ถ้าคุณกำลังมองหา “มือถือสเปคแรง ราคาไม่แรง” สำหรับทั้งการเรียน งานประจำวัน แชตประชุม ไปจนถึงดูซีรีส์และเล่นเกมแบบลื่น ๆ ชื่อที่ไม่ควรมองข้ามคือ realme แบรนด์ที่เติบโตไวด้วยแนวคิดคุ้มค่า เน้นสเปคที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน จอ 90/120Hz ที่ไหลลื่น แบตใหญ่ ชาร์จไว 45–120W ชิป 5G รุ่นใหม่ และกล้องที่ถ่ายได้มั่นใจโดยไม่ต้องจ่ายระดับเรือธง จุดเด่นคือ “ให้ของครบ” ในงบเอื้อมถึง เหมาะกับคนที่อยากอัปเกรดประสบการณ์โดยไม่ต้องเพิ่มงบมาก
แม้จะถือเป็นแบรนด์ที่อายุยังไม่มากเมื่อเทียบกับผู้เล่นรายใหญ่อื่น ๆ แต่ realme ทำการบ้านเรื่องความเชื่อมั่นได้ดี ทั้งการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยและมีศูนย์บริการรองรับ จึงช่วยลดกังวลเรื่องการรับประกันและงานบริการหลังขาย บทความนี้เราคัด “รุ่นน่าซื้อ” หลากช่วงราคา ให้คุณเลือกได้ตรงใจตามการใช้งาน ตั้งแต่รุ่นคุ้มค่าเน้นแบตอึดและจอลื่น ไปจนถึงรุ่นสเปคแรงสำหรับคนจริงจังเรื่องประสิทธิภาพ พร้อมเหตุผลสั้น ๆ ว่าทำไมรุ่นนั้นจึงเหมาะกับคุณ

บรรณาธิการ
Table of Contents
12 มือถือ realme รุ่นไหนดี น่าใช้มากที่สุด ปี 2025

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme C71 ที่วางตำแหน่งเป็นเครื่องใช้งานประจำวันเน้นความอึดและความลื่นไหล ตั้งใจออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้จริงมากกว่าตัวเลขสวยหรู: แบตเตอรี่ 6300mAh จับคู่ชาร์จไว 45W ลดเวลารอ, หน้าจอ 120Hz ช่วยให้การเลื่อน/ทัชตอบสนองไว และตัวเครื่องบางประมาณ 7.79 มม. พกพาสบาย ผู้ใช้ที่กำลังมองหา “รีวิว realme C71” จะได้ประสบการณ์ที่เน้นเสถียรภาพตลอดวัน ดูโซเชียล/แชต/ดูคลิปยาว ๆ ได้ไร้กังวล พร้อมลูกเล่นเพื่อชีวิตประจำวันอย่าง SonicWave ไล่น้ำออกจากลำโพง, Smart Touch ใช้ได้แม้มื้อม เปียกเล็กน้อย และ Mini Capsule 3.1 แจ้งข้อมูลสำคัญแบบโต้ตอบได้รวดเร็ว
เหตุผลหลักที่ควรซื้อคือ “ความทน + การใช้งานต่อเนื่อง” จากแบตฯ ใหญ่และชาร์จไว ซึ่งลด Pain point ของคนที่ต้องพกพาตลอดวัน นอกจากนี้ หน้าจอรีเฟรชเรต 120Hz ให้ความรู้สึกลื่นตาเมื่อเลื่อนฟีด/สลับแอป ส่วนระบบโดยรวมขับเคลื่อนด้วยชิป UNISOC T7250 (Octa-core, 12nm) ที่ออกแบบมาสำหรับงานทั่วไปและความเสถียร มากับตัวเลือก RAM 6/8GB และ Dynamic RAM เพิ่มได้อีกสูงสุด 12GB ช่วยให้การสลับแอปพื้นฐานต่อเนื่องไม่สะดุด ด้านกล้องหลัก 50MP รองรับวิดีโอสูงสุด 1080p@30fps เพียงพอสำหรับการถ่ายภาพ/วิดีโอทั่วไป และมีโหมดให้เลือกหลากหลาย รวมถึงสโลว์โมชัน 720p@120fps สำหรับเล่นสนุก
ภาพรวมด้านอื่น ๆ ยังมีรายละเอียดที่ทำให้การใช้งานครบขึ้น: จอ 6.67 นิ้ว ความละเอียด HD+ พร้อมโหมดถนอมสายตาและ Always-On Display, โครงสร้างตัวเครื่องผ่านแนวคิดทนทานระดับ Military Grade* และมี ArmorShell™ ช่วยกันกระแทก (สำหรับการใช้งานประจำวัน ไม่ใช่การทดสอบโหด), เซ็นเซอร์สแกนนิ้วด้านข้างใช้งานคล่อง, ถาดซิมแบบ 2 Nano-SIM + MicroSD แยกช่อง, รองรับ Wi-Fi 2.4/5GHz และ Bluetooth 5.2 ขณะที่ซอฟต์แวร์เป็น realme UI 6.0 บน Android 15 ใหม่ล่าสุด ภาพรวมคือเครื่องที่ “ใช้งานง่าย ไม่จุกจิก” เน้นความอึดและความลื่นไหลมากกว่าแรงแบบฮาร์ดคอร์ เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความคุ้มค่าและความเชื่อถือได้ในทุกวัน
*ไม่มีการระบุมาตรฐาน IP กันน้ำในชีวิตประจำวันเท่านั้น
สเปคเด่น
- ชิปเซ็ต: UNISOC T7250, Octa-core 12nm สูงสุด ~1.8GHz; GPU Mali-G57 MP1 @ ~850MHz
- หน่วยความจำ: RAM 6/8GB + Dynamic RAM +12GB; ความจุ 128GB
- หน้าจอ: 67" HD+ (1604×720), รีเฟรชเรต 120Hz, ความสว่างสูงสุด ~725 nits, 83% NTSC, คอนทราสต์ 1500:1, Screen-to-Body ~89.97%
- โหมดจอ: ถนอมสายตา, Always-On Display
- กล้องหลัง: AI 50MP f/1.8 ระยะเทียบเท่า 27 มม., FOV ~75.5°, เลนส์ 5 ชิ้น; วิดีโอ 1080p@30fps / 720p@30fps, สโลว์โมชัน 720p@120fps
- กล้องหน้า: 5MP f/2.2 FOV ~78°, วิดีโอ 720p@30fps
- แบตเตอรี่: 6300mAh (ปกติ) / ขั้นต่ำ 6235mAh; ชาร์จไว 45W, พอร์ต USB-C
- การเชื่อมต่อ: Dual Nano-SIM + MicroSD (ถาดแยก), 4G LTE (ย่านตามที่ระบุ), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4/5GHz, Bluetooth 5.2, ระบบนำทางครบ (GPS/Glonass/Galileo/BeiDou)
- ระบบเสียง: โหมดเสียงดังพิเศษ, ตัดเสียงรบกวนด้วยไมค์เดี่ยว
- ความปลอดภัย/เซ็นเซอร์: สแกนนิ้วด้านข้าง, เซ็นเซอร์ครบตามมาตรฐาน
- ซอฟต์แวร์: realme UI 6.0 บน Android 15
- ขนาด/น้ำหนัก: 8 × 75.9 × ~7.79 มม., ~196 กรัม
- ความทน/ดีไซน์: โครงสร้างแนวทาง Military Grade*, ArmorShell™, SonicWave ไล่น้ำลำโพง, Smart Touch ใช้ได้แม้มือเปียกเล็กน้อย, Mini Capsule 3.1

พบกับ realme ราคาไม่เกิน 1000 บาท รุ่นนี้เด่นหลายอย่าง
สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme P3 5G ที่วางตำแหน่งเป็นมือถือใช้งานทุกวันแบบ “อึด ทน ลื่นตา” สำหรับคนที่อยากได้ความสบายใจเรื่องแบตและการชาร์จ พร้อมหน้าจอที่ตอบสนองไวต่อการแตะเลื่อน ใช้งานจริงจึงตอบโจทย์ทั้งโซเชียล งานทั่วไป และความบันเทิงที่ไม่ซับซ้อน โดยแกนหลักของเครื่องอยู่ที่ แบตเตอรี่ 6000mAh, ชาร์จไว 45W, จอ Esports AMOLED 120Hz, และชิป Snapdragon 6 Gen 4 5G ที่เน้นเสถียรภาพในชีวิตประจำวัน ผู้ที่กำลังค้นหา “รีวิว realme P3 5G” จะได้เครื่องที่จูนมาเพื่อความเชื่อถือได้มากกว่าตัวเลขโชว์พลัง
