่กว้าง 45-20,000 Hz และแรงดันเสียงสูงสุดถึง 97 dB @ 1 เมตร ครอบคลุมทุกย่านเสียงได้อย่างสมบูรณ์
Stanmore III ใช้กำลังขับรวมกว่า 80 วัตต์ จากแอมป์ Class D แยกขับวูฟเฟอร์ 50 วัตต์ และทวีตเตอร์ 15 วัตต์อีก 2 ตัว ทำให้ได้เสียงเบสที่แน่น มีมิติเสียงกลางชัด และแหลมใสแบบละเอียด เหมาะกับเพลงทุกแนวตั้งแต่แจ๊สจนถึงร็อก
ตู้ลำโพง Bass-reflex ช่วยเพิ่มความลึกของเบส ให้เสียงมีแรงปะทะและอิมแพคที่ดีกว่าลำโพงบลูทูธทั่วไปในระดับเดียวกัน
ควบคุมเสียงได้ละเอียดผ่านลูกบิดบนตัวลำโพง ปรับเบส-แหลมได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งแอพ มาพร้อมปุ่ม Source, Play/Pause, Skip เพลง และสวิตช์เปิด/ปิดที่มอบความรู้สึกคลาสสิกในสไตล์ ลำโพง Marshall
รองรับ Bluetooth 5.2 พร้อม Bluetooth LE Audio สำหรับการเชื่อมต่อเสียงคุณภาพสูง และรองรับการเชื่อมต่อแบบมีสายทั้ง 3.5 มม. และ RCA ให้ความยืดหยุ่นกับอุปกรณ์ทั้งเก่าและใหม่
ทำงานร่วมกับ Marshall Bluetooth App ช่วยปรับ EQ และอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA ให้ลำโพงของคุณทันสมัยและเต็มประสิทธิภาพ
ดีไซน์คลาสสิกมีให้เลือกทั้ง Black, Cream และ Brown ขนาดใหญ่กว่ารุ่น Acton III แต่ยังคงเป็นลำโพงที่จัดวางง่ายในบ้านโดยไม่เกะกะจนเกินไป
สเปคเด่น
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการ ลำโพง Marshall สำหรับบ้าน ที่เสียงทรงพลัง เหมาะเป็นลำโพงหลักในห้องนั่งเล่นหรือสตูดิโอขนาดกลางถึงใหญ่
- ช่วงความถี่: 45 – 20,000 Hz ให้เสียงครบตั้งแต่เบสถึงแหลม
- ความดังสูงสุด: 97 dB @ 1 เมตร เติมเต็มเสียงในห้องได้สบาย
- ระบบเสียง: Stereo พร้อมตู้ Bass-reflex เบสลึกมีมิติ
- กำลังขับ: แอมป์ Class D 50 วัตต์ (วูฟเฟอร์) + 15 วัตต์ x2 (ทวีตเตอร์)
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.2, AUX 3.5 มม., RCA Input ใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์
- การควบคุม: ลูกบิดปรับเบส-แหลม, ปุ่มควบคุมเพลง, Source, Power
- Bluetooth LE Audio: พร้อมใช้งานมาตรฐานใหม่
- ขนาด: 350 x 203 x 188 มม., น้ำหนัก 25 กก.
สรุปจุดเด่นลำโพง Marshall แต่ละรุ่น
- Marshall Kilburn II: พกพาง่าย เสียงใหญ่ ปรับเบส-แหลมบนตัวลำโพง แบตอึด
- Marshall Emberton II: เล็ก กันน้ำ IP67 เสียง Stereo 360° แบตใช้ได้นานกว่า 30 ชม.
- Marshall Emberton III: อัปเกรด Bluetooth 5.3 เชื่อมไกล 10 ม. กันน้ำ IP67 แบต 32 ชม.
- Marshall Willen II: เล็กสุดในไลน์ IP67 พกง่าย แขวนได้ แบตนาน 17 ชม.
