บรรณาธิการ
เชื่อว่าแอปส่งอาหารน่าจะต้องเป็นแอปพื้นฐานประจำเครื่องของใครหลายคนอย่างแน่นอน เพราะมันสะดวกสบาย หิวเมื่อไรก็สั่งได้ ยิ่งถ้าใครทำงานติดพันก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเวลา แค่หยุดพักสั่งอาหารไม่เกิน 10 นาทีก็ลุยงานต่อได้ แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานส่งอาหาร ทีนี้สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยลองใช้บริการ มีอะไรที่ต้องทำความเข้าใจบ้าง ลองดูไปพร้อมกัน
- ค่าจัดส่ง มีทั้่งแบบที่เหมาจ่ายและคิดตามระยะทาง ยิ่งร้านอยู่ไกลบ้านค่าส่งก็ยิ่งแพง ก่อนจะสั่งอะไรจึงต้องคำนวณเงินเผื่อค่าส่งเอาไว้ด้วย
- ระยะเวลาในการจัดส่ง ซึ่งข้อมูลตรงนี้อาจจะมีคำนวณมาให้ก่อนสั่งอาหาร หรือให้มาหลังสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากร้านไหนขายดีอาจต้องรอกันเป็นชั่วโมง เราจึงต้องดูเวลาของเราด้วยว่าจะพร้อมรอรับอาหารหรือไม่
- โปรโมชั่น อย่ารีบสั่งอาหารโดยไม่ตรวจสอบก่อนว่าแต่ละวันมีโปรอะไรเด็ดๆ บ้าง อาจจะเป็นลด 50 เปอร์เซ็นต์ จัดเซตพิเศษ หรือจัดส่งให้ฟรีไม่เกี่ยวกับระยะทาง แล้วเลือกใช้ให้เหมาะสมก็จะช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะ
Line Man
ค่าจัดส่งเริ่มต้น 55 บาท
แอปส่งอาหาร Delivery ที่ทำได้มากกว่าสั่งอาหาร
เป็นแอปแรกๆ ที่เปิดให้บริการ และมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดในระยะเวลาไม่นาน ภายในแอปจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับอาหาร ราคา และตำแหน่งที่ตั้งชัดเจน พร้อมกับมีรายการแนะนำจากทางแอปอีกด้วย นอกจากสั่งอาหารแล้วก็ยังสามารถใช้บริการส่งของและบริการรถโดยสารได้ด้วย
รีวิวจากผู้ใช้จริง
ถึงค่าส่งจะสูงไปหน่อย แต่ก็มีรายการร้านค้าเยอะมาก บริการรวดเร็วทันใจด้วย
ข้อดี
- มีการร่วมมือกับ wongnai เพื่อคัดเลือกร้านดีๆ มาไว้ให้บริการ
- มีโปรโมชั่นค่อนข้างบ่อย
ข้อเสีย
- ค่าส่งค่อนข้างสูงและบวกเพิ่มตามระยะทาง
Android
iOS
Food Panda
ค่าจัดส่งเริ่มต้น 40 บาท
แอปส่งอาหาร Deliveryใช้งานผ่านแอปหรือเว็บไซต์ก็ได้
จุดเด่นของแอปนี้ก็คือรายการร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดค่อนข้างมาก พื้นที่ให้บริการกว้างขวาง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด มีร้านอาหารที่เป็นพันธมิตรซึ่งให้ส่วนลดกันแบบจุใจกว่า 1000 แห่ง ที่สำคัญทีม FOOD PANDA ยังให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงด้วย
รีวิวจากผู้ใช้จริง
แรกๆ ไม่ค่อยชินเท่าไรกับการใช้งานระบบ แต่หลังๆ ก็คล่องตัวแล้ว ใช้ดีค่ะ ถ้าชอบอาหารง่ายๆ แต่อร่อย สั่เงลย
ข้อดี
- มีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย
- มีคูปองส่วนลดให้ตลอดเวลา
ข้อเสีย
- ร้านแนะนำยังถือว่าน้อยอยู่เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ
Android
iOS
Grab Food
ค่าจัดส่งเร่ิมต้น 10 บาท