เหตุผลหลักที่ควรซื้อคือ “ความทนและความลื่น” ที่สัมผัสได้จากแบต 6000mAh บวกชาร์จไว 45W ช่วยลดเวลาหยุดใช้งานระหว่างวัน ขณะที่หน้าจอ AMOLED 120Hz ทำให้การเลื่อนฟีด สลับแอป และแอนิเมชันต่าง ๆ เนียนตาและตอบสนองไวขึ้น นอกจากนี้ มาตรฐานกันน้ำฝุ่น IP66/68/69 เพิ่มความมั่นใจต่อฝุ่น ละอองน้ำ และเหตุไม่คาดคิดในชีวิตประจำวัน ส่วนหน่วยประมวลผล Snapdragon 6 Gen 4 5G ให้สมดุลพลัง-อุณหภูมิสำหรับงานทั่วไปและการเชื่อมต่อ 5G ที่พร้อมใช้งาน ทำให้ “สเปค realme P3 5G” เหมาะกับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความอึดและความเสถียร
รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ เสริมประสบการณ์ให้ครบ เช่น ซอฟต์แวร์ realme UI 6.0 บน Android 15, ถาดซิม Dual Nano-SIM (ไฮบริด: 1 SIM + 1 SIM หรือ 1 SIM + 1 microSD), พอร์ต USB-C, ระบบระบายความร้อนมีให้ เพื่อคุมอุณหภูมิเมื่อใช้งานต่อเนื่อง และตัวเลือกสี Starlight Green / Comet Grey ด้านความคุ้มค่าภาพรวม เมื่อพิจารณา ราคา realme P3 5G ประมาณ 8,000 กว่าบาท ถือว่าได้ฟีเจอร์หลักครบสำหรับเครื่องเน้นความทนใช้งานจริง เหมาะกับคนที่ต้องการมือถือ 5G ที่เชื่อถือได้โดยไม่ต้องจ่ายระดับเรือธง
สเปคเด่น
- ชิปประมวลผล: Snapdragon 6 Gen 4 5G
- หน้าจอ: Esports AMOLED 120Hz
- แบตเตอรี่: 6000mAh
- การชาร์จ: ชาร์จไว 45W (อะแดปเตอร์แถมในกล่อง)
- กล้องหลัง: AI 50MP
- กันน้ำกันฝุ่น: มาตรฐาน IP66/68/69
- ซอฟต์แวร์: realme UI 6.0 บน Android 15
- ซิม/สตอเรจเสริม: Dual Nano-SIM (ไฮบริด) รองรับ microSD
- การเชื่อมต่อ/พอร์ต: 5G, USB-C
- สีตัวเครื่อง: Starlight Green, Comet Grey
- ราคาไทย: ประมาณ 8,000 กว่าบาท

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme GT 7 ที่วางตำแหน่งเป็นเครื่องประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการ “ความอึด + การแสดงผลชัดกลางแจ้ง + ความเสถียรต่อเนื่อง” เป็นหลัก ตัวเครื่องออกแบบมาเพื่อการใช้งานจริงตลอดวันด้วย แบตเตอรี่ 7000mAh, จอ Pro-Esports ที่ประกาศความสว่างพีค 6000 nits และสถาปัตยกรรม MediaTek Dimensity 9400e (4nm, Octa-core สูงสุด 3.4GHz) เพื่อรองรับงานหนักและการสลับแอปต่อเนื่อง ผู้ที่กำลังค้นหา “รีวิว realme GT 7” หรือ “สเปค realme GT 7” จึงคาดหวังประสบการณ์ตอบสนองไว มองเห็นสบายตาแม้แดดจัด และระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานขึ้น โดยไม่ต้องชาร์จบ่อยระหว่างวัน
เหตุผลหลักที่ควรซื้ออยู่ที่การผสาน “พลัง + ความทน + ควบคุมความร้อน” อย่างเป็นระบบ แบต 7000mAh ลดความกังวลเรื่องอายุการใช้งานต่อรอบ ขณะที่จอ Pro-Esports 6000 nits ช่วยให้คอนเทนต์อ่านง่ายกลางแจ้งและแอนิเมชันลื่นตา ส่วนชิป Dimensity 9400e ให้ศักยภาพสูงเชิงประมวลผลควบคู่ ระบบระบายความร้อนรอบทิศ 360° เพื่อลดอาการดรอปประสิทธิภาพเมื่อใช้งานต่อเนื่อง ผลลัพธ์คือเสถียรภาพที่ดีขึ้นในแอปหนักและเกมยาว ๆ โดยไม่เร่ง-ลดความถี่แบบฉับพลันบ่อยจนรู้สึกสะดุด นอกจากนี้ยังมีชุดฟีเจอร์ NEXT AI และ AI Travel Snap ที่ต่อยอดการใช้งานและการถ่ายภาพให้สะดวกขึ้นในชีวิตประจำวัน
รายละเอียดด้านอื่น ๆ เสริมประสบการณ์ให้ครบ: ชิป SignalCatcher ช่วยเรื่องการรับสัญญาณ, ซอฟต์แวร์ realme UI 6.0 บน Android 15, ชุดเซ็นเซอร์มาตรฐานอย่าง Ambient light / Color temperature / Compass / Accelerometer / Gyroscope, และอุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาพร้อมใช้งาน (อะแดปเตอร์, สาย USB, เคส, เข็มถาดซิม, เอกสาร) สีตัวเครื่องมี IceSense Black และ IceSense Blue ให้เลือก ภาพรวมแล้ว GT 7 เหมาะกับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความทนของแบต การมองเห็นกลางแจ้ง และความเสถียรระหว่างใช้งานจริง มากกว่าการไล่คะแนนเบนช์มาร์กหรือฟีเจอร์กล้องเชิงลึกแบบมืออาชีพ
สเปคเด่น
- ชิปประมวลผล: MediaTek Dimensity 9400e, 4nm, Octa-core สูงสุด 4GHz
- แบตเตอรี่: 7000mAh
- หน้าจอ: Pro-Esports ความสว่างพีค 6000 nits
- ระบบระบายความร้อน: รอบทิศ 360°
- ฟีเจอร์ AI: NEXT AI, AI Travel Snap
- การรับสัญญาณ: ชิป SignalCatcher
- ระบบปฏิบัติการ: realme UI 6.0 บน Android 15
- เซ็นเซอร์: Ambient light, Color temperature, Compass, Accelerometer, Gyroscope
- สีตัวเครื่อง: IceSense Black, IceSense Blue
- อุปกรณ์ในกล่อง: อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB, เคสกันรอย, เข็มถอดซิม, เอกสาร/บัตรรับประกัน

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme GT 7T ที่วางตำแหน่งเป็นเครื่องประสิทธิภาพสูงสำหรับคนใช้งานหนักทั้งวัน ต้องการความอึดของแบต การแสดงผลชัดกลางแจ้ง และการตอบสนองที่เสถียรต่อเนื่อง แกนหลักของเครื่องคือ แบตเตอรี่ 7000mAh, จอ Pro-Esports ที่ประกาศความสว่างพีค 6000 nits, และสถาปัตยกรรม MediaTek Dimensity 8400-MAX (4nm, Octa-core สูงสุด 3.25GHz) เพื่อรองรับการสลับแอป/งานบันเทิงยาว ๆ โดยยังคงความลื่นและคุมอุณหภูมิได้ดี ผู้ที่กำลังค้นหา “รีวิว realme GT 7T” หรือ “สเปค realme GT 7T” จะได้เครื่องที่โฟกัสประสบการณ์ใช้งานจริงมากกว่าตัวเลขโชว์พลัง