- Marshall Middleton: เสียงจัด เบสลึก Stack Mode กันน้ำ IP67 ปรับเบส-แหลมได้
- Marshall Acton III: ตั้งบ้านเสียงจัดเต็ม ขนาดกะทัดรัด ปรับเสียงบนตัวลำโพง
- Marshall Stockwell II: พกพาเสียงแน่น ปรับเบส-แหลมได้ กันละอองน้ำ IPX4
- Marshall Woburn III: ตัวใหญ่สุด เสียงทรงพลัง HDMI/AUX/RCA ครบ เชื่อมทีวีได้
- Marshall Stanmore III: ลำโพงบ้านเสียงใหญ่ ปรับเสียงละเอียด AUX/RCA พร้อม Bluetooth 5.2
ประวัติแบรนด์ Marshall

ย้อนกลับไปปี 1962 ใจกลางลอนดอน Jim Marshall ชายผู้เริ่มต้นจากการเป็นครูสอนตีกลองและเจ้าของร้านขายอุปกรณ์ดนตรีเล็กๆ แต่สิ่งที่เขาได้รับจากนักดนตรีรุ่นใหญ่ในยุคนั้นไม่ใช่แค่เสียงตีกลอง แต่มันคือคำขอ: “อยากได้แอมป์ที่ให้เสียงดัง หนักแน่น ดิบกว่าเดิม” ซึ่งเป็นเสียงเรียกร้องจากศิลปินอย่าง Pete Townshend แห่งวง The Who และนี่คือจุดกำเนิดของตำนาน
Jim จึงเริ่มพัฒนาแอมป์ของตัวเองโดยอ้างอิงจากแอมป์ Fender Bassman ที่นักดนตรีใช้กัน แต่เขาปรับสูตรใหม่จนกลายเป็นรุ่นแรก Marshall JTM45 ที่เปิดตัวในปี 1963 และให้เสียงที่ “แตก” อย่างทรงพลัง มีคาแรกเตอร์ที่ต่างจากแอมป์อเมริกันในตอนนั้นชัดเจน – เสียงอุ่น หนา แสบสัน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
Plexi Era: เมื่อเสียง Marshall กลายเป็นสัญลักษณ์ร็อก
ช่วงปลายยุค 60 Marshall เปิดตัวรุ่น Super Lead Plexi (1959) ที่มาพร้อมแผง Plexiglass อันโดดเด่น จนได้ฉายา “Plexi Era” กลายเป็นแอมป์คู่ใจของศิลปินระดับพระกาฬอย่าง Jimi Hendrix, Eric Clapton, Jimmy Page และอีกหลายคนที่กำหนดทิศทางดนตรีร็อกในยุคนั้น จนภาพ Marshall Stacks (การเรียงแอมป์สูงเป็นชั้น) กลายเป็นสัญลักษณ์ของเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ทั่วโลก
ต่อมา Marshall Bluesbreaker Combo ในปี 1964-65 ก็กลายเป็นแอมป์ในตำนานอีกตัว เพราะถูก Eric Clapton ใช้ในวง Cream และบันทึกเสียงอัลบั้มที่กลายเป็นต้นแบบของบลูส์ร็อก
ยุค JCM: ความดุดันของ Heavy Metal
ปี 1981 Marshall เปิดตัว JCM800 รุ่นที่สร้างความฮือฮาในกลุ่มเฮฟวี่เมทัล ด้วยเสียงแตก (distortion) ที่รุนแรง สะอาด และแน่นกว่าที่เคยมี ทำให้กลายเป็นแอมป์ยอดนิยมของวงการเมทัลตลอดยุค 80-90 และต่อยอดสู่ JCM900 และ JCM2000 ในยุคถัดมา ซึ่งยังคงใช้ในคอนเสิร์ตจนถึงปัจจุบัน
จากแอมป์สู่ลำโพงและหูฟัง: ขยายตำนานสู่ทุกคน
ไม่หยุดเพียงแค่แอมป์กีตาร์ Marshall ได้จับมือกับ Zound Industries ในปี 2010 ผลิต หูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ทำให้แฟนเพลงทั่วไปสามารถสัมผัสเสียงทรงพลังและดีไซน์วินเทจอันเป็นซิกเนเจอร์ของ Marshall ในขนาดกะทัดรัด ไม่ต้องเป็นมือกีตาร์อาชีพก็ได้ใช้เสียง Marshall อยู่ในชีวิตประจำวัน