แอปส่งอาหาร Delivery ที่เช็คตำแหน่งผู้ส่งแบบเรียลไทม์
เป็นแอปที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่าง Grab และ Uber ทำให้มีข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารมากกว่า 4000 รายการ หนึ่งในโปรโมชั่นที่โดนใจสุดๆ ก็คือจัดส่งอาหารฟรีไม่ว่าระยะทางเท่าไร หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วก็ยังมีการคำนวณเวลาที่ผู้สั่งจะได้รับอาหารให้ด้วย
รีวิวจากผู้ใช้จริง
สั่งง่าย ส่งเร็วดี
ข้อดี
- มีรายการแนะนำร้านอาหารที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากตำแหน่งผู้สั่งอาหาร
- มีการเพิ่มร้านอาหารใหม่ๆ อยู่เสมอ
ข้อเสีย
- บางครั้งร้านที่แจ้งว่าเปิด พอไปถึงกลับปิด
Android
iOS
Skootar
ค่าจัดส่งเริ่มต้น 70 บาท
แอปส่งอาหาร Delivery ที่ผู้ซื้อและผู้ขายติดต่อกันโดยตรง
เดิมทีแอปนี้จะให้บริการส่งเอกสาร แล้วค่อยต่อยอดมาเป็นส่งอาหารในภายหลัง เป็นบริษัทสตาร์ทอัพของคนไทยที่เคยได้รับรางวัลจากการแข่งขันมาแล้วมากมาย หลักการคือให้ผู้ซื้อสั่งอาหารโดยตรงกับทางร้านโดยไม่ผ่านคนกลาง แล้วใช้บริการ SKOOTER ในการส่งอาหาร
รีวิวจากผู้ใช้จริง
บริการดีมากค่ะ ทั้งส่งอาหารและเอกสาร
ข้อดี
- ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
- ชำระเงินสด โอนผ่านธนาคารหรือใช้ SKOOTAR Wallet ก็ได้
ข้อเสีย
- ไม่รับส่งของที่เสียหายได้ง่าย เช่น เค้ก เป็นต้น
Android
iOS
Honestbee
ค่าจัดส่งเริ่มต้น 70 บาท
แอปส่งอาหาร Delivery สำหรับคนที่ต้องการวัตถุดิบ
ไม่ใช่แค่คนที่อยากทานอาหารสำเร็จเท่านั้นที่มีแอปไว้คอยบริการ เพราะนี่เป็นแอปที่จะจัดส่งสินค้าประเภทวัตถุดิบจากซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ถึงบ้าน โดยเลือกได้ด้วยว่าจะให้ไปซื้อที่ไหน แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะได้ของที่ไม่สดใหม่ ทางทีมงานได้ผ่านการฝึกฝนเกี่ยวกับการเลือกซื้อวัตถุดิบมาอย่างดีแล้ว
รีวิวจากผู้ใช้จริง
เป็นคนทำครัวบ่อยค่ะ แอปนี้ดีมากตรงที่ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อเอง
ข้อดี
- สั่งล่วงหน้าได้ 7 วัน
- การันตีว่าได้รับของภายใน 1 ชั่วโมงทั้งสำหรับเขตกรุงเทพมหานคร
ข้อเสีย
- ยังมีพื้นที่ให้บริการค่อนข้างน้อย
Android
iOS
Happy Fresh
ค่าจัดส่งเริ่มต้น 60 บาท
แอปส่งอาหาร Delivery สำหรับอาหารสดและของใช้
เป็นแอปที่ให้บริการเฉพาะเขตกรุงเทพและปริมณฑลเท่านั้น สามารถสั่งสินค้าได้หลากหลาย ทั้งหมวดของวัตถุดิบปรุงอาหารและหมวดของใช้ภายในบ้าน ร้านค้าในแอปก็จะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น เทสโก้ โลตัส Gourmet Market เป็นต้น
รีวิวจากผู้ใช้จริง
สะดวกมากถึงมากที่สุด เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปหอบของใช้ที่ละเยอะๆ จากห้างอีกแล้ว
ข้อดี
- สั่งล่วงหน้าได้ 6 วัน
- จ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้
ข้อเสีย
- แอปรวนค่อนข้างบ่อย
Android
iOS