เหตุผลหลักที่ควรซื้อคือการผสาน “พลัง + ความทน + คุมความร้อน” อย่างเป็นระบบ แบต 7000mAh ลดความถี่ในการชาร์จ ขณะที่จอ Pro-Esports 6000 nits ช่วยให้มองเห็นชัดกลางแดดและให้ความลื่นของภาพเวลาเลื่อน/ดูคอนเทนต์ ส่วนชิป Dimensity 8400-MAX ให้ศักยภาพเชิงประมวลผลกับ ระบบระบายความร้อนรอบทิศ 360° เพื่อพยุงเสถียรภาพเมื่อใช้งานต่อเนื่อง ผลลัพธ์คือประสบการณ์ที่แน่นขึ้นในงานประจำวันและความบันเทิงยาว ๆ โดยไม่สะดุดง่าย พร้อมฟีเจอร์ NEXT AI และ AI Travel Snap ที่ต่อยอดการใช้งานและการถ่ายภาพให้สะดวกขึ้น
รายละเอียดที่ช่วยให้ภาพรวมครบคือ ชิป SignalCatcher เพื่อการรับสัญญาณที่มั่นใจขึ้น, ซอฟต์แวร์ realme UI 6.0 บน Android 15, ชุดเซ็นเซอร์มาตรฐาน (Ambient light, Color temperature, Compass, Accelerometer, Gyroscope) และ ของแถมในกล่องครบ (อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB, เคส, เข็มถาดซิม, เอกสาร) สีตัวเครื่องมี IceSense Black และ IceSense Blue ให้เลือก มุมมองโดยรวม: GT 7T เหมาะกับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความอึดของแบต ความสว่างและความลื่นของจอ และเสถียรภาพระหว่างใช้งานจริงเป็นหลัก
สเปคเด่น
- ชิปประมวลผล: MediaTek Dimensity 8400-MAX, 4nm, Octa-core สูงสุด 25GHz
- แบตเตอรี่: 7000mAh
- หน้าจอ: Pro-Esports ความสว่างพีค 6000 nits
- ระบบระบายความร้อน: รอบทิศ 360°
- ฟีเจอร์ AI: NEXT AI, AI Travel Snap
- การรับสัญญาณ: ชิป SignalCatcher
- ระบบปฏิบัติการ: realme UI 6.0 บน Android 15
- เซ็นเซอร์: Ambient light, Color temperature, Compass, Accelerometer, Gyroscope
- สีตัวเครื่อง: IceSense Black, IceSense Blue
- อุปกรณ์ในกล่อง: อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB, เคสกันรอย, เข็มถอดซิม, เอกสาร/บัตรรับประกัน

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme 14T 5G ที่วางตัวเป็นมือถือ 5G สำหรับการใช้งานทุกวัน เน้นความอึด ความลื่น และความทนเป็นหลัก ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการพลังงานยาวนานตลอดวัน หน้าจอที่ตอบสนองไวต่อการเลื่อนและแตะ รวมถึงความอุ่นใจจากมาตรฐานกันน้ำฝุ่น IP69 ประสบการณ์ที่คาดหวังคือแบตเตอรี่ 6000mAh ใช้งานได้ต่อเนื่อง ชาร์จกลับไวด้วย 45W และภาพเคลื่อนไหวที่ไหลลื่นบน AMOLED 120Hz เหมาะกับคนที่มองหา “มือถือใช้งานจริงได้ลื่น ๆ ทน ๆ” มากกว่าการโชว์ตัวเลขแรงสุดทาง
เหตุผลหลักที่ควรซื้ออยู่ที่ “ความอึด + ความลื่น + ความทน” แบต 6000mAh ลดความกังวลเรื่องการชาร์จระหว่างวัน ขณะที่ ชาร์จไว 45W ช่วยให้กลับมาใช้งานได้รวดเร็ว หน้าจอ AMOLED 120Hz เพิ่มความต่อเนื่องของภาพเวลาเลื่อนฟีด/สลับแอป ส่วนชิป MediaTek Dimensity 6300 5G (6nm, Octa-core สูงสุด 2.4GHz; GPU Mali-G57 MC2 @1.07GHz) ให้สมดุลด้านประสิทธิภาพและความประหยัดพลังงานสำหรับงานประจำวัน เสริมด้วยระบบระบายความร้อน Bionic VC เพื่อพยุงเสถียรภาพเมื่อใช้งานต่อเนื่อง และมีโหมด GT BOOST สำหรับเร่งประสิทธิภาพตามสถานการณ์
รายละเอียดด้านอื่น ๆ ที่ช่วยให้ภาพรวมครบ ได้แก่ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ใต้หน้าจอ ใช้งานคล่อง ซอฟต์แวร์ realme UI 6.0 บน Android 15 และสีตัวเครื่อง Obsidian Black / Lightning Purple ในกล่องให้มาพร้อมใช้งานทั้งอะแดปเตอร์ชาร์จ สายชาร์จ เคส เข็มจิ้มซิม และเอกสารประกัน มุมมองโดยรวม 14T 5G เป็นเครื่องแนวคุ้มค่าเน้นความทนและความลื่นของหน้าจอ เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการมือถือ 5G ใช้งานจริงทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย และต้องการมาตรฐานการป้องกันระดับสูงสำหรับเหตุไม่คาดคิดในชีวิตประจำวัน
สเปคเด่น
- ชิปประมวลผล: MediaTek Dimensity 6300 5G, 6nm, Octa-core สูงสุด 4GHz; GPU Mali-G57 MC2 @1.07GHz
- แบตเตอรี่: 6000mAh
- การชาร์จ: ชาร์จไว 45W (มีอะแดปเตอร์ในกล่อง)
- หน้าจอ: AMOLED 120Hz (Esports-level)
- กันน้ำกันฝุ่น: มาตรฐาน IP69
- ระบบระบายความร้อน: Bionic VC
- โหมดประสิทธิภาพ: GT BOOST
- ระบบปฏิบัติการ: realme UI 6.0 บน Android 15
- ระบบความปลอดภัย: สแกนนิ้วใต้จอ
- สีตัวเครื่อง: Obsidian Black, Lightning Purple
- อุปกรณ์ในกล่อง: ตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์ชาร์จ, สายชาร์จ, เคส, เข็มจิ้มซิม, เอกสาร/ใบรับประกัน

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme C75x ที่วางตัวเป็นมือถือใช้งานประจำวันแบบ “ทน อึด ลื่นตา” ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความอุ่นใจจากการป้องกันสภาพแวดล้อมและอายุการใช้งานต่อรอบยาว ๆ ไฮไลต์คือ กันน้ำและฝุ่นระดับ IP69 จับคู่การปกป้อง ArmorShell™ และคำเคลม ทนแรงกระแทกรอบด้าน 360° เสริมด้วย แบตเตอรี่ 5600mAh และ ชาร์จเร็ว 45W เพื่อลดเวลาหยุดใช้งาน ขณะเดียวกัน จอรีเฟรชเรต 120Hz (ถนอมสายตา) ช่วยให้การเลื่อนฟีด/สลับแอปต่อเนื่องลื่นขึ้น เหมาะกับคนที่มองหา “รีวิว realme C75x” ซึ่งโฟกัสการใช้งานจริงมากกว่าโชว์ตัวเลขแรงสุดทาง