การเปลี่ยนผ่านยุคใหม่
เดิมที Marshall เป็นธุรกิจของครอบครัว แต่ในปี 2023 แบรนด์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Marshall Group ภายใต้เครือสวีเดน และในปี 2025 บริษัทลงทุนจากจีนอย่าง HongShan Capital Group ก็เข้ามาถือหุ้น ทำให้แบรนด์ขยายตลาดสู่ทั่วโลกได้กว้างขึ้นโดยยังรักษามาตรฐานคุณภาพ Marshall
มรดก Marshall: เสียงร็อกที่ไม่มีวันตาย
กว่า 60 ปีของการสร้างแอมป์และนวัตกรรมเสียง Marshall ยังคงถูกยกให้เป็น “แอมป์ที่เสียงดังที่สุด” และเป็นขวัญใจศิลปินร็อกทั่วโลก ภาพ Marshall Stack ยังคงเป็นภาพจำบนเวทีคอนเสิร์ต การคงการใช้หลอด (tubes) ในหลายรุ่นช่วยรักษาเอกลักษณ์เสียงอบอุ่นแบบแอนะล็อกให้กับผู้ที่หลงใหลในเสียงดนตรี
ทุกวันนี้ Marshall มีครบตั้งแต่แอมป์กีตาร์ หูฟัง ลำโพงบลูทูธ ไปจนถึงลำโพงบ้าน แต่ทุกชิ้นยังคงคุณภาพเสียงและดีไซน์วินเทจที่บ่งบอกตัวตนของ Marshall ได้ชัดเจนในทุกมุมบ้านหรือเวทีคอนเสิร์ต
ทำความรู้จักกับลำโพง Marshall แต่ละซีรีส์

Emberton Series - ไซซ์เล็กสุด แต่เสียงเกินตัว
- เป็นลำโพงพกพาที่ขายดีที่สุดของ Marshall เพราะขนาดเล็ก เบา พกง่าย แต่ยังให้เสียง Stereo 360° ด้วยเทคโนโลยี True Stereophonic
- ดีไซน์กันน้ำ IP67 เหมาะกับคนชอบพกไปใช้นอกบ้าน เช่น แคมป์ปิ้ง ทะเล หรือริมสระ
- เน้นแบตเตอรี่ใช้งานยาว (30+ ชั่วโมงใน Emberton II และ 32+ ชั่วโมงใน Emberton III)
- ไม่มีการปรับเบส-แหลมบนตัวลำโพง ต้องใช้แอพ Marshall Bluetooth App ตั้งค่า EQ
- เหมาะกับใคร? - คนที่อยากได้ลำโพงบลูทูธ Marshall ขนาดเล็กพกง่าย เสียงดี ใช้ในบ้าน-นอกบ้านโดยไม่ต้องกลัวเปียกฝนหรือฝุ่น
Willen Series - ลำโพงพกพาเล็กกว่า Emberton แต่แกร่งกว่า
- ดีไซน์กะทัดรัดยิ่งขึ้น น้ำหนักเพียง ~0.3 กก. ใส่ในกระเป๋าเสื้อได้
- ให้เสียง Mono แต่แรงเกินตัว ขับเสียงกลาง-แหลมชัด
- กันน้ำกันฝุ่น IP67 พร้อมสายคล้องในตัวสำหรับแขวนจักรยาน กระเป๋า หรือในเต็นท์
- เน้นความทนทาน แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 15-17 ชั่วโมง
- เหมาะกับใคร? - สายลุยที่อยากได้ลำโพงไซซ์มินิ ใช้ง่าย เสียงชัด ใช้งานนอกสถานที่ที่อาจมีฝุ่นหรือเปียกน้ำบ่อย
Kilburn Series - รุ่นพกพาที่เสียงใหญ่กว่า Emberton/Willen
- ขนาดใหญ่กว่า แต่ยังจัดอยู่ในกลุ่มพกพา เพราะมีสายสะพายในตัว
- ให้เสียง Stereo ที่ทรงพลังด้วยกำลังขับกว่า 30 วัตต์ และมีการปรับเบส-แหลมได้บนตัวลำโพง