GET
ค่าจัดส่งเริ่มต้น 10 บาท
แอปส่งอาหาร Delivery มีมาพร้อมโปรโมชั่นจัดเต็ม
แม้ว่าจะเป็นแอปน้องใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับแอปส่งอาหารรุ่นหลังๆ แต่ด้วยบริการที่น่าประทับใจก็ทำให้ขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ภายในแอปมีการจัดหมวดหมู่ของอาหารเอาไว้ให้ สะดวกต่อการเลือกดู และยังมีฟังก์ชันการรีวิวอาหารจากคนที่ใช้งานแอปอีกด้วย
รีวิวจากผู้ใช้จริง
ค่าส่งถูกจริงๆ ค่ะ แล้วก็ส่งเร็วดี ติดตามคนส่งได้ด้วย
ข้อดี
- มีอาหารให้เลือกตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงภัตตาคารชื่อดัง
- พูดคุยกับผู้ส่งผ่านทางช่องแชทได้
ข้อเสีย
- จะมีการคัดร้านอาหารบางร้านออกไปจากการให้บริการเป็นระยะๆ
Android
iOS
BASIL by INDY DISH
ค่าจัดส่งเริ่มต้น 60 บาท
แอปส่งอาหาร Delivery สายสุขภาพ
หากกำลังมองหาอาหารคลีนอร่อยๆ แอปนี้ตอบโจทย์ได้ตรงประเด็นที่สุด เพราะรวบรวมหลากหลายเมนูที่ดีต่อสุขภาพเอาไว้แบบอัดแน่น แถมมีการบอกให้ด้วยว่าเมนูที่สนใจนั้นมีพลังงานกี่แคลอรี่ แยกให้เป็นโปรตีน แป้งและไขมันอีกด้วย
รีวิวจากผู้ใช้จริง
เหมาะกับช่วงลดน้ำหนักมากๆ ค่ะ
ข้อดี
- เหมาะกับการสั่งหลายๆ กล่องแล้วเก็บแช่เย็นไว้
- เป็นอาหารที่เหมาะกับการควบคุมน้ำหนัก
ข้อเสีย
- ต้องสั่งล่วงหน้า 1 วัน
Android
iOS
Uber Eats
ค่าจัดส่งเริ่มต้น 30 บาท
แอปส่งอาหาร Delivery กับเป้าหมาย everyday menu
จากมุมมองที่อยากให้ทุกคนได้กินอาหารอร่อยทุกวันโดยไม่เบื่อ เลยทำให้ทางแอปพยายามรวบรวมร้านอาหารที่หลากหลายมาไว้ด้วยกัน จนมีให้เลือกมากกว่า 10000 เมนูแล้วในปัจจุบัน ข้อดีคือทางร้านจะเข้าถึงการสั่งอาหารของลูกค้าได้ จึงเตรียมอาหารได้ทันที
รีวิวจากผู้ใช้จริง
ชอบค่ะ สะดวกมาก
ข้อดี
- ไม่มีขั้นต่ำในการสั่งซื้อ
- จัดส่งได้รวดเร็ว
ข้อเสีย
- ต้องชำระเงินผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น
Android
iOS
UBONHERO
ค่าจัดส่งเริ่มต้น 30 บาท
แอปส่งอาหาร Delivery ในเขตอุบลราชธานีและวารินชำราบ
ถึงจะเปิดตัวมาได้ไม่นานเท่าไรแต่ก็ได้รับความนิยมพอสมควร เนื่องจากเป็นเจ้าเดียวที่ส่งอยู่ในอุบลราชธานี ภายในแอปจะรวบรวมร้านชื่อดังไว้มากมาย มีครบทั้งคาวหวาน และยังมีโปรโมชั่นส่งอาหารฟรีให้ทุกวัน ที่สำคัญสามารถสั่งอาหารจากหลายร้านได้พร้อมกันด้วย
รีวิวจากผู้ใช้จริง
โอเคเลย เวลาที่ไม่อยากออกไปข้างนอก
ข้อดี
- มีโปรโมชั่นให้ทุกวัน
- มีการบันทึกข้อมูลลูกค้าเพื่อความสะดวกในการส่งครั้งต่อไป
ข้อเสีย
- มีคิดค่าบริการเพิ่มอีก 7 เปอร์เซ็นต์
Android
iOS
บทส่งท้าย
การใช้บริการแอปส่งอาหาร นอกจากเรื่องของความสะดวกสบายแล้ว เราก็ยังได้เลือกเมนูที่ชื่นชอบได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องไม่เผชิญกับการจราจรอันวุ่นวายและอากาศที่ร้อนเกินบรรยายอีกด้วย แม้ว่าบางแอปจะดูเหมือนค่าส่งแพงไปหน่อย แต่ถ้าคิดดีๆ เราขับรถออกไปเองอาจจะจ่ายแพงกว่าหลายเท่าทีเดียว