เหตุผลหลักที่ควรซื้ออยู่ที่ “ความทน + ความอึด + ความลื่น” ในแพ็กเกจเดียว IP69 เพิ่มความมั่นใจต่อฝุ่น/ละอองน้ำ/การฉีดล้างแรงดันสูงตามสเปก พร้อมเกราะ ArmorShell™ และการเคลม 360° shock resistance สำหรับเหตุไม่คาดคิดในชีวิตประจำวัน ด้านพลังงาน แบต 5600mAh + 45W ทำให้ชาร์จไม่นานก็กลับมาใช้งานได้ ส่วนประสบการณ์สัมผัสหน้าจอ 120Hz ให้ความต่อเนื่องของภาพที่รู้สึกได้ในทุกกิจกรรม ระดับชิปเซ็ต Helio G81 Ultra ถูกวางเพื่อความเสถียรของงานทั่วไปและความบันเทิงเบา ๆ รวมถึงฟีเจอร์อัจฉริยะชุด Mini Capsule 3.0 / AI Clear Face / AI Smart Loop / Google Gemini ที่ช่วยย่นขั้นตอนการใช้งานให้รวดเร็วขึ้น
รายละเอียดอื่นที่ช่วยให้ภาพรวมครบ ได้แก่ ซอฟต์แวร์ realme UI 6.0 บน Android 15, ชุดเซ็นเซอร์มาตรฐานสำหรับการใช้งานประจำวัน และอุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาครบ (อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB-C, เคส, เข็มจิ้มซิม, ฟิล์มกันรอย, เอกสาร/ใบรับประกัน) ตัวเครื่องมีสีให้เลือก Coral Pink และ Oceanic Blue มุมมองโดยรวม realme C75x เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการมือถือคุ้มค่า เน้นความทนของตัวเครื่อง ความอึดของแบต และประสบการณ์จอลื่นในชีวิตประจำวัน โดยไม่ได้ไล่ฟีเจอร์กล้องหรือพลังการประมวลผลแบบสายฮาร์ดคอร์
สเปคเด่น
- การป้องกัน: กันน้ำฝุ่นระดับ IP69, ArmorShell™, เคลม ทนแรงกระแทก 360°
- แบตเตอรี่: 5600mAh
- การชาร์จ: ชาร์จไว 45W
- หน้าจอ: รีเฟรชเรต 120Hz (ถนอมสายตา)
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G81 Ultra
- ฟีเจอร์อัจฉริยะ: Mini Capsule 3.0, AI Clear Face, AI Smart Loop, Google Gemini
- ซอฟต์แวร์: realme UI 6.0 พัฒนาจาก Android 15
- เซ็นเซอร์: วัดแสง, พร็อกซิมิตี, ไจโร, อัตราเร่ง
- อุปกรณ์ในกล่อง: ตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB Type-C, เคส, เข็มจิ้มซิม, ฟิล์มกันรอย, เอกสาร/ใบรับประกัน
- สีตัวเครื่อง: Coral Pink, Oceanic Blue

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme 14 5G ที่วางตัวเป็นมือถือ 5G สำหรับการใช้งานประจำวันแบบเน้นความอึดและความลื่น ออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการแบตเตอรี่ใช้งานยาว ๆ ชาร์จกลับไว และจอที่เลื่อนเนียนตา ในการใช้งานจริง แกนของประสบการณ์มาจาก แบต 6000mAh + ชาร์จไว 45W, จอ AMOLED 120Hz และชิป Snapdragon 6 Gen 4 5G ที่ให้สมดุลพลังกับเสถียรภาพสำหรับงานทั่วไป/ความบันเทิง ผู้ที่กำลังค้นหา “รีวิว realme 14 5G” และ “สเปค realme 14 5G” จึงคาดหวังเครื่องที่ตอบสนองฉับไว มองเห็นสบายตา และใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องพะวงเรื่องแบต
เหตุผลหลักที่ควรซื้อคือ “ความอึด + ความลื่น + ความนิ่งของภาพ” แบต 6000mAh ลดความถี่การชาร์จระหว่างวัน ขณะที่ 45W ช่วยให้กลับมาใช้งานได้รวดเร็ว จอ AMOLED 120Hz ทำให้การสไลด์หน้าจอและแอนิเมชันต่าง ๆ ต่อเนื่องตา ส่วนชิป Snapdragon 6 Gen 4 5G (6-nm, Octa-core) ให้เสถียรภาพในงานทั่วไป พร้อมการเชื่อมต่อ 5G สำหรับการใช้งานยุคใหม่ ด้านการถ่ายภาพมี กล้องหลัก 50MP พร้อมกันสั่น OIS ช่วยลดภาพสั่นไหวเวลาถ่ายในสภาพแสงท้าทาย ทั้งหมดนี้เสริมด้วย Bionic Cooling System ที่ช่วยจัดการอุณหภูมิเมื่อใช้งานต่อเนื่อง
รายละเอียดด้านอื่น ๆ ถูกวางให้ใช้งานจริงสะดวกขึ้น ตั้งแต่ realme UI 6.0 บน Android 15, ดีไซน์โทน Mecha พร้อมตัวเลือกสี Mecha Silver / Storm Titanium / Warrior Pink, ถาดซิม Dual Nano-SIM, พอร์ต USB-C, และอุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาครบ (อะแดปเตอร์ชาร์จ, สายชาร์จ, เคส, เข็มจิ้มซิม, เอกสารรับประกัน) ภาพรวมคือเครื่องระดับกลางที่เน้นความครบแบบ “ใช้งานได้จริงทุกวัน” มากกว่าการไล่สเปคสุดทาง เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความคุ้มค่าในงบกลาง พร้อมจอไหลลื่น แบตอึด และกล้องนิ่งขึ้นจาก OIS
สเปคเด่น
- ชิปประมวลผล: Snapdragon 6 Gen 4 5G (กระบวนการผลิต 6nm, Octa-core)
- แบตเตอรี่: 6000mAh
- การชาร์จ: ชาร์จไว 45W (มีอะแดปเตอร์ในกล่อง)
- หน้าจอ: AMOLED 120Hz (Esports-level)
- ระบบระบายความร้อน: Bionic Cooling System
- กล้องหลัก: 50MP พร้อม OIS
- ระบบปฏิบัติการ: realme UI 6.0 พัฒนาจาก Android 15
- ซิม/พอร์ต: Dual Nano-SIM, USB-C
- ดีไซน์/สี: สไตล์ Mecha, สี Mecha Silver / Storm Titanium / Warrior Pink
- อุปกรณ์ในกล่อง: ตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์ชาร์จ, สายชาร์จ, เคส, เข็มจิ้มซิม, เอกสาร/ใบรับประกัน

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme Note 60x ที่วางตัวเป็นเครื่องพร้อมลุยสำหรับการใช้งานทุกวัน เน้นความทนและความอึดเป็นหลัก ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่อยากได้มือถือที่ “ถือไปได้ทุกที่” ด้วยการป้องกัน IP54 และโครงสร้าง ArmorShell™ Protection ควบคู่แบตเตอรี่ 5000mAh เพื่อระยะเวลาใช้งานที่ยาวขึ้น ประสบการณ์โดยรวมที่ผู้ค้นหา “รีวิว realme Note 60x” จะได้รับคือจอ ถนอมสายตา 90Hz ที่เลื่อนลื่นขึ้น และระบบที่ตั้งใจจูนให้ใช้งานได้นิ่งในระยะยาว