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาว 20 ชั่วโมงขึ้นไป เหมาะกับปาร์ตี้กลางแจ้ง
- มี Bass-reflex เพิ่มแรงปะทะเบส
- เหมาะกับใคร? - คนที่ต้องการลำโพงพกพาที่เสียงใหญ่จริงจัง เหมาะกับงานปาร์ตี้นอกบ้านหรือกิจกรรมที่ต้องการพลังเสียงเต็มอิ่ม
Stockwell Series - พกง่าย ฟีเจอร์ครบ เหมาะทั้งบ้าน-นอกบ้าน
- ขนาดใหญ่กว่า Emberton แต่เล็กกว่า Kilburn
- ให้เสียง Stereo พร้อม Bass-reflex เหมาะกับเพลงที่ต้องการเบสลึก
- ปรับเบส-แหลมได้บนตัวลำโพง
- กันละอองน้ำ IPX4 ทนฝนปรอยหรือใช้นอกบ้าน
- แบตเตอรี่อึด 20 ชั่วโมงขึ้นไป
- เหมาะกับใคร? - คนที่อยากได้ลำโพงพกพาแต่เน้นเสียงใหญ่ คุณภาพดี ฟีเจอร์ครบสำหรับใช้งานในบ้านหรือพกไปนอกสถานที่
Middleton Series - ท็อปสุดในกลุ่มพกพา
- ให้เสียง Stereo พร้อมกำลังขับรวมกว่า 70 วัตต์
- Bass-reflex และ passive radiators ทำให้เบสลึกกว่า Stockwell/Kilburn
- กันน้ำกันฝุ่น IP67 เหมาะกับงานกลางแจ้ง
- ปรับเบส-แหลมได้ทั้งบนตัวลำโพงและผ่านแอพ
- มี Stack Mode เชื่อมต่อ Middleton หลายตัวพร้อมกันเพิ่มความมันส์
- เหมาะกับใคร? - สายปาร์ตี้ที่ต้องการลำโพงพกพาเสียงเทพจริงๆ ต้องการเบสจัดจ้าน และความอิสระในการพกพาแบบกันน้ำ
Acton Series - ลำโพงตั้งบ้าน ขนาดเล็กสุดในไลน์โฮม
- เหมาะกับห้องขนาดเล็ก-กลาง
- ให้เสียง Stereo 60 วัตต์ขึ้นไป ด้วย Bass-reflex เสียงแน่น
- ปรับเบส-แหลมบนตัวลำโพงได้
- รองรับ Bluetooth 5.2 และ AUX
- ดีไซน์วินเทจตั้งโต๊ะ
- เหมาะกับใคร? - คนที่อยากได้ลำโพงตั้งบ้าน Marshall ขนาดกะทัดรัด เสียงจัดเต็มแต่ไม่เปลืองพื้นที่
Stanmore Series – เหมาะกับบ้าน ห้องกลาง-ใหญ่
- กำลังขับมากกว่า Acton ให้เสียง Stereo ~80 วัตต์
- ตู้ Bass-reflex ให้เบสลึก มีมิติ
- ควบคุมครบทั้งลูกบิดเบส-แหลม ปุ่มควบคุมเพลง
- รองรับ AUX, RCA, Bluetooth 5.2
- ดีไซน์คลาสสิก มีสีให้เลือกหลายแบบ
- เหมาะกับใคร? - คนที่ต้องการลำโพงหลักในบ้านสำหรับฟังเพลงหรือดูหนังในห้องนั่งเล่น
Woburn Series – ท็อปสุด ใช้แทนชุดโฮมเธียเตอร์ได้
- ให้พลังเสียงใหญ่ที่สุดในไลน์ลำโพง Marshall ด้วยกำลังขับกว่า 120 วัตต์
- ครอบคลุมความถี่กว้างถึง 35 Hz ทำให้เบสลึกสุดๆ
- รองรับ HDMI, RCA, AUX, Bluetooth 5.2
- ปรับเสียงได้ละเอียดบนตัวลำโพง
- เหมาะกับห้องใหญ่หรือใช้เป็นลำโพงทีวี
- เหมาะกับใคร? - คนที่อยากได้ลำโพงตัวหลักของบ้าน เสียงจัดเต็ม ใช้แทนซาวด์บาร์หรือโฮมเธียเตอร์
อ่านเพิ่มเติม: เลือกลำโพง Marshall Woburn 2 หรือ Woburn 3 ดี
วิธีเลือกซื้อลำโพง Marshall
ดูจากจุดประสงค์การใช้งาน
ถามตัวเองก่อนว่า คุณจะใช้ลำโพง Marshall แบบไหน?