เหตุผลหลักที่ควรซื้ออยู่ที่ “ความทน + ความอึด + ความลื่นพื้นฐาน” ในงบเข้าถึงง่าย โครงสร้าง ArmorShell™ ช่วยเพิ่มความอุ่นใจเมื่อใช้งานจริง ส่วนมาตรฐาน IP54 ป้องกันฝุ่นและละอองน้ำตามการใช้งานชีวิตประจำวัน ด้านประสิทธิภาพ มาพร้อมชิป UNISOC T612 (Octa-core: 2×A75 @1.8GHz + 6×A55 @1.8GHz) เพียงพอสำหรับงานทั่วไปและโซเชียล โดยมีแนวทาง Dynamic RAM ช่วยขยายหน่วยความจำจาก RAM พื้นฐานเพื่อการสลับแอปเบา ๆ ได้ต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ทำให้ “สเปค realme Note 60x” ตอบโจทย์คนที่ต้องการเครื่องคงทน ใช้งานได้ลื่นในระดับประจำวัน โดยไม่เน้นงานหนักด้านกราฟิก
รายละเอียดด้านอื่น ๆ ที่ทำให้ภาพรวมใช้งานครบ ได้แก่ realme UI (Android 14), ชุดเซ็นเซอร์มาตรฐาน (แม่เหล็ก/วัดแสง/พร็อกซิมิตี/ไจโร/อัตราเร่ง) และของในกล่องที่ให้มาครบ (อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB-C, เคส, เข็มจิ้มซิม, เอกสาร) สีตัวเครื่องมี Wilderness Green และ Marble Black ให้เลือก มุมมองโดยรวม: Note 60x เหมาะกับผู้ใช้ที่อยากได้มือถือ “ทน อึด ลื่นพอเหมาะ” สำหรับงานทุกวันและการเรียน/ทำงานพื้นฐาน โดยยังรักษาน้ำหนักฟีเจอร์ด้านความคุ้มค่า
สเปคเด่น
- การป้องกัน: ArmorShell™ Protection, กันน้ำฝุ่น IP54
- หน้าจอ: จอถนอมสายตา 90Hz
- ชิปเซ็ต: UNISOC T612, Octa-core (2×A75 @1.8GHz + 6×A55 @1.8GHz)
- แบตเตอรี่: 5000mAh
- หน่วยความจำ: RAM 4GB + Dynamic RAM สูงสุด 8GB (ตามที่ระบุ)
- ระบบปฏิบัติการ: realme UI (พัฒนาจาก Android 14)
- เซ็นเซอร์: แม่เหล็ก, วัดแสง, พร็อกซิมิตี, ไจโร, อัตราเร่ง
- การเชื่อมต่อ/พอร์ต: USB Type-C
- สีตัวเครื่อง: Wilderness Green, Marble Black
- อุปกรณ์ในกล่อง: ตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB-C, เคส, เข็มจิ้มซิม, เอกสาร/ใบรับประกัน

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme C75 ที่วางตัวเป็นมือถือใช้งานประจำวันเน้น “ทน อึด ลื่นพอเหมาะ” ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความอุ่นใจต่อสภาพแวดล้อมและอายุการใช้งานต่อรอบที่ยาวขึ้น ผ่านการป้องกัน กันน้ำฝุ่นระดับ IP69 และ TÜV Rheinland Rugged Smartphone Certificate เสริมด้วยโครงสร้าง ArmorShell™ และกระจก ArmorShell บนตัวเครื่อง ประสบการณ์ที่ผู้ค้นหา “รีวิว realme C75” จะได้ คือความทนทานเชิงโครงสร้างประกบกับแบตเตอรี่ 6000mAh และ ชาร์จเร็ว 45W ซึ่งช่วยลดเวลาชาร์จ รวมถึงจอ FHD 90Hz ขนาด 6.72 นิ้ว ที่ให้การเลื่อนลื่นขึ้นกว่าจอมาตรฐาน 60Hz
เหตุผลหลักที่ควรซื้ออยู่ที่ “ความทน + ความอึด + ความลื่นพื้นฐาน” ในเครื่องเดียว ระดับการป้องกัน IP69 และใบรับรอง TÜV Rugged ช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องใช้งานในสภาพแวดล้อมที่คาดเดาไม่ได้ ขณะที่แบต 6000mAh จับคู่ 45W ทำให้ใช้งานได้ยาวและกลับมาพร้อมใช้เร็วขึ้น หน้าจอ FHD 90Hz ช่วยให้ประสบการณ์สแกนฟีด/สลับแอปต่อเนื่องขึ้น ส่วนประสิทธิภาพขับเคลื่อนด้วย Helio G92 Max ที่วางมาเพื่อความเสถียรของงานทั่วไปและความบันเทิงเบา ๆ พร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะอย่าง Mini Capsule 3.0 / AI Clear Face / AI Smart Loop เพื่อย่นขั้นตอนการใช้งานประจำวันให้สะดวกขึ้น
รายละเอียดด้านอื่น ๆ ช่วยให้ภาพรวมใช้งานครบ เช่น Dynamic RAM สูงสุด 24GB (ผ่านระบบขยายหน่วยความจำตามที่ระบุ), ซอฟต์แวร์ realme UI 5.0 พัฒนาจาก Android 14, ชุดเซ็นเซอร์มาตรฐาน (วัดแสง/พร็อกซิมิตี/ไจโร/อัตราเร่ง) และอุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาครบ (อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB Type-C, เคส, เข็มจิ้มซิม, ฟิล์มกันรอย, เอกสาร/ใบรับประกัน) สีตัวเครื่องมีให้เลือก Lightning Gold และ Storm Black มุมมองโดยรวม: realme C75 เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการมือถือคุ้มค่า เน้นทนต่อการใช้งานจริง แบตอึด ชาร์จไว และจอ FHD 90Hz โดยไม่ไล่พลังประมวลผลหรือกล้องระดับโปร
สเปคเด่น
- การป้องกัน: กันน้ำฝุ่นระดับ IP69, TÜV Rheinland Rugged Smartphone Certificate, ArmorShell™ + กระจก ArmorShell
- แบตเตอรี่: 6000mAh
- การชาร์จ: ชาร์จเร็ว 45W
- หน้าจอ: FHD 90Hz ขนาด 72 นิ้ว
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G92 Max
- ฟีเจอร์อัจฉริยะ: Mini Capsule 3.0, AI Clear Face, AI Smart Loop
- หน่วยความจำ: Dynamic RAM สูงสุด 24GB (ตามที่ระบุ)
- ระบบปฏิบัติการ: realme UI 5.0 พัฒนาจาก Android 14
- เซ็นเซอร์: วัดแสง, พร็อกซิมิตี, ไจโรมิเตอร์, อัตราเร่ง
- อุปกรณ์ในกล่อง: ตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB Type-C, เคส, เข็มจิ้มซิม, ฟิล์มกันรอย, เอกสาร/ใบรับประกัน
- สีตัวเครื่อง: Lightning Gold, Storm Black