- ฟังเพลงในบ้านอย่างเดียว: เลือกซีรีส์ Acton, Stanmore, หรือ Woburn ที่ให้เสียงใหญ่ เบสแน่น เหมาะกับห้องนั่งเล่น/ห้องนอน
- พกพาไปนอกบ้าน: เน้น Emberton, Willen, Kilburn, Stockwell, Middleton เพราะมีแบตในตัว ใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียบไฟ
- ใช้งานได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน: Stockwell และ Middleton เหมาะสุด เสียงใหญ่แต่ยังพกง่าย
พิจารณาขนาดห้องหรือพื้นที่ที่ใช้
- ห้องเล็ก-ขนาดกลาง (10-20 ตร.ม.): Acton, Emberton, Willen
- ห้องขนาดกลาง-ใหญ่ (20-40 ตร.ม.): Stanmore, Kilburn, Middleton
- ห้องใหญ่/พื้นที่โล่งหรือใช้แทนลำโพงโฮมเธียเตอร์: Woburn เท่านั้น เสียงใหญ่ กระหึ่ม ครอบคลุมห้องกว้าง
เลือกตาม “ความดัง” และ “กำลังขับ”
ถ้าอยากได้เสียงดังสุด เติมเต็มงานปาร์ตี้ ต้องดู แรงดันเสียงสูงสุด (Max SPL) เช่น
- Woburn III = 100+ dB @ 1 เมตร
- Stanmore III = ~97 dB
- Acton III = ~95 dB
- Emberton/Willen = ~87-90 dB
ถ้าใช้ในห้อง/พื้นที่เล็ก ไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่นแรงเกินไป เสียงจะล้นห้องจนฟังไม่เพราะ
ฟีเจอร์ที่ต้องการ
- ปรับเสียงบนตัวลำโพง: ถ้าคุณชอบปรับเบส-แหลมด้วยมือ เลือก Acton, Stanmore, Woburn, Kilburn, Middleton, Stockwell
- กันน้ำ/ฝุ่น: ถ้าเน้นพกพาลุยๆ ต้องมี IP rating อย่าง IP67 (Emberton, Willen, Middleton) หรืออย่างน้อย IPX4 (Stockwell)
- เชื่อมต่อหลายแหล่ง: Woburn III มี HDMI/AUX/RCA ครบสำหรับใช้กับทีวี คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นเพลง
- แอพปรับ EQ: ทุกรุ่นใหม่รองรับ Marshall Bluetooth App แต่บางรุ่น (Emberton, Willen) ต้องใช้แอพเท่านั้นเพราะไม่มีลูกบิดเบส-แหลม
พิจารณาความสะดวกในการพกพา
- ถ้าอยากสะดวกสุดแบบใส่กระเป๋า: Willen
- พกใส่กระเป๋าเป้: Emberton
- พกแบบมีสายสะพาย เหมือนกระเป๋าเล็ก: Kilburn, Stockwell, Middleton
- ใช้ประจำที่ ไม่เน้นเคลื่อนย้ายบ่อย: Acton, Stanmore, Woburn
งบประมาณ
- รุ่นเล็กอย่าง Willen/Emberton เริ่มราว 4,000-8,000 บาท
- รุ่นพกพาขนาดกลาง Kilburn/Stockwell/Middleton ประมาณ 10,000-15,000 บาท
- รุ่นโฮมอย่าง Acton, Stanmore ประมาณ 12,000-20,000 บาท
- Woburn III ตัวท็อป ราคาสูงกว่า 25,000+ บาท
สรุปวิธีเลือกสั้น ๆ
- อยากได้ตัวใหญ่ เสียงใหญ่ เลือก Stanmore, Woburn
- อยากพกง่าย เลือก Emberton, Willen
- อยากพกแต่เสียงจัด เลือก Kilburn, Middleton
- ใช้ได้หลายอุปกรณ์/ทีวี เลือก Woburn (HDMI), Stanmore (RCA)
- เน้นกันน้ำ เลือก Emberton, Willen, Middleton
เปรียบเทียบ Marshall, JBL, Bang & Olufsen (B&O), Harman Kardon และ Sony
ถ้าคุณเป็นคนที่หลงใหลในสไตล์วินเทจและเสียงที่ให้คาแรกเตอร์อุ่น หนักแน่น เป็นเอกลักษณ์ของแอมป์กีตาร์ Marshall คือคำตอบที่ตอบโจทย์ที่สุด ลำโพง Marshall เน้นเสียงเบสที่มีมิติ เสียงกลางเด่น มีความ “ดิบ” ที่ขับอารมณ์เพลงร็อกหรือบลูส์ได้ดีเยี่ยม พร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยโลโก้ Marshall อันเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับคนที่ชอบทั้งดีไซน์คลาสสิกและพลังเสียงแบบอนาล็อกที่หาไม่ได้ในลำโพงสมัยใหม่ทั่วไป แต่ข้อจำกัดคือไม่มีฟีเจอร์ Wi-Fi หรือ Multi-room ในหลายรุ่น จึงเหมาะใช้เดี่ยวๆ มากกว่าเป็นระบบบ้านอัจฉริยะ
ฝั่ง JBL โดดเด่นในฐานะแบรนด์ที่ออกแบบลำโพงพกพาสปอร์ต กันน้ำ ทนทาน ราคาคุ้มค่า เสียงที่ JBL สร้างชื่อคือเบสที่แรง ฟังเพลง EDM, ฮิปฮอป หรือปาร์ตี้มันส์ ๆ ได้สบาย เสียงกลางใสพอสมควร แต่บางรุ่นอาจมีรายละเอียดเสียงแหลมที่ไม่คมเท่าแบรนด์ไฮเอนด์ จุดขายอีกอย่างคือสีสันสดใสและดีไซน์กันน้ำ IP67 ในหลายรุ่น ทำให้เหมาะกับสายลุย ชอบความสนุก พกไปชายหาด แคมป์ปิ้ง หรือปาร์ตี้ริมสระ
อ่านเพิ่มเติม: เปรียบเทียบแบรนด์ลําโพง JBL กับ Marshall อันไหนดีกว่ากัน
หากคุณชอบเสียงที่ใส โปร่ง รายละเอียดครบ โดยไม่เน้นเบสโดดเด่นเกินไป และชื่นชอบงานดีไซน์หรูหรา Bang & Olufsen (B&O) คือระดับพรีเมียมที่หลายคนยอมลงทุน ดีไซน์ B&O ใช้วัสดุอย่างอะลูมิเนียม ไม้ และหนัง ทำให้เป็นทั้งลำโพงและของแต่งบ้านในตัว เสียงมีบาลานซ์ดี ไม่บวมเบส ให้มิติและเวทีเสียงกว้าง เหมาะกับการฟังเพลงแจ๊ส อะคูสติก หรือเพลงบรรเลงที่ต้องการความชัดของทุกเครื่องดนตรี แต่ราคาสูงกว่าลำโพงทั่วไปพอสมควร
อ่านเพิ่มเติม: เลือกอะไรดี ระหว่าง B&O กับ Marshall
ในขณะที่ Harman Kardon สร้างชื่อในฐานะลำโพงบ้านที่ให้เสียงอบอุ่น เบสนุ่มลึก แต่ไม่ดุเหมือน JBL เหมาะกับคนที่ฟังเพลงหลายชั่วโมง เช่น แจ๊ส ป็อป หรือเพลงบัลลาด เพราะเสียงฟังสบายไม่ล้าหู ดีไซน์ของ Harman Kardon เน้นความเรียบหรู ใช้แก้วหรือโลหะ มีความโมเดิร์น เหมาะกับวางในห้องนั่งเล่น แต่ข้อจำกัดคือพลังเสียงอาจไม่สะใจสายปาร์ตี้ที่อยากได้เสียงจัดจ้าน
อ่านเพิ่มเติม: ลําโพง Marshall กับ Harman Kardon เลือกอันไหนดี
สำหรับ Sony จุดเด่นคือเทคโนโลยีเสียงล้ำๆ เช่น LDAC, Hi-Res Audio, 360 Reality Audio หรือระบบไฟ LED บนลำโพงพกพาที่สร้างบรรยากาศปาร์ตี้ มีรุ่นที่ให้เบสหนักตามชื่อ Extra Bass รวมถึงการเชื่อมต่อกับผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Google Assistant หรือ Alexa ในรุ่นบ้าน ทำให้ Sony เหมาะกับคนที่ต้องการลำโพงที่ครบทั้งฟีเจอร์ไฮเทค เสียงเบสแรง และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ตโฮม แต่ในบางรุ่นเบสอาจเด่นเกินไป จนกลบรายละเอียดเสียงกลางได้
สรุป:
- Marshall เหมาะกับสายร็อก/วินเทจ
- JBL สำหรับปาร์ตี้/ลุย/ราคาคุ้ม
- B&O เสียงใส งานดีไซน์พรีเมียม
- Harman Kardon ฟังนุ่มๆ ในบ้าน
- Sony สายเทคโนโลยี ฟีเจอร์ครบ เบสจัด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ลำโพง Marshall
ลำโพง Marshall ต่อทีวีได้ไหม?