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme GT 7 Pro เรือธงที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการ “แรง อึด ชัดกลางแจ้ง” ในเครื่องเดียว แกนประสบการณ์มาจากชิป Snapdragon 8 Elite (3nm TSMC) จับคู่สเปคหน่วยความจำระดับท็อป (LPDDR5X + UFS 4.0) เพื่อความลื่นและความเร็วตอบสนอง ส่วนการใช้งานทั้งวันวางด้วยแบตเตอรี่ 6500mAh พร้อม ชาร์จไว 120W ลดเวลาหยุดใช้งาน ในขณะเดียวกันจอ RealWorld Eco² 8T LTPO ที่ประกาศความสว่างพีค 6500 nits และครอบคลุม P3 120% ทำให้มองเห็นคอนเทนต์กลางแจ้งได้สบายตา เหมาะกับคนที่ค้นหา “รีวิว realme GT 7 Pro” และต้องการเครื่องที่เน้นประสบการณ์ใช้งานจริงมากกว่าตัวเลขโชว์
เหตุผลหลักที่ควรซื้ออยู่ที่การผสาน “พลังประมวลผลระดับสูง + ความอึด + การแสดงผลชัด” อย่างลงตัว ชิป Snapdragon 8 Elite ให้สมรรถนะเสถียรสำหรับงานหนัก/มัลติทาสก์ ขณะที่แบต 6500mAh บวก 120W Ultra Charge ช่วยให้ชาร์จกลับเร็ว ลด Downtime ตลอดวัน ด้านหน้าจอ Eco² LTPO เอื้อการปรับรีเฟรชเรตตามการใช้งานและดันพีคไบรต์ได้สูงถึง 6500 nits เหมาะกับผู้ที่ต้องใช้งานกลางแดดจัด เสริมด้วย มาตรฐานกันน้ำฝุ่น IP69 เพื่อความมั่นใจในสภาพแวดล้อมท้าทาย และโหมดการถ่ายภาพที่เน้นความสะดวก เช่น AI Ultra-clear Snap, AI Snap, โหมดถ่ายใต้น้ำ เพื่อให้ได้ช็อตที่ต้องการอย่างรวดเร็ว
รายละเอียดสำคัญที่เติมเต็มการใช้งานประจำวัน ได้แก่ เซ็นเซอร์สแกนนิ้วแบบอัลตราโซนิก ตอบสนองไวแม้ปลายนิ้วชื้น, รีโมทอินฟราเรด ใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า, ซอฟต์แวร์ realme UI 6.0 บน Android 15, พร้อมดีไซน์ทรงเอกลักษณ์ Mars Design (สี Mars Orange) และของในกล่องที่ให้มาครบ (อะแดปเตอร์, สาย USB-C, เคส, ฟิล์มกันรอย, เข็มถาดซิม, เอกสารรับประกัน) มุมมองโดยรวม GT 7 Pro เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการเรือธงเน้นพลัง แบตถึก ชาร์จไว และจอพีคไบรต์สูงสำหรับการใช้งานกลางแจ้งเป็นหลัก
สเปคเด่น
- ชิปประมวลผล: Snapdragon 8 Elite (กระบวนการผลิต 3nm TSMC)
- หน่วยความจำ/สตอเรจ: LPDDR5X + UFS 4.0
- แบตเตอรี่: 6500mAh
- การชาร์จ: Ultra Charge 120W (มีหัวชาร์จในกล่อง)
- หน้าจอ: RealWorld Eco² 8T LTPO, ความสว่างพีค 6500 nits, ขอบเขตสี P3 120%
- การป้องกัน: กันน้ำฝุ่นระดับ IP69
- กล้อง/โหมด: AI Ultra-clear Snap, AI Snap, โหมดถ่ายใต้น้ำ
- ความปลอดภัย: สแกนนิ้วอัลตราโซนิก
- การเชื่อมต่อ/อุปกรณ์เสริม: รีโมทอินฟราเรด (IR blaster)
- ระบบปฏิบัติการ: realme UI 6.0 พัฒนาจาก Android 15
- ดีไซน์/สี: Mars Design, สี Mars Orange
- อุปกรณ์ในกล่อง: ตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB-C, เคส, ฟิล์มกันรอย, เข็มถาดซิม, เอกสาร/ใบรับประกัน

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme 13 5G ที่วางตัวเป็นมือถือ 5G ระดับคุ้มค่า เน้น “ลื่น เสถียร ใช้งานจริงทั้งวัน” ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่โซเชียล งานเรียน/ทำงานพื้นฐาน ไปจนถึงความบันเทิงระดับทั่วไป แกนประสบการณ์อยู่ที่ชิป MediaTek Dimensity 6300 5G จับคู่จอ FHD 120Hz (ถนอมสายตา) ให้การเลื่อนฟีดและแอนิเมชันเนียนขึ้น พร้อมแบตเตอรี่ 5000mAh และ ชาร์จเร็ว 45W เพื่อลดเวลาหยุดใช้งาน ผู้ที่กำลังค้นหา “รีวิว realme 13 5G” หรือ “สเปค realme 13 5G” จึงคาดหวังเครื่องที่สมดุลด้านพลังงานและความลื่นไหล โดยไม่ซับซ้อนในการใช้งานจริง
เหตุผลหลักที่ควรซื้อคือ “ความลื่น + ความอึด + ภาพนิ่งขึ้นจาก OIS” จอ 120Hz ช่วยให้การสลับแอป/เลื่อนหน้าจอไหลลื่นกว่า 60Hz อย่างเห็นได้ชัด ขณะที่แบต 5000mAh รวมกับ 45W ทำให้กลับมาใช้งานได้เร็วในวันเร่งรีบ ด้านการถ่ายภาพ มีกล้องหลัก 50MP พร้อม OIS ช่วยลดภาพสั่นเวลาแสงน้อยหรือมือไม่นิ่ง ส่วนประสิทธิภาพเชิงระบบมาจาก Dimensity 6300 5G (6nm, Octa-core สูงสุด 2.4GHz; GPU ARM G57 MC2) ที่เน้นเสถียรภาพและความประหยัดพลังงานสำหรับงานประจำวัน และมี สเตนเลสสตีลฮีตสเปรดเดอร์ พื้นที่ประมาณ 2,249 มม.² ช่วยกระจายความร้อนเมื่อใช้งานต่อเนื่อง
รายละเอียดที่ทำให้การใช้งานครบขึ้น ได้แก่ การรองรับ Dynamic RAM (ขยายจาก RAM จริงเพื่อเปิดแอปสลับได้เนียนขึ้น), ช่อง หูฟัง 3.5 มม. สำหรับคนที่ยังใช้มีสาย, พอร์ต USB-C, และซอฟต์แวร์ realme UI 5.0 บน Android 14 ที่คุ้นมือ สีตัวเครื่องมีให้เลือกอย่างน้อย Speed Green และ Dark Purple มุมมองโดยรวม: realme 13 5G เหมาะกับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความลื่นของจอ, แบตที่ใช้งานได้ยาว, และความนิ่งของภาพจาก OIS ในงบที่เข้าถึงง่าย โดยไม่ไล่พลังกราฟิกระดับเกมหนัก
สเปคเด่น
- ชิปประมวลผล: MediaTek Dimensity 6300 5G, 6nm, Octa-core สูงสุด 4GHz; GPU ARM G57 MC2
- หน้าจอ: FHD 120Hz (โหมดถนอมสายตา)
- แบตเตอรี่: 5000mAh
- การชาร์จ: ชาร์จเร็ว 45W
- ระบบระบายความร้อน: ฮีตสเปรดเดอร์สเตนเลสสตีล ~2,249 มม.²
- กล้องหลัก: 50MP พร้อม OIS
- หน่วยความจำ: รองรับ Dynamic RAM (ตามที่ระบุ) + สตอเรจ 256GB
- ระบบปฏิบัติการ: realme UI 5.0 บน Android 14
- การเชื่อมต่อ/พอร์ต: 5G, USB-C, ช่องหูฟัง 5 มม.