ต่อได้ถ้าทีวีมีช่อง AUX 3.5 มม. หรือ RCA เพราะลำโพง Marshall รุ่นใหญ่ในซีรีส์บ้าน เช่น Marshall Stanmore III และ Woburn III รองรับการเชื่อมต่อผ่าน AUX/RCA ส่วน Woburn III ยังมี HDMI ARC ให้ต่อทีวีทันทีพร้อมคุมเสียงผ่านรีโมททีวี ถ้าเป็นรุ่นพกพาอย่าง Emberton หรือ Willen จะเชื่อมได้เฉพาะ Bluetooth แต่บางทีวีอาจไม่รองรับ Bluetooth Audio หรือมีดีเลย์ ควรเช็กก่อนใช้งาน
ลำโพง Marshall รับประกันกี่ปี?
ลำโพง Marshall แท้ที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหรือร้านค้าออนไลน์ที่มีใบรับประกันในไทย จะได้รับ ประกัน 1 ปีเต็ม ครอบคลุมความเสียหายจากการผลิต (manufacturing defect) เช่น ระบบบลูทูธเสีย แบตเตอรี่ผิดปกติ หรือปัญหาฮาร์ดแวร์ที่เกิดจากการใช้งานปกติ แต่ไม่ครอบคลายการตก หล่น หรือทำให้เปียกเกินมาตรฐาน IP ที่รุ่นนั้นรองรับ เช่น IP67 ใน Emberton, Willen, Middleton
ลำโพง Marshall ชาร์จไฟนานเท่าไหร่?
- รุ่นพกพาเล็ก เช่น Willen II ใช้เวลาชาร์จเต็มราว 5 ชั่วโมง
- รุ่น Emberton II/III ใช้เวลาชาร์จ 2-3 ชั่วโมง
- รุ่นพกพาใหญ่กว่าอย่าง Kilburn II ชาร์จเต็มประมาณ 5 ชั่วโมง
- รุ่น Stockwell II ใช้เวลาชาร์จนานสุดในกลุ่มพกพาที่ 5 ชั่วโมง
- รุ่นสำหรับบ้าน เช่น Acton, Stanmore, Woburn ต้องเสียบไฟใช้งานตลอด ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว
Quick Charge ในหลายรุ่นช่วยให้ชาร์จแค่ 20 นาที สามารถเล่นเพลงต่อได้ 3-6 ชั่วโมง ขึ้นกับแต่ละรุ่น
ลำโพง Marshall รองรับ aptX ไหม?
ลำโพง Marshall รุ่นพกพาอย่าง Kilburn II และบางรุ่นในอดีตรองรับ aptX สำหรับเสียงคุณภาพสูงผ่านบลูทูธ แต่รุ่นใหม่ๆ เช่น Emberton III, Middleton ส่วนใหญ่จะรองรับ SBC/AAC เท่านั้น ส่วนรุ่นบ้าน (Acton, Stanmore, Woburn III) รองรับมาตรฐานบลูทูธคุณภาพสูงพร้อม Bluetooth 5.2/LE Audio ที่ให้ความหน่วงต่ำใกล้เคียง aptX ในหลายกรณี ควรตรวจสอบสเปกแต่ละรุ่นก่อนซื้อ
ลำโพง Marshall เสียบ AUX ได้ไหม?