- สีตัวเครื่อง: Speed Green, Dark Purple

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ realme C63 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานทุกวันแบบ “ชาร์จไว ใช้งานยาว ลื่นตา ไม่จุกจิก” แกนประสบการณ์วางบนแบตเตอรี่ 5000mAh คู่กับ ชาร์จเร็ว 45W ลดเวลาระหว่างพักชาร์จ ขณะเดียวกันจอ ถนอมสายตา 90Hz ช่วยให้การเลื่อนฟีดและการตอบสนองดูต่อเนื่องขึ้นสำหรับงานประจำวันและความบันเทิงเบา ๆ ผู้ที่ค้นหา “รีวิว realme C63” หรือ “สเปค realme C63” จะเจอเครื่องที่โฟกัสความสะดวกและเสถียรภาพในการใช้งานจริง มากกว่าการไล่ตัวเลขแรงสุดทาง
เหตุผลหลักที่ควรซื้อคือการผสาน พลังงาน + เวลาใช้งาน + ความลื่นพื้นฐาน ได้ลงตัว แบต 5000mAh ทำให้ใช้งานได้ยาวตลอดวัน และเมื่อถึงเวลาต้องเติมไฟ 45W ก็ช่วยให้กลับมาใช้งานได้รวดเร็ว จอ 90Hz ช่วยให้แอนิเมชันและการสลับแอปลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังมี AI ลดเสียงรบกวนขณะสนทนา ช่วยให้การคุยโทรศัพท์ชัดขึ้นในสภาพแวดล้อมมีเสียง รวมถึงมาตรฐาน IP54 เพื่อความอุ่นใจต่อฝุ่นและละอองน้ำในชีวิตประจำวัน
รายละเอียดสำคัญที่เติมความมั่นใจ ได้แก่ TÜV Rheinland ใบรับรองความปลอดภัยของระบบชาร์จเร็ว, ระบบปฏิบัติการ realme UI (Android 14) ที่คุ้นมือ, พอร์ต USB Type-C, ชุดเซ็นเซอร์มาตรฐาน (วัดแสง/พร็อกซิมิตี/ไจโร/อัตราเร่ง) และอุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาครบทั้งอะแดปเตอร์ชาร์จ สาย USB-C เคส เข็มจิ้มซิม และฟิล์มกันรอย สีตัวเครื่องมี Leather Blue และ Jade Green ให้เลือก โดยรวมคือเครื่องที่เน้นความสบายใจเรื่องแบต การชาร์จไว และประสบการณ์จอลื่นสำหรับการใช้งานทุกวัน
สเปคเด่น
- แบตเตอรี่ 5000mAh (ปกติ), ความจุขั้นต่ำ 4880mAh
- ชาร์จเร็ว 45W, พอร์ต USB Type-C
- หน้าจอ ถนอมสายตา 90Hz
- AI ลดเสียงรบกวนระหว่างการสนทนา
- การป้องกัน IP54 (กันน้ำ/ฝุ่นระดับละออง)
- ใบรับรอง TÜV Rheinland (ความปลอดภัยของระบบชาร์จเร็ว)
- ระบบปฏิบัติการ realme UI (Android 14)
- เซ็นเซอร์: วัดแสง, พร็อกซิมิตี, ไจโร, อัตราเร่ง
- สีตัวเครื่อง: Leather Blue, Jade Green
- อุปกรณ์ในกล่อง: อะแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB-C, เคส, เข็มจิ้มซิม, ฟิล์มกันรอย, เอกสาร/ใบรับประกัน
กลุ่มมือถือ realme ตามงบประมาณ
realme ราคาต่ำกว่า 5,000 บาท
- realme C71 3,999 บาท
- realme C63 4,999 บาท
- realme Note 60x 3,199 บาท (รุ่น 4/64GB)
- realme C75x 4,999 บาท
realme ราคาตั้งแต่ 5,000–9,999 บาท
- realme C75 5,999 บาท (128GB)
- realme 13 5G 8,999 บาท
- realme 14T 5G 8,999 บาท
- realme P3 5G 9,999 บาท
realme ราคาไม่เกิน 10,000–17,999 บาท
- realme 14 5G 11,999 บาท
- realme GT 7T 17,999 บาท
realme ราคาไม่เกิน 18,000–24,999 บาท
- realme GT 7 22,999 บาท
realme รุ่นระดับเรือธง ราคา 25,000 บาทขึ้นไป
- realme GT 7 Pro 29,999 บาท (อ่านเพิ่มเติม: เปรียบเทียบมือถือ Realme GT 7 Pro vs iQOO 13)
หมายเหตุ: ราคาอาจเปลี่ยนตามโปรโมชันและความจุที่วางขายในไทย
ประวัติ realme แบบสรุปเข้าใจง่าย
realme เป็นแบรนด์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติจีน มีสำนักงานใหญ่ที่เซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ก่อตั้งวันที่ 4 พฤษภาคม 2018 โดย Sky Li (อดีตรองประธาน OPPO) และทีมผู้ร่วมก่อตั้ง โดยเปิดตัว Realme 1 เป็นรุ่นแรกในอินเดีย แล้วเติบโตเร็วมากในตลาดเกิดใหม่ ก่อนขยายสู่ยุโรปและภูมิภาคอื่น ๆ
ไทม์ไลน์ย่อ
- 2018 (พ.ค.): เปิดตัวแบรนด์และมือถือ Realme 1 เจาะตลาดอินเดีย (ขายออนไลน์เป็นหลัก)
- 2018 (ก.ค.): Sky Li ประกาศลาออกจาก OPPO และตั้ง realme เป็นแบรนด์อิสระ (จดหมายเปิดผนึก/Weibo)
- 2019 เป็นต้นมา: รุกจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป พร้อมทำยอดผู้ใช้เติบโตเร็ว โดยกลยุทธ์ สเปคคุ้มราคา + ออนไลน์เป็นหลัก (อินเดียเป็นฐานสำคัญ)
ภาพรวมผลิตภัณฑ์: realme แบ่งไลน์หลักที่คนไทยคุ้น เช่น GT (เรือธง/ประสิทธิภาพ), เลขรุ่น (เช่น 14 5G), C Series (เริ่มต้นคุ้มค่า) และมีไลน์เฉพาะภูมิภาคอย่าง Narzo/Note ในบางประเทศ
คำถามที่คนค้นหาบ่อยเกี่ยวกับ realme
realme กับ OPPO “บริษัทเดียวกันไหม”?
ประวัติ: realme เริ่มจาก “ซับแบรนด์ของ OPPO” ก่อนจะแยกตัวในปี 2018 ภายใต้การนำของ Sky Li
ปัจจุบัน: แบรนด์เดินงานแยกทีม การตลาด/ดีไซน์ของตัวเอง แต่ สัมพันธ์เชิงเครือกับฝั่ง OPPO (ใช้ซัพพลายเชน/เทคโนโลยีบางส่วนร่วมกันในอุตสาหกรรมเดียวกัน) ตามข้อมูล realme ถูกระบุเป็น บริษัทย่อยของ OPPO
อ่านเพิ่มเติม: เลือกอะไรดีระหว่าง Realme vs OPPO
realme กับ Xiaomi หรือ “Redmi” ยี่ห้อเดียวกันหรือเปล่า?
ไม่ใช่
Xiaomi เป็นอีกบริษัทหนึ่ง และ Redmi เป็นซับแบรนด์ภายใต้ Xiaomi (ยกระดับเป็นแบรนด์ย่อยตั้งแต่ปี 2019)
realme ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับ Xiaomi/Redmi
อ่านเพิ่มเติม: realme กับ Xiaomi เลือกแบรนด์ไหนดี
realme กับ OnePlus เกี่ยวกันยังไง?
ทั้ง OnePlus และ realme มีสายสัมพันธ์ทางเครือกับ OPPO (OnePlus ถูกระบุเป็นบริษัทย่อยของ OPPO) และทั้งหมดมี “ราก” เดียวกันในเครือที่คนรู้จักว่า BBK ในเชิงประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนจีน แม้จะทำตลาดคนละแบรนด์
realme ของประเทศอะไร จากจีนไหม?