ลำโพง Marshall ส่วนใหญ่ที่ออกแบบมาใช้ในบ้าน เช่น Acton III, Stanmore III, Woburn III รองรับ AUX 3.5 มม. ทุกรุ่น ส่วนลำโพงพกพาอย่าง Kilburn II, Stockwell II ก็มี AUX เช่นกัน แต่ Emberton, Willen, Middleton จะไม่มีช่อง AUX เน้นเชื่อมต่อ Bluetooth เท่านั้น
ดูของแท้ Marshall ยังไง?
- ตรวจสอบ Serial Number/QR Code บนตัวลำโพงหรือกล่อง ต้องตรงกับใบรับประกัน
- ลำโพง Marshall ของแท้ มี คู่มือ Marshall แท้ และสติ๊กเกอร์รับประกันจากตัวแทนไทย
- ตรวจสอบงานประกอบและวัสดุ ลำโพง Marshall แท้จะมีโลโก้โลหะ Marshall ปั๊มนูน งานประกอบแน่น ไม่มีรอยฉีกขาดหรือพาร์ทหลวม
- ซื้อจากร้านตัวแทนอย่างเป็นทางการ เช่น Marshall Official Store (Shopee, Lazada) หรือร้านที่น่าเชื่อถือ เช่น Power Buy, .Life, Mahajak
- ราคาต่ำกว่าตลาดหรือเว็บทางการของแบรนด์มากๆ มีความเสี่ยงว่าเราอาจจะได้ของปลอม
ลำโพง Marshall ของแท้ซื้อที่ไหน?
ในไทยแนะนำซื้อจาก
- Marshall Official Store บน Shopee, Lazada
- ตัวแทนอย่างเป็นทางการ เช่น Power Buy, .Life, Jaymart, Mahajak, iStudio
- ร้าน Hi-Fi ชั้นนำที่ได้รับแต่งตั้ง
- เว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Marshall Thailand เพื่อให้ได้ประกันศูนย์และมั่นใจว่าเป็นลำโพง Marshall ของแท้
ส่งซ่อมลำโพง Marshall ได้ที่ไหนบ้าง?
- ถ้าอยู่ในประกัน ส่งซ่อมผ่าน ศูนย์บริการของตัวแทนจำหน่าย ที่ซื้อ เช่น Power Buy, Jaymart
- หากหมดประกัน สามารถติดต่อ Marshall Thailand Call Center หรือสอบถามศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตในไทย
- เก็บใบเสร็จ/หลักฐานการซื้อไว้เสมอ เพื่อใช้เคลมหรือซ่อมในระยะประกัน
บทส่งท้าย
เสียงเพลงที่ดีไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่คือพลังที่เติมเต็มชีวิต และ Marshall คือแบรนด์ที่พิสูจน์แล้วว่าคุณภาพเสียงสามารถเปลี่ยนบรรยากาศให้พิเศษยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานปาร์ตี้กลางแจ้ง ห้องนั่งเล่นสุดอบอุ่น หรือช่วงเวลาส่วนตัว
ทุกซีรีส์ของ Marshall ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ฟังที่แตกต่าง ตั้งแต่ Emberton ที่พกง่าย เสียงเกินตัว ไปจนถึง Woburn ที่ปลุกทุกจังหวะให้กระหึ่มทั้งบ้าน และทั้งหมดนี้ยังคงสไตล์วินเทจที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสะท้อนตัวตนของคุณได้อย่างมีสไตล์
เมื่อรู้จักวิธีเลือกและความแตกต่างของแต่ละรุ่นแล้ว คุณพร้อมหรือยังที่จะปลุกทุกเพลงโปรดให้มีชีวิต ด้วยลำโพง Marshall ที่เหมาะกับคุณที่สุด? เพราะเสียงดีๆ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่คุณสร้างมันได้ทุกวัน ด้วย Marshall