ใช่ สำนักงานใหญ่อยู่ที่ เซินเจิ้น กวางตุ้ง ประเทศจีน
ทำไม realme ถึงโตเร็ว โดยเฉพาะในอินเดีย
กลยุทธ์ราคา/สเปคที่ “คุ้ม” และเน้นการขายออนไลน์ ทำให้ช่วงปี 2019–2020 realme ขยายส่วนแบ่งได้เร็วในอินเดียและเริ่มบุกยุโรป
สรุปสั้นสำหรับคนเสิร์ช “ประวัติ realme / realme คืออะไร / realme ดีไหม”
- ตัวตนแบรนด์: เกิดจากทีมอดีตผู้บริหาร OPPO เน้นสมาร์ทโฟน “สเปคคุ้มราคา ใช้งานจริงได้ดี” ชูจุดขายด้านชาร์จไว หน้าจอลื่น และดีไซน์จับต้องได้
- สายสัมพันธ์แบรนด์: เดิมเป็นซับแบรนด์ OPPO ก่อนแยกเป็นแบรนด์ของตัวเอง ปัจจุบันข้อมูลสาธารณะระบุว่าอยู่ในเครือ OPPO; ส่วน Xiaomi/Redmi เป็นอีกบริษัทหนึ่ง ไม่ใช่เจ้าของเดียวกัน; OnePlus อยู่ฝั่ง OPPO เช่นกัน
- การรับรู้ตลาด: โตไวในอินเดียและขยายยุโรปจากแนวทาง “คุ้มค่า” หากคุณมองหาเครื่องในงบไม่สูงแต่ต้องการฟีเจอร์ระดับใช้งานจริงครบ ๆ realme คือหนึ่งในตัวเลือกที่ควรเปรียบเทียบ
วิธีการเลือกซื้อมือถือ realme ให้ตรงใจ
1. เริ่มที่ “งบ” แล้วค่อยเลือกรุ่น “ตระกูล” ให้ตรงงาน
- งบไม่เกิน 5,000 เน้นคุ้มค่าพื้นฐาน: จอ 90–120Hz, แบต 5,000–6,300mAh, ชาร์จไว 33–45W (เช่นตระกูล C, Note)
- 5,000–10,000 เพิ่มความลื่นและกล้องนิ่งขึ้น (เริ่มเห็น AMOLED 120Hz, ชิป 5G ระดับกลาง, OIS บางรุ่น) (C รุ่นบน, 13/14T/P)
- 10,000–18,000 สมดุล “จอ+กล้อง+ชิป” ครบขึ้น (14 5G ฯลฯ)
- 18,000–25,000 / 25,000+ สายแรง/แฟลกชิป (GT 7T / GT 7 / GT 7 Pro): ชิปท็อป, การระบายความร้อนจริงจัง, จอสว่างพีคสูงมาก, ชาร์จเร็วระดับสูง
ภาพรวมตระกูล realme:
- C/Note = คุ้มค่าเริ่มต้น
- เลขรุ่น (13/14/14T) = กลางสมดุล
- P = อึดทน/AMOLED ในงบกลางล่าง
- GT = ประสิทธิภาพสูง
2. เลือกตาม “งานที่ทำบ่อย”
เล่นเกมหนัก / ใช้งานยาว
- มองชิประดับกลางบน–ท็อป (เช่น Dimensity 8xxx/9xxx หรือ Snapdragon ซีรีส์ 8/6 รุ่นใหม่), ระบบระบายความร้อนแบบ VC/360°
- จอ 120Hz + การทัชไว, ลำโพงสเตอริโอจะช่วยเรื่องอรรถรส
- แบต 5,000–7,000mAh + ชาร์จไว 67–120W ถ้าเล่นยาว
กล้องนิ่ง ใช้ได้จริง
- ให้ OIS สำคัญกว่าตัวเลขเมกะพิกเซล
- เช็กโหมดกลางคืน/กันสั่นวิดีโอ และดูคุณภาพจากตัวอย่างภาพจริง
แบตอึด ใช้งานทั้งวัน
- 6,000mAh ขึ้นไปเห็นผลชัด, ชาร์จไว 45W+ ลดเวลารอ
- ซอฟต์แวร์ต้องฉลาดเรื่องจัดการแอปพื้นหลัง
จออ่านง่ายกลางแจ้ง/คอนเทนต์ลื่นตา
- AMOLED 120Hz ให้ทั้งสีและความลื่น
- ถ้าออกแดดบ่อย มอง “ความสว่างพีคสูง” (หลายรุ่น GT/รุ่นใหม่ ๆ เคลมพีคสูงมาก)
ใช้งานลุย/โดนฝุ่นละออง/ละอองน้ำ
- เช็ก มาตรฐาน IP: IP54 = กันละอองเบา ๆ, IP66/68/69 = ทนทานขึ้น (แต่ใช้ตามข้อจำกัดผู้ผลิต)
- บางรุ่นมีโครงสร้างเสริม (เช่นเกราะ/ArmorShell) เพิ่มความอุ่นใจจากการกระแทกเล็กน้อย
3. สเปกที่ “คุ้มจริง” ไม่ใช่แค่ตัวเลข
- RAM/Storage: แนะนำ 8/128GB หรือ 8/256GB เป็นฐาน (Dynamic RAM ช่วยได้ แต่ไม่แทน RAM จริง)
- จอ: AMOLED ให้คอนทราสต์/สีดีกว่า IPS; 120Hz รู้สึกลื่นกว่า 90Hz/60Hz ชัดเจน
- ชาร์จไว: 45W คือจุดเริ่มที่ต่างจาก 18–33W ชัดเจน; 80–120W สะดวกมากถ้าต้องวิ่งงาน
- ระบบเสียง/พอร์ต: ลำโพงสเตอริโอ + USB-C + ช่อง 3.5 มม. (ถ้าจำเป็น)
- ซอฟต์แวร์/อัปเดต: realme UI รุ่นใหม่ (Android 14–15) + นโยบายอัปเดตตามที่ผู้ผลิตประกาศ
- การรับประกัน/ศูนย์บริการ: เช็กศูนย์ในพื้นที่, เงื่อนไขประกันจอ/แบต/อุปกรณ์เสริม
4. วิธีทดสอบ “หน้าร้าน/วันแกะกล่อง”
- เปิดจอสุดกลางแดด อ่านได้สบายไหม, มีสั่นหรือไล่ความสว่างขั้นบันไดผิดปกติหรือไม่
- เดินถ่ายวิดีโอสั้น ๆ ดูกันสั่น (OIS/EIS) และโฟกัส
- เปิดเพลง/วิดีโอ ฟังความดัง/เวทีเสียง, ตรวจสเตอริโอ
- เปิด 5–6 แอปสลับเร็ว ๆ ดูการโหลด/รีเฟรช, อุณหภูมิขึ้นเร็วไหม
- เช็ก 5G/Wi-Fi/NFC ตามที่ใช้จริง และลองโทรสั้น ๆ ตรวจสัญญาณ
5. ถ้าต้องเลือกจาก “รายการ 12 รุ่น” ในบทความนี้
- เริ่มต้น/คุ้มค่า: C71, C63, Note 60x, C75x โฟกัสแบต/จอลื่นพื้นฐาน/ความทน
- กลางคุ้ม: C75, 13 5G, 14T 5G, P3 5G ได้ AMOLED/ Charging 45W/ กันสั่น OIS/ ชิป 5G กลาง ๆ
- กลางบนสมดุล: 14 5G จอ AMOLED 120Hz + แบต 6,000mAh + OIS
- ประสิทธิภาพสูง: GT 7T / GT 7 / GT 7 Pro → ชิปแรง, จอสว่างพีคสูง, ระบายความร้อนจริงจัง
บทส่งท้าย
ท้ายที่สุด “มือถือ realme รุ่นไหนดี” ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทำบ่อยที่สุดและงบที่ตั้งไว้ ล็อกงบก่อน แล้วเลือกตามงานหลัก (เล่นเกม/ถ่ายภาพ/ใช้งานทั้งวัน/จออ่านกลางแจ้ง) จากนั้นดู 3 จุดชี้ขาดให้จบไว: จอ (90/120Hz หรือ AMOLED), พลังงาน (แบต 5,000–6,000mAh + ชาร์จไว) และ กล้อง/ชิป ให้ตรงสไตล์ใช้งานจริงของคุณ
ก่อนตัดสินใจ แนะนำให้ลองจับเครื่องจริง เช็กความสว่างหน้าจอในที่โล่ง ลองสลับแอป/ถ่ายวิดีโอสั้น ๆ และฟังลำโพงสเตอริโอ (ถ้ามี) พร้อมตรวจเงื่อนไข ประกัน/ศูนย์บริการ และ โปรโมชันล่าสุด ซึ่งมักทำให้รุ่นที่เล็ง “คุ้มขึ้นอีกขั้น”
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเลือก realme ที่ “ใช่” ได้รวดเร็วและตรงใจมากขึ